เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 184 อาหารที่แจกจ่ายในปีนี้ต้องเยอะกว่าเดิม

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 184 อาหารที่แจกจ่ายในปีนี้ต้องเยอะกว่าเดิม

บทที่ 184 อาหารที่แจกจ่ายในปีนี้ต้องเยอะกว่าเดิม

เช้าวันต่อมา ฉีเหลียงอิงและเหลียงซิ่วเข้าไปทำงานในอำเภอ

ส่วนคนในบ้านยังใช้ชีวิตอย่างธรรมดาและสงบสุข

หวังเซียงฮวายังวุ่นกับฟาร์มไก่อยู่ ฟาร์มแห่งนี้เต็มไปด้วยเลือดเนื้ออันมากมายของเธอ คนในชุมชนพูดว่า ถ้าไม่มีเธอ คงจะไม่มีฟาร์มไก่ในวันนี้

ส่วนผู้ชายบ้านซูไปทำงานเมื่อชุมชนต้องการตัว และในตอนที่ไม่ได้ไปก็จะขึ้นเขาไปตัดฟืนเตรียมสำหรับปีใหม่

ถือโอกาสเตรียมให้คนคอกวัวด้วย

ส่วนเด็ก ๆ จะขึ้นเขาไปเดินเล่นทุกวัน เพื่อนำข้าวของกลับลงมา

ชีวิตในชนบทเป็นเช่นนี้ วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า คนแต่ละรุ่นก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไม่มีความวุ่นวาย

แต่ช่วงเวลาที่แสนสงบสุขหาได้ยากมากในช่วงเวลาพิเศษแบบนี้

โดยเฉพาะชุมชนการผลิตที่มีคนแบบซูเสี่ยวฉิน ยากมากที่จะอยู่กันได้อย่างสงบสุข

จู่ ๆ ซูเสี่ยวฉินก็หายตัวไป คนบ้านรองตระกูลซูไม่ได้ใส่ใจนัก ส่วนหลิวซิ่วอิงก็ด่าแค่สองประโยคว่างานการในบ้านไม่มีคนทำ

แต่สามวันต่อมา ที่ชุมชนก็มีกลุ่มคนพุ่งเข้าไปที่คอกวัวอย่างรีบร้อน

ทำการค้นหาพักหนึ่งก็พบของดีบางอย่าง ประกอบด้วยแป้งสาลีสองถ้วย ข้าวฟ่างไม่กี่จินแล้วก็น้ำมันหมูถ้วยเล็ก

หัวหน้าเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบปี รูปร่างไม่สูง และท่าทางดูไร้มารยาท

เขาเห็นของพวกนี้แล้วรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว ก่อนจะตวาดใส่ซูฉางจิ่ว

“คุณมาเป็นหัวหน้าได้อย่างไร? คนพวกนี้มันคู่ควรกับอาหารดี ๆ พวกนี้หรือเปล่า?”

ซูฉางจิ่วรู้สึกเสียใจมาก มีหลายเรื่องที่พูดไม่ได้ในตอนนี้ เขาจึงทำได้เพียงทนฟังเด็กเหลือขอที่ขนยังไม่ขึ้นแหกปากด่าอย่างเชื่อฟัง

“สหายอย่าโกรธเลย ของพวกนี้บ้านเราเหลือไว้ตอนปีใหม่น่ะ ไม่ใช่ความผิดของหัวหน้าจริง ๆ”

“ปีใหม่? คนแบบพวกแกฉลองปีใหม่?”

ชายหนุ่มอีกคนเตะถ้วยน้ำมันหมู

แล้วพวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? ซูเสี่ยวฉินคนนั้นบอกว่า คนหงซินให้ของดี ๆ กับคนพวกนี้มากมาย

แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้น้อยนัก!

ฉืออี้หย่วนมองคุณปู่ที่อ้อนวอนขอร้อง มือกำแน่นอยากจะเดินไปข้างหน้าแล้วลงมือสักฉาด

แต่เขารู้ว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าลงมือจริง ๆ ทุกอย่างจะไม่จบลงด้วยดีแน่

ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะขอบคุณช่วงเวลาที่สงบสุขที่สุด ที่คอยระวังตัวอยู่เสมอและซ่อนของดี ๆ ไว้ทั้งหมด

เพราะถ้าเจอของอร่อย ๆ ทุกอย่างคงจบสิ้นจริง ๆ

“สหาย พวกท่านพูดถูกแล้ว พวกเราเป็นนักโทษ ไม่ควรฉลองปีใหม่ ไม่ควรได้กินของดีๆ!” ตู้ถงเหอรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขอโทษ

“ไอ้แก่พวกนี้ดูเหมือนจะเป็นพวกอยู่ไม่สุขสินะ ฉันขอแนะนำว่า จากนี้ไปพวกแกควรทำตัวเป็นพวกมีหางอยู่หว่างขานะ*[1] อย่าให้ตัวเองกับคนอื่นต้องหาความสุขไม่ได้!”

หัวหน้าหนุ่มสงสัยว่า ทำไมมาแล้วไม่เจออะไรเลย

และยังคิดอีกว่าซูเสี่ยวฉินไม่รู้เรื่องอะไรเลย แค่เห็นแป้งสาลีกับข้าวฟ่างไม่เท่าไรก็คิดว่าเป็นของดีแล้ว

“ไอ้คนเหลือขอ แกมานี่!” ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าเห็นฉืออี้หย่วน และกวักมือเรียกให้เขาเข้ามา

จากที่ซูเสี่ยวฉินพูด ไอ้คนเหลือขอคนนี้เป็นตัวหลักของความไม่สงบสุขเลย

วันนี้จะทำให้รู้ถึงความร้ายกาจเอง

ฉืออี้หย่วนไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงขอให้เขาออกมาข้างหน้า แต่ก็ต้องก้มหัวออกไปแล้วเดินไปหาอย่างเชื่อฟัง

เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้เตรียมพร้อมมาแล้ว ถึงจะไม่เจออะไรก็ยังลงมือกับฉืออี้หย่วนอยู่ดี

ฉืออี้หย่วนโดนทุบตี ฉือเก๋อกับตู้ถงเหอจึงพุ่งเข้าไปปกป้อง ผลคือพวกเขาทั้งสามโดนทุบตีกันหมด

สมาชิกหงซินคิดจะเข้าไปช่วย แต่หัวหน้าซูหยุดเอาไว้

ถ้าพวกเราปรากฏตัวออกไปในวันนี้ วันข้างหน้าคงไม่มีช่วงเวลาที่สงบสุขอีกแล้ว

คนพวกนี้วันทั้งวันไม่ได้ทำเรื่องดี ๆ เลย ถ้าหงซินโดนจ้องมองขึ้นมาก็ไม่รู้จะหาเรื่องอะไรอีก

ซูฉางจิ่วเดาว่าคนพวกนี้น่าจะมีซูเสี่ยวฉินเป็นคนนำมา

ไม่ง่ายเลยที่จะรอดจากเงื้อมมือพวกเขา หลังจากนั้นซูฉางจิ่วก็ต้องวิ่งพล่านไปหาหมอหลี่มาช่วยรักษา

ปู่หลานเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว คนพวกนั้นทำร้ายด้วยความไร้เมตตาเลย

บนร่างกายฉืออี้หย่วนเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล

ซูเสี่ยวเถียนเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะร้องไห้

พอเห็นน้องสาวร้องไห้อย่างเจ็บปวด เด็กหนุ่มก็รีบปลอบโยน

“เสี่ยวเถียนไม่ต้องร้อง พี่ชายไม่เป็นไรนะ ถึงจะดูหนัก แต่สองวันก็หายแล้ว!”

ผ่านไปสองวันก็จะดีเอง แต่เสี่ยวเถียนไม่เชื่อไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

ทว่าเดี๋ยวปี ค.ศ. 1976 ก็จะมาถึงในไม่ช้า และเรื่องราวทุกอย่างก็จะจบลง

เด็กหญิงสะอึกสะอื้นและช่วยสั่งยาให้

หลี่หมิงไฉรู้สึกประหลาดใจมาก สาวน้อยคนนี้เอาใบสั่งยามาจากไหน

เห็นได้ชัดว่าส่วนผสมเดียวกัน แต่ยาที่จ่ายมาเหมือนจะมีผลดีกว่ามาก

เขาเป็นหมอบ้านนอก ไม่มีความรู้เรื่องทางการแพทย์มากนัก และไม่เข้าใจถึงยาที่เสี่ยวเถียนสั่งมาด้วยว่าที่มันมีประสิทธิภาพไม่ใช่เพราะคุณภาพของวัถตุดิบยา แต่เป็นเพราะคุณสมบัติยาที่ได้รับการกระตุ้นระดับสูงสุดต่างหาก

“เสี่ยวเถียนเอ้ย เธอได้รับใบสั่งยาพวกนี้มาจากไหน?” เขาอดไม่ได้ที่จะถาม

ไม่เคยได้ยินว่าบรรพบุรุษบ้านซูมีหมอเลยนะ แล้วเด็กคนนี้จะมีใบสั่งยาแบบนี้ได้อย่างไร?

ยิ่งกว่านั้นยังเป็นใบสั่งยาที่มีผลดีด้วย

ซูเสี่ยวเถียนตอบ “พอดีอ่านเจอจากหนังสือค่ะ”

เป็นเรื่องจริงที่อ่านเจอมา แต่ถ้าเล่าความจริงออกมาก็คงไม่มีคนเชื่อ

และหลี่หมิงไฉก็ไม่เชื่อ

บรรพบุรุษตระกูลซูไม่มีใครเป็นหมอ แม้กระทั่งคนอ่านหนังสือออกยังไม่มีสักคน

แล้วใบสั่งยาที่วิเศษแบบนี้มาอยู่ในมือบ้านซูได้อย่างไร?

เป็นเรื่องจริงที่ใบสั่งยาไม่ใช่ของบ้านซู แต่ถึงไม่ใช่ก็ไม่ได้หมายความว่าเสี่ยวเถียนจะมองไม่ออกที่ว่าหลี่หมิงไฉไม่เข้าใจเหตุผล รวมถึงคิดไม่ออกด้วย

เพราะมียา เสี่ยวเถียนจึงหายขึ้นในเร็ววัน แต่คนพวกนี้ก็ยิ่งเป็นที่สนใจมากขึ้น

พวกเขาไม่ใช่คนน่าสงสัยของหงซิน แต่พวกเขารู้ว่าหงซินมีคนดีเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นคนดี

พริบตาเดียวก็ถึงปีใหม่ ถึงจะไม่ค่อยมีกิจกรรมเฉลิมฉลองมากมาย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

เพิ่งถึงวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติ เป็นช่วงเวลาไถพรวนดิน ซูฉางจิ่วต่างให้ทุกคนทำงาน

ในทุ่งนามีงานอันมากมายให้ทำ เสี่ยวเถียนกระโดดโลดเต้นไปมาราวกับผีเสื้อที่สวยงาม

เป็นช่วงไถพรวนในฤดูใบไม้ผลิ หงซินได้คนเพิ่มมาหนึ่งคนโดยไม่คาดคิด

พูดให้ชัดคือมีคนมา

คนผู้นี้มีชื่อว่า เสิ่นจื่อเจิน

ตอนที่เสิ่นจื่อเจินมาถึง ซูเสี่ยวเถียนแจกแจงจัดระเบียบรางวัลใหม่ ๆ ในตอนนี้อยู่ และวางแผนว่าจากนี้ไปจะพัฒนาอย่างไร

งานล่าสุดของระบบไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ช่วงเวลาพิเศษแบบนี้ระบบการอ่านก็ทำได้แต่งานเล็ก ๆ

ต้องรออีกสองสามปีถึงจะดี

แต่พอได้ยินชื่อเสิ่นจื่อเจิน เธอตกตะลึงไปชั่วครู่

จากนั้นก็จำได้ว่าชาติก่อนมีคนผู้นี้อยู่ด้วย

ผู้ชายคนนี้เป็นนักวิทยาศาสตร์การเกษตรที่เก่งกาจมาก ที่เขาเข้าร่วมกับหงซินเพราะโดนคนใส่ร้าย

ทว่าอีกสามปีให้หลังก็กลับไป

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลาสิบกว่าปีให้หลังได้ปรากฏความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ขึ้น นั่นคือการได้บ่มเพาะนักเรียนและเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดออกมาเพียบ

เธอคงสับสนไปแล้วจริง ๆ ลืมแม้กระทั่งเรื่องที่สำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร!

“ต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้!” ซูเสี่ยวเถียนยิ้มอย่างสดใสจนทำให้คุณย่าซูที่เดินเข้ามาหาพลันหันมอง

“เสี่ยวเถียนเอ้ย หลานหัวเราะอะไรน่ะ?” คุณย่าซูถามด้วยความสงสัย

“คุณย่า ชุมชนการผลิตหงซินของเราพร้อมแล้วค่ะ!”

“มีอะไรอีกหรือ?” คุณย่าซูชินกับสถานการณ์ที่น่าสงสัยของหลานสาวแล้ว แต่ก็ยังถามอีกประโยค

“เสิ่นจื่อเจินค่ะ ราชามังกรบอกหนูว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง และจะช่วยให้คนในหงซินของเรามีชีวิตที่ดีได้!” ซูเสี่ยวเถียนรีบบอก

คุณย่าซูรีบส่งสัญญาณให้หลานลดเสียงลง ช่วงนี้ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร คนจากอำเภอมักจะมาสร้างเรื่องที่หงซิน ทำให้คนเขาไม่สบายใจกันนัก!

“คุณย่าคะ จริง ๆ นะ! เขาเป็นคนที่เก่งมาก เรามีคุณปู่ตู้ มีคุณลุงเสิ่น! อาหารที่แจกจ่ายในปีนี้ต้องเยอะกว่าเดิมแน่ค่ะ”

*[1] อยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท