เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 114 คุมขัง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 114 คุมขัง

ในฐานะสามี นักบัญชีหลี่ก็ยังดีอยู่บ้าง แต่พอถูกทุบตีก็เหมือนตาแก่ลวนลวนผู้หญิงคนหนึ่ง

คังอี้เยี่ยเป็นผู้หญิง แต่ตอนที่โดนก็โดนไม่ใช่น้อย

กลายเป็นว่าสถานการณ์อันวุ่นวายแบบนี้ไม่รู้ใครตีใคร ไม่รู้ใครกำลังฉวยโอกาส

เสื้อผ้าบนร่างกายของคังอี้เยี่ยหลุดลุ่ยอย่างรวดเร็วภายใต้มือที่ล่วงล้ำมากมาย

เนื้อตัวขาวโพลน ขนลุกชันเมื่อต้องสายลมหนาว

แต่คังอี้เยี่ยไม่สนใจเรื่องลมหนาวแล้ว เธออับอายจนเกือบตายเพราะถูกเผยร่างต่อหน้าสาธารณชน

เดิมทีแค่เห็นนักบัญชีหลี่ควบคุมซูเถาฮวาได้ เอาของกินของดื่มมาให้เธอทั้งหมด ยังคิดว่าซูเถาฮวาอายุเยอะแล้วก็คงเป็นพวกปอดแหก

ใครจะรู้เล่าว่าซูเถาฮวากลับลงมือใส่พวกเขาในวันส่งท้ายปีเก่า แล้วยังสร้างเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ด้วย

เธอคิดผิดจริง ๆ ซูเถาฮวาเป็นคนโหดเหี้ยมคนหนึ่ง และไม่คิดถึงสิ่งที่จะตามมาด้วย เดิมก็ไม่เคยคิดที่จะให้อภัยเธอและนักบัญชีหลี่สักนิด

พอคิดถึงเรื่องนี้คังอี้เยี่ยก็เป็นลมล้มพับไป ส่วนนักบัญชีหลี่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกันนักแต่ยังมีสติอยู่

พอเห็นคังอี้เยี่ยเป็นลมก็หวังว่าจะเป็นลมไปบ้างเพื่อไม่ให้เสียหน้า

ซูฉางจิ่วกลัวว่าถ้ายังถูกตีแบบนี้ต่อไปจะตายเอาได้ ถึงได้พยายามเดินมาอย่างจองหอง

“เกิดอะไรขึ้น? ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายมาตั้งแต่ไกลเลย”

“ไอ๊หย่า หัวหน้าชุมชนคุณมาแล้ว”

มีสมาชิกในชุมชนรีบรุดขึ้นหน้า แล้วอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

“พวกรองเท้าขาดเหรอ? นักบัญชีหลี่เป็นเจ้าหน้าที่ของพวกเรานะ ไม่น่าแหกกฎหรอกมั้ง?” ซูฉางจิ่วแสร้งทำเป็นไม่เชื่อ

“ถุย คนหน้าด้านน่ะสิ หัวหน้าชุมชน คุณจะช่วยนักบัญชีหลี่เพราะเขาเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ได้นะ” มีใครบางคนตะโกนขึ้น

“ใช่แล้วหัวหน้า พวกเรามีกันตั้งเยอะจะเข้าใจผิดได้อย่างไร?”

“คุณดูสิ พวกชู้มันอดใจไม่ไหวทำกันแต่หัววันเลย ตอนที่ถูกเถาฮวาจับได้ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าด้วย”

“เสี่ยวกังน่าสงสารนัก ส่งท้ายปีเก่าแท้ ๆ แต่พ่อใจร้ายเอาอาหารไปให้เมียน้อยหมดเลย”

นี่คือสิ่งที่ซูฉางจิ่วรออยู่

ซูเถาฮวาก็อยู่ในตระกูลซูเช่นกัน เขากลัวว่าถ้าพูดตรง ๆ จะมีคนบอกว่าเขาเข้าข้างคนบ้านตัวเอง

และตอนนี้คนในกองชุมชนล้วนบอกว่าเขาไม่สามารถช่วยนักบัญชีหลี่ได้ เช่นนั้นก็ดี

“จริงหรือ? หลี่ฉางหมิงเอ๋ย ทำไมทำให้ผมผิดหวังแบบนี้ล่ะ? คุณเป็นเจ้าหน้าที่นะ ต้องเป็นผู้นำสิ ทำไมถึงมาเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ล่ะ” ซูฉางจิ่วพูดด้วยความเคียดแค้นสุดขีด

“คุณลืมไปแล้วเหรอที่พวกเราไปคิดบัญชีพวกบ้านหวังที่ชุมชนเซี่ยงหยางน่ะ? ไอ๊หย่า คุณไม่ได้ไปแต่ทีแรกนี่ ทำไมผมถึงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ?”

ซูฉางจิ่วพูดพลางตบหัวแสร้งทำเป็นเพิ่งเข้าใจเรื่องราว

พวกสมาชิกถูกเตือนสติแล้วก็จำได้ทันทีว่านักบัญชีหลี่ไม่ได้ตามพวกคนในชุมชนตามไปช่วยแต่แรก

เป็นไปได้ไหมที่เขาจะอยู่กับคังอี้เยี่ยในตอนนั้น เลยไม่กล้าไป?

ชัดเลยว่าทุกคนลืมไปหมดแล้วว่าตอนนั้นคังอี้เยี่ยยังไม่ได้อยู่ที่นี่

แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะคิดอย่างไร แค่บอกตัวเองว่าพวกเขาสองคนต้องอยู่ด้วยกันมาก่อนช่วงนั้นแน่นอน

“ไอ้คนไร้ยางอาย ไม่แปลกใจเลยที่แกไม่ตามเราไปทวงความยุติธรรมให้หม่านซิ่ว!”

ประโยคเดียวทำให้อารมณ์ของทุกคนถูกจุดติดอีกครั้ง

คนที่นอนอยู่บนพื้นไม่ได้ส่งเสียงสักนิด แล้วก็ถูกเตะอีกหลายครั้ง

“เอาล่ะ ๆ สมาชิกทุกท่าน พวกนี้จะถูกตบตีจนตายแล้ว” ซูฉางจิ่วรีบหยุดไว้

ตีได้ไม่ว่า แต่ถ้าตีจนตายก็พูดยากแล้ว

“ตบตีจนตายก็นับเป็นฆ่าคนเหมือนกันนะ!”

เมื่อเอ่ยถึงประโยคนี้ การเคลื่อนไหวของทุกคนก็หยุดลง

สามแม่ลูกซูเถาฮวายืนอยู่ข้าง ๆ มองดูฉากวุ่นวายตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ

คุณย่าซูเห็นฉากนี้แล้วรู้สึกเศร้าใจเลยพูดต่อว่า “ก่อกรรมทำชั่วแท้ ๆ ซูเถาฮวาเป็นเด็กดี ทำไมถึงได้เจอคนหน้าด้านแบบนี้ได้?”

ซูฉางจิ่วสงบสติคนในชุมชน ก่อนตัดสินใจแก้ปัญหา

ทุกคนยอมรับพวกรองเท้าขาดไม่ได้ และพวกเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง

เพราะเป็นช่วงปีใหม่ทางชุมชนใหญ่จึงหยุดทำการ ซูฉางจิ่วและผู้อาวูโสสองสามคนเลยพาทั้งสองไปที่ศาลบรรพชนหลังเก่า

หลังปีใหม่ค่อยส่งไปยังชุมชนใหญ่อีกครั้ง

ก่อนที่จะขัง ซูฉางจิ่วไม่ลืมที่จะขอให้หมอหลี่รักษาบาดแผลอย่างง่าย ๆ ด้วย จะได้ไม่ตายอยู่ที่นี่

พอขังเสร็จ หัวหน้าซูก็จัดให้ทหารกองหนุนคอยเฝ้าเวรสลับกัน

เดิมทีมันเป็นวันที่ทุกคนในครอบครัวรวมตัวกันช่วงปีใหม่ และการที่จัดให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันนั้น เราจินตนาการความคิดของพวกทหารกองหนุนได้เลย ต้องเอาสองคนนี้ออกมาระบายความโกรธแน่

แต่เพราะหมอหลี่บอกว่าสองคนนี้ทนไม่ไหวแล้ว ถ้าเกิดเรื่องอีกอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ พวกทหารเลยได้แต่จิกซี่โครงแทน

คืนหนึ่งผ่านไป เนื้อบนร่างที่ถูกจิกถูกขวนไม่มีชิ้นดีเลย มันเปลี่ยนเป็นสีเขียวสีม่วงช้ำ

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากัน ไม่ต้องพูดตอนนี้หรอก

หลังจากนั้นซูเถาฮวาที่มองนักบัญชีหลี่และคังอี้เยี่ยถูกขังไป ก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้บนพื้นในที่สุด

เธอร้องไห้อย่างเจ็บปวด พวกผู้หญิงในหมู่บ้านก็ร้องไห้ด้วย

เหลียงซิ่วปาดน้ำตาก่อนก้าวไปข้างหน้าเพื่อผยุงเธอให้ลุกขึ้น คอยพูดเกลี้ยกล่อม “พี่เถาฮวา อย่าร้องไห้เลย พวกเด็ก ๆ ยังรอพี่อยู่นะ”

เหลียงซิ่วเตือนซูเถาฮวา แล้วเธอก็จำได้ว่ายังมีพวกเด็ก ๆ อยู่ เธอเป็นแม่คนแล้วจะไม่สนใจพวกลูก ๆ ไม่ได้หรอก

เธอปาดน้ำตาไปหนึ่งที แต่น้ำตายังไม่มีท่าทีจะหยุดไหล

“เถาฮวา ไปบ้านฉันช่วงปีใหม่สิ!” คุณย่าซูก้าวไปจับมือซูเถาฮวา กระซิบปลอบโยน

ท่าทางของซูเถาฮวาทำให้เธอนึกถึงซูหม่านซิ่ว จึงอดรู้สึกกังวลไม่ได้

โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงเสียเลย!

ซูเสี่ยวเหมยรีบวิ่งไปผยุงมารดา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นแม่อ่อนแอเพียงนี้

“คุณป้า ฉันไม่ไปหรอก ฉันจะพาลูกกลับบ้านช่วงปีใหม่!” ซูเถาฮวาพูดอย่างหนักแน่น “เสี่ยวกัง ไปกันเถอะ กลับบ้านไปทำเกี๊ยวปีใหม่กัน!”

ถึงแผ่นหลังเธอจะตั้งตรง แต่ร่างกายกลับซวนเซ

“กลับกัน กลับบ้านไปช่วงปีใหม่!” คุณย่าซูตะโกนบอกคนอื่น ๆ ที่ยังคงยืนดูอยู่

ทุกคนมองดูซูเถาฮวาจากไป จากนั้นก็ทยอยแยกย้ายกันไป

ตอนที่คุณย่าซูกลับมาถึงบ้าน ยังถอดถอนใจอยู่

ซูเถาฮวาเป็นเด็กดี ตอนเป็นเด็กสาวก็เป็นหญิงแกร่งที่มีชื่อเสียง แล้วทำไมถึงมาจับคู่กับปีศาจแบบนี้ได้?

ซูหม่านซิ่วรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่ฝั่งของซูเถาฮวา ใจรู้สึกอึดอัดมาก

เดิมทีคิดว่าโลกใบนี้มีแค่เธอคนเดียวที่น่าสงสารก็พอแล้ว ใครจะรู้เล่าว่าพี่เถาฮวาจะน่าสงสารเหมือนกัน

“แม่คะ ไม่งั้นให้ฉันไปดูพี่เถาฮวาไหม?” ซูหม่านซิ่วกล่าว

“ไม่ต้องไปหรอก จิตใจเธอไม่ค่อยดี รออีกสักพักให้พี่สะใภ้สามส่งเกี๊ยวไปให้เธอ จะได้ไปดูเธอด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”

ถ้าหม่านซิ่วไป กลัวว่าภายในใจเถาฮวาจะยิ่งแย่ ตรงกันข้ามกับเหลียงซิ่วและซูเถาฮวาที่มีความสัมพันธ์อันดีเสมอมา ให้ไปปลอบสักประโยคสองประโยคก็พอแล้ว

ซูหม่านซิ่วพยักหน้า “แม่คะ วันนี้ฉันเอาของมาไม่น้อยเลย ไว้ส่งไปให้พี่เถาฮวาสักหน่อยนะคะ วันส่งท้ายปีเก่าทำเธอลำบากจริง ๆ”

ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็เห็นหลี่จู้จื่อเข้ามาพร้อมกับกะละมังและถือถุงมาด้วยอีกใบ

เขาเดินเข้ามาทักทาย แล้วกล่าวคำอวยพร

“จู้จื่อ แค่มาก็พอ ทำไมต้องเอาของมาเยอะแยะด้วยเล่า?” คุณย่าซูรีบร้อนพูดเมื่อเห็น

“วันส่งท้ายปีเก่าแท้ ๆ แล้วผมจะมามือเปล่าได้อย่างไรกันครับ? นี่เป็นสิ่งที่แสดงความเคารพให้คุณป้ากับคุณลุงครับ” หลี่จู้จื่อยิ้มแล้วส่งของให้คุณย่า

“อะไรเหรอ”

“ตอนที่ผมเลือกมาเนื้อดี ๆ ไม่ค่อยมีแล้ว เลยเอาไส้มาแทน ถึงจะไม่อร่อยเท่าเนื้อ แต่มีเยอะมากเลย ผมต้มมาสุกแล้ว ให้ป้าช่วยใส่หม้อแล้วคืนผมเป็นอาหารสักมื้อครับ”

“เด็กคนนี้ เกรงใจเกินไปแล้ว” คุณย่าซูพูดโกรธ ๆ “ถ้าสุกแล้วก็กินเองที่บ้านซี่ จะเอามาให้บ้านฉันทำไมเล่า?”

“คุณป้า ผมเอามาแลกกับเนื้อไงครับ เสี่ยวเถียนบอกว่าบ้านป้าทำแพร์เนื้อหน้าหนาว แล้วผมก็ชอบกินมากเลย คุณป้างั้นเดี๋ยวผมไปหาลุงที่ห้องหลักก่อนนะ”

คุณย่าซูนำไส้หมูในกะละมังไปห้องครัวก่อนให้สะใภ้หั่น ใส่พริกใส่ต้นหอมลงไปผัด ไม่นานไส้หมูผัดก็ส่งกลิ่นหอมฉุยลอยออกมา

ซูเสี่ยวเถียนมีความสุขมาก เธออยากกินไส้หมูผัดมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสและในตอนนี้ก็ได้กินเสียที

คุณย่าซูมองแมวน้อยจอมตะกละ รู้สึกมีความสุขมากจนอารมณ์ขุ่นมัวก่อนหน้าหายไปเล็กน้อย

“พวกเธอดูสิ แมวตะกละน้ำลายยืดแล้ว”

“คุณย่าทำอาหารน่ากินมาก!” ซูเสี่ยวเถียนเยินยอ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท