บทที่ 124 มุ่งหน้าไปสร้างความวุ่นวาย
บทที่ 124 มุ่งหน้าไปสร้างความวุ่นวาย
ลูกของหม่านซิ่วไม่นับว่าเป็นคนจากบ้านหลักตระกูลซู แต่การที่คนบ้านนี้จะส่งไข่แดงให้ที่จริงแล้วมันไม่เหมาะหรอก แต่ใครใช้ให้ตอนนี้คุณย่าซูภาคภูมิใจขนาดนี้เล่า?
และใครใช้ให้ลูกสาวแกแต่งงานกับหัวหน้าอำเภอด้วย?
มันคือสิ่งที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว
คุณย่าซูไปอำเภอพร้อมกับไข่ไก่ ข้าวฟ่าง และเสื้อผ้าเด็กถุงใหญ่
สมาชิกชุมชนตกใจที่ได้ยินว่าคุณย่าไปดูแลลูกสาวช่วงอยู่ไฟ
หม่านซิ่วคลอดแล้วจริง ๆ หรือ?
ทำไมกะทันหันแบบนี้ล่ะ?
ไม่สิ เหมือนจะได้ยินว่าหม่านซิ่วท้องแต่คิดว่าฟังผิด ทว่าดันกลายเป็นว่าไม่ได้ฟังผิดเสียได้
“หม่านซิ่วมีลูกไม่ได้ไม่ใช่หรือ ไอ้หมาหวังถึงได้ไปหาแม่ม่ายนั่นน่ะ?” สมาชิกหญิงถามด้วยความประหลาดใจ
“อะไรกัน แม่ม่ายนั่นไม่ได้ท้องกับไอ้หมาหวังนะ ฉันว่าเป็นฝ่ายชายต่างหากที่มีลูกไม่ได้” มีคนสวนตอบทันที
“ต้องเป็นไอ้หมาหวังที่มีลูกไม่ได้แน่ หม่านซิ่วเป็นคนโชคดีนัก” มีคนพูดด้วยความอิจฉา
ใครจะคิดว่าผู้หญิงที่ครอบครัวสามีไม่ต้องการ จะได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดีได้อีกรอบล่ะ?
ตอนนี้มีสามีที่ดี เป็นข้าราชการ มีลูกหนึ่งคน แถมยังเป็นลูกชายอีกด้วย ประเสริฐยิ่งนัก
“หม่านซิ่วเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่กี่เดือนนี่?” จู่ ๆ ก็มีใครบางคนถามขึ้น
ไม่มีทางที่แต่งก่อนแล้วจะมีลูกใช่ไหมล่ะ? ถ้าเป็นแบบนั้นก็เป็นพวกรองเท้าขาดเหมือนกัน
“ฉันได้ยินมาว่าเธอคลอดก่อนกำหนด ว่ากันว่าคนบ้านหวังทางฝั่งนั่นมาสร้างปัญหาถึงบ้าน ผลักหม่านซิ่วล้มก็เลยทำให้เธอคลอดก่อนกำหนด” ใครบางคนอธิบายอย่างเร่งรีบ
เห็นได้ชัดว่าคนที่ได้ยินก็ยังสงสัยอยู่
“สวรรค์ ทำไมบ้านหวังมันสร้างปัญหาอีกแล้วล่ะ? บ้านตัวเองสร้างเรื่องเอาไว้ไม่รู้หรืออย่างไร?”
“ไอ้หมาหวังไม่กล้าหรอก ได้ยินว่าได้รับการปล่อยตัวแล้วด้วยนะ”
“ไม่แน่ว่าอาจเป็นไอ้หมาหวังก็ได้นะ ที่ภรรยาดี ๆ กลายเป็นของคนอื่น กลับกันเป็นใครก็ไม่สบายใจ” บางคนคิดว่าไอ้หมาหวังนั่นแหละที่น่าสงสาร
“ไม่สบายใจอะไร ไม่ใช่ว่าไม่ชอบแต่แรกหรอกหรือ?”
“อันที่จริงไม่ใช่ผู้ชายทุกคนหรอกที่จะเป็นแบบนี้ และคนที่หย่าก็ไม่ได้มีเยอะด้วย พอใช้ชีวิตด้วยความอดทนกันไป พอจะหย่าความโกรธก็สุมเยอะแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าชุมชนเรามีอยู่คนหนึ่งหรือไง? พวกเขาบอกว่านักบัญชีหลี่ออกมาได้เมื่อไรนะ ถ้าออกมาแล้วจะคืนดีกับเถาฮวาหรือเปล่า?”
“แล้วใครจะไปรู้เล่า ฉันว่าเถาฮวาจะคืนดีหรือไม่ แต่คนนิสัยนั้นพวกเธอยังไม่รู้กันหรือไงล่ะ?”
“ในความคิดฉันนะ ไม่ต้องอยู่ด้วยกันหรอก คนแบบหลี่ฉางหมิงมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ เถาฮวาของพวกเราเป็นผู้หญิงที่ดีมาก จะงานไหน ๆ ก็ทำได้ พ่อเธอก็เป็นคนมากความสามารถเหมือนกัน จะงานอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ส่วนหลี่ฉางหมิงยังกล้าทำตามอำเภอใจอย่างไปลอบคบชู้อีก!” หญิงชราคนหนึ่งพูดอย่างโกรธเคือง
นี่คือป้าทางฝั่งบ้านของซูเถาฮวา หล่อนเฝ้าดูเด็กคนนี้ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ ตอนยังสาว ๆ ก็เป็นคนที่บุคลิกแข็งแกร่ง เลยชื่นชมหลานคนนี้มาก
“ป้า ป้าไม่อายไม่หรือ?” มีคนถามขึ้นอย่างสงสัย
“จะอายอะไรเล่า? การปกป้องสามีไร้ค่าเป็นเรื่องน่าอายไม่ใช่หรือไง? แล้วสามีไปมีชู้ไม่น่าอายหรืออย่างไร?”
เห็นได้ชัดว่าแม่เฒ่าคนนี้มีบุคลิกที่แข็งแกร่ง ตอนที่พูดจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
คนอย่างเธอมองคนไม่ผิด หลี่ฉางหมิงไม่ใช่คนดีต่างหาก!
“คุณป้าพูดถูกแล้ว หลี่ชางหมิงจะไปคู่ควรกับพี่เถาฮวาได้อย่างไรกัน”
ไม่มีใครรู้ว่า ซูเถาฮวาเห็นฉากนี้พอดีจากที่ไกล ๆ
ดวงตาเธอเปียกชื้น
ถึงจะหย่าขาดด้วยความโกรธ แต่ความจริงแล้วเธอทุกข์ทรมานอย่างหนัก
ช่วงหกเดือนที่ผ่านมาเธอรู้สึกอยู่เสมอว่าสายตาของคนในชุมชนที่มองมามันค่อนข้างไปในทางที่ไม่ดี จะต้องพูดถึงเธอในฐานะผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งซึ่งไม่มีใครต้องการแน่นอน
แต่ในวันนี้เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา เธอรู้สึกได้ทันทีว่าเมฆสีดำที่ลอยอยู่เหนือหัวได้สลายหายไป
ที่แท้ก็คิดมากเกินไปเสียเอง ไม่มีใครดูถูกเธอเลย และไม่มีใครรู้สึกว่าเธอเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งและสมควรโดนดูหมิ่นด้วย
เสี่ยวกังที่อยู่ข้าง ๆ พอเห็นแม่ร้องไห้ออกมาก็รีบไปจับมือไว้
“แม่ครับ แม่ร้องไห้ทำไม?”
เด็กชายคิดมาเสมอว่าที่แม่ร้องไห้เพราะตัวเอง
“แม่ไม่เป็นไรจ้ะ แม่แค่มีความสุข” ซูเถาฮวาเช็ดน้ำตาบนใบหน้า
“แม่ แม่ยังคิดถึงพ่ออยู่ใช่ไหม?” เสี่ยวกังถามอย่างไม่มั่นใจ “แม่ครับ มันเป็นความผิดของผมเอง ถ้าแม่ไม่มีความสุขก็ด่าผมเลย แต่อย่าร้องไห้ก็พอนะ?”
“เสี่ยวกัง มันไม่ใช่ความผิดของลูก แต่เป็นพ่อต่างหากที่ทำตัวไม่เหมาะสม เสี่ยวกัง เมื่อลูกโตขึ้นและแต่งงาน จะต้องดูแลภรรยาให้ดีนะ!” ซูเถาฮวาจับมือลูกชายของเธอและพูดอย่างอ่อนโยน “แม่ทุกข์มาก และแม่ไม่อยากให้ใครต้องทุกข์อีกแล้ว”
เสี่ยวกังพยักหน้าอย่างสับสน ถึงจะไม่เข้าใจว่าแม่พูดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่ฟังมักถูกเสมอ
“ไป กลับบ้านกัน แม่จะทำของอร่อยให้กินนะ”
ซูเถาฮวาพาลูกชายกลับบ้าน
นานสักพักแล้ว และนี่เป็นก้าวด้วยใจที่เบาหวิวที่สุด แม้กระทั่งต้นหญ้าสีเขียวจากที่ไกล ๆ ก็ดูเหมือนจะนำพากลิ่นหอมมาฝาก
อีกหลายปีผ่านไป เธอจะสามารถก้าวอย่างยิ่งใหญ่ได้เหมือนในตอนนั้นอีกครั้ง
หลังจากที่บ้านซูกลับไป ก็ขบคิดแล้วรู้สึกไม่สบายใจ คนบ้านหวังกล้ามาสร้างความวุ่นวายถึงหน้าบ้าน ถ้าพวกเขาไม่พูดอะไรสักหน่อย คาดว่าต้องถูกคนหัวเราะเยาะแน่
“พี่ใหญ่ ไม่งั้นพวกเราไปคุยด้วยเหตุผลดีไหมครับ?” ซูเหล่าเอ้อร์พูดด้วยความฉุนเฉียว “นี่มันกำลังยืนฉี่รดหัวใส่บ้านเราอยู่นะ”
“เห็นด้วย พวกเราไปคุยดี ๆ กับไอ้คนไร้ยางอายอย่างไอ้หมาหวังกันเถอะ” ซูเหล่าต้าว่า “เอาเด็ก ๆ ไปด้วย พวกเขาโตแล้ว ควรรู้ว่าเรื่องในบ้านต้องจัดการอย่างไร”
พี่น้องทั้งสามรวมตัวกันก่อนจะหาไม้กระบองกับท่อนไม้ต่าง ๆ แล้วพาเด็กชายทั้งเก้าไปด้วย
ฉีเหลียงอิงรีบวิ่งไปคุยด้วย “พาพวกเราไปด้วยสิ อย่างน้อยก็มีพวกผู้หญิงไปหน่อย พวกคุณที่เป็นผู้ชายช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ”
ฉีเหลียงอิงพูดพลางขยิบตาให้สะใภ้อีกสองคน
เหลียงซิ่วมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
เรื่องพวกนี้ไม่ควรเป็นพี่สะใภ้ที่ทำนี่นา
แต่ถ้าเป็นสะใภ้ใหญ่พูดแบบนี้และทำแบบนี้ เธอคงไม่แปลกใจอะไร
แต่พี่สะใภ้รองเป็นคนรอบคอบมาก ปกติจะคิดซ้ำ ๆ หลายรอบในสิ่งที่จะพูด แล้วทำไมถึงเห็นด้วยได้ล่ะ?
“พี่สะใภ้รอง ทำไมพี่ไม่โน้มน้าวสักหน่อยล่ะ แถมยังไปด้วยกันเฉยเลย” เหลียงซิ่วถาม
“มีพี่ชายพี่สะใภ้ไปด้วยกันแบบนี้ เพื่อหม่านซิ่วที่คลอดลูกก่อนกำหนดไงล่ะ!” ฉีเหลียงอิงพูดได้เท่านี้
พออีกฝ่ายพูดออกมา เหลียงซิ่วเหมือนตาสว่าง
เธอลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
เดือนเก้าปีที่แล้ว ซิ่วเอ่อร์เพิ่งหย่ากับบ้านหวัง แล้วแต่งงานกับเฉินจื่ออันตอนสิ้นปี
และตอนนี้ก็ให้กำเนิดลูกหนึ่งคนช่วงต้นเดือนแปด ไม่รู้ว่าคนนอกจะพูดไปอย่างไรกันบ้าง
ซิ่วเอ๋อร์แต่งงานใหม่ ถ้าคำพูดนินทาไม่น่าฟังสร้างความวุ่นวาย คาดว่าเธอคงไม่มีชีวิตรอด
การไปบ้านผู้เฒ่าหวังไม่ได้แค่ไปแสวงหาความยุติธรรมเฉย ๆ แต่ต้องไปอย่างยิ่งใหญ่ด้วย และจะเป็นการดีที่สุดหากทุกคนรับรู้เรื่องนี้
ครู่ต่อมา สมาชิกบ้านซูก็ออกเดินทางจากชุมชนการผลิตหงซินอย่างยิ่งใหญ่