เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 229 ไข่แตกหมดเลย

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 229 ไข่แตกหมดเลย

บทที่ 229 ไข่แตกหมดเลย

ตอนที่ซูเสี่ยวเหมยพาน้องมา สีหน้าเธอไม่ค่อยดีนัก

“เสี่ยวเหมย เป็นอะไรไป” คุณย่าซูถามด้วยความแปลกใจ “โกรธเพราะน้องไม่เชื่อฟังหรือ?”

ตอนเสี่ยวกังยังเด็ก จึงมีนิสัยซนตามประสา ซนกว่าเด็กในวัยเดียวกันเสียอีก

แต่สองปีมานี้เขาเป็นเด็กดี ไม่น่าทำให้พี่สาวโกรธได้

ซูเสี่ยวกังรีบพูด “ย่าครับ จะเป็นไปได้ยังไงกันครับ ผมไม่ทำให้พี่โกรธหรอก”

คุณย่าซูคลี่ยิ้ม

ซูเสี่ยวเหมยเองก็ยิ้มออกมา “ไม่ใช่หรอกค่ะย่า เสี่ยวกังเชื่อฟังมาก”

“งั้นเป็นอะไรไปล่ะ? เมื่อกี้ก็ยังดี ๆ อยู่เลย” เถาฮวาก็แปลกใจ สายตามองลูกชายเพื่อไม่แน่ใจว่าเขาไม่ใช่ตัวปัญหา

“แม่ มีเรื่องเกิดขึ้นที่ฟาร์มไก่!” ซูเสี่ยวเหมยกัดริมฝีปากแล้วพูด

พอได้ยินว่ามีเรื่องเกิดที่นั่น ทุกคนไม่สนใจงานในมืออีกต่อไป

ใคร ๆ ก็รู้ว่าการมีอยู่ของฟาร์มไก่เป็นอย่างไรสำหรับคนหงซิน

เพราะเสี่ยวเหมยอยู่อยู่หน้าประตูครัว ผู้ชายที่ลานบ้านก็ได้ยินเรื่องนี้ไปด้วย

ทุกคนมองเธออย่างใจจดใจจ่อ รอให้เด็กสาวพูดต่อ

“ไข่พันฟองที่จะให้ทางชุมชนใหญ่แตกหมดเลยค่ะ!” ซูเสี่ยวเหมยพูดพร้อมกับมองไปที่พ่อเลี้ยง

ก่อนหน้านี้เคยคิดว่ามีลุงเสิ่นเป็นพ่อเลี้ยงคงดีมาก แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจนัก?

ไม่สำคัญว่าเขาจะดีแค่ไหน แต่อดีตภรรยาและลูกพวกเขามีปัญหาเหลือเกิน

ตอนอยู่คอกวัวก็ชอกช้ำมาแล้ว ไม่ได้เรียนรู้อะไรก็ช่างเถอะ แต่นี่พอกลับไปดันมีเรื่องไข่แตกอีก

พูดอะไรได้บ้างเนี่ย?

ถึงลุงเสิ่นจะปฏิบัติต่อแม่เธออย่างดี แต่พอมีคนสร้างปัญหาแบบนี้ ชีวิตหลังจากนี้คงไม่สงบสุขนัก

เสี่ยวเถียนอยู่ข้าง ๆ เห็นสายตาของพี่สาวพี่สาวมองลุงเสิ่นอยู่

จึงมองตามสายตาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย

ตั้งฟาร์มไก่มาตั้งนาน ไม่เคยจะเห็นไข่แตกมาก่อน แม่ใหญ่เป็นคนระวังตัวมาก และทุกคนที่ทำงานฟาร์มไก่ก็ต้องระมัดระวังด้วย

ผ่านมาตั้งนาน ไม่เคยแตกเลยสักฟอง แต่นี่มันแตกในคราวเดียวพันฟอง คิดแล้วอย่างไรก็แปลก!

แต่พี่เสี่ยวเหมยมองลุงเสิ่นอย่างมีเลศนัย เป็นไปได้ไหมว่าอดีตภรรยาของลุงกับลูกจะทำ?

“พี่เสี่ยวเหมย ใครทำครับ? แม่ใหญ่ไม่โกรธแย่หรือ?” เสี่ยวจิ่วไม่ได้สนใจคนที่กำลังมองกันอยู่ แต่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามแทน

“โกรธแทบตายเลยค่ะ แม่จัดการคนทำไปยกหนึ่งแล้วแต่ยังไม่พอใจ ก็เลยส่งตัวไปที่ชุมชนใหญ่!” ซูเสี่ยวเหมยว่าแล้วมองพ่อเลี้ยงอีกครั้ง

ตอนนี้หลายคนเริ่มเห็นตอนที่เด็กสาวพูดแล้วมองเสิ่นจื่อเจิน กล่าวอีกนัยหนึ่งคืออาจเป็นไปได้มากว่าคนที่ทำไข่แตกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา

แต่เสิ่นจื่อเจินไม่มีญาติมิตรที่ไหนในหงซินยกเว้นครอบครัวเถาฮวา ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวคืออดีตภรรยาและลูก ๆ ที่มาปรากฏตัวในวันนี้

ทุกคนรู้ และพวกเขาก็มองไปที่เสิ่นจื่อเจิน

แต่อีกฝ่ายยังไม่เข้าใจน่ะสิ เขาหันหลังให้เด็กสาว จึงไม่เห็นสายตาคู่นั้น

และทันใดนั้นที่สายตาทุกคนจดจ้องไปที่เขามันดูผิดปกติ ก่อนจะตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

เขาเอี้ยวตัวไปถามเสี่ยวเหมย “เสี่ยวเหมย บอกลุงทีว่าใครทำไข่แตกหรือ? ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?”

ซูเสี่ยวเหมยใช้เท้าวาดรูปบนพื้น ไม่ปริปากพูด

ต้องพูดด้วยหรือ? จะเป็นปัญหาเอาน่ะสิ!

เสี่ยวเถียนเข้าใจแล้ว เธอรู้ว่าพี่สาวคิดอะไรอยู่

ก่อนจะดึงแขนอีกฝ่ายแล้วพูด “พี่เสี่ยวเหมย พูดความจริงเถอะ!”

ลุงเสิ่นไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล หากเป็นความผิดของสามคนนั้นจริง ๆ เขาจะไม่ปกป้องแน่นอน

แต่ก็แน่นอนว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นพวกไร้เหตุผล สิ่งนี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าชายคนนี้ไม่ควรค่าเลยจริง ๆ

ซูเสี่ยวเหมยกัดริมฝีปากก่อนจะว่า “เป็นอดีตภรรยากับลูกของลุงเสิ่นนั่นแหละ!”

ตอนเธอพูดน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

แต่เขาหูดี เลยได้ยินอย่างชัดเจน

เป็นสามแม่ลูกใช่ไหม?

พวกเขาไม่ได้ไปกันหรือ? ทำไมวิ่งโล่ไปสร้างเรื่องถึงฟาร์มไก่ล่ะ?

คนพวกนี้ถ่อมาถึงสถานที่ทุรกันดานอย่างหงซินเพื่อสร้างปัญหาใช่ไหม?

เสิ่นจื่อเจินขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้!

“ทำไมพวกเขาถึงทำลายไข่ของเราล่ะ?” คุณย่าซูถามอย่างทุกข์ใจ

หญิงชราทุกข์ใจจริง ๆ ถ้าบ้านใครมีไข่เป็นพันฟองอยู่ได้ร่วมปีเลยนะ

ถึงจะมีฟาร์มเป็นของตัวเอง แต่หลายคนก็ยังลังเลที่จะกินไข่

ถ้าจะทุบขนาดนี้ ทำไมไม่ทุบหัวคนให้แตกไปแทนล่ะ?

อันที่จริงซูเสี่ยวเถียนก็สงสัย เมื่อกี้เพิ่งจะโดนตบตีไป จำไม่ได้เลยหรือไง?

ที่จริงเขาแทบไม่มีเวลาให้ซ่อนตัวจากหงซินด้วยซ้ำ และไม่ควรเป็นฝ่ายสร้างปัญหาด้วย

ซูเสี่ยวเหมยตอบว่า “พวกเขารู้สึกขยะแขยงขี้ไก่บนไม้ที่น้าสะใภ้ถือตอนนั้นค่ะ ตอนเห็นฟาร์มไก่แล้วได้ยินเสียงไก่ขันเลยโกรธมาก”

เสี่ยวเถียนอดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกภาพแม่ใหญ่กำลังโบกไม้ที่เปื้อนขี้ไก่ด้วยท่าทางดุร้าย

“ต้องส่งไข่ให้ทางชุมชนใหญ่วันนี้พอดีเลย ตะกร้าที่ใส่ไข่แล้วหลายใบเลยรอขนขึ้นแล้วส่งไปที่นั่น”

“พวกเขาโกรธมากเลยเตะตะกร้าล้มแต่ยังไม่พอใจ ก็เลยคว่ำตะกร้าให้ไข่แตกหมดเลย ไข่พันฟอง ไม่… ไม่เหลือสักฟองเลยค่ะ!”

ซูเสี่ยวเหมยทำงานฟาร์มไก่มาตั้งนาน ยังคิดเลยว่าไข่แตกเยอะขนาดนั้นเห็นพื้นจึงเต็มไปด้วยของเหลวหนืด ดวงตาเธอแดงก่ำ

ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมคนแบบนี้ต้องระบายอารมณ์กับไข่จนแตก มีประโยชน์เหลือเกิน

เสี่ยวเหมยถึงกับโกรธพ่อเลี้ยงด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีเขา สามคนนั้นก็คงไม่ถ่อมาหงซินเพื่อก่อความวุ่นวายหรอก

เสี่ยวเถียนได้ยินก็รู้สึกทัศนคติทั้งสาม*[1] แตกเป็นเสี่ยง ๆ

คนพวกนี้มันเป็นใคร จิตใจทำด้วยอะไร? สมองมีปัญหาไหม?

ถ้าไม่มีความสามารถในการระบายความโกรธใส่คน จะไประบายความโกรธใส่ไข่ทำไม?

พวกเขาจะรู้ไหมพวกเขาไม่มีปัญญาจ่ายค่าไข่หนึ่งพันฟองได้

“ถ้ารู้เร็วกว่านี้ หนูคงลงมือไปสักยกแล้ว ไม่ปล่อยมันไปหรอก!” ซูเสี่ยวเถียนพูดเสียงต่ำ

เธอเกลียดพวกเขาจริง ๆ!

หลังจากเสิ่นจื่อเจินฟังจบ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปพักหนึ่ง

ก่อนหน้านี้รู้อยู่แล้วว่าจูอวี้หลิงเป็นคนไร้เหตุผล แต่ไม่รู้เลยว่าเธอจะร้ายขนาดนี้ได้

เสิ่นจื่อเจินไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเงียบไปพักหนึ่ง

ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาจะหาข้อแก้ตัวก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องไปสนใจ ผมเชื่อว่าน้องสะใภ้ใหญ่จะจัดการได้ดี”

เอ่อ…

ถึงเสี่ยวเถียนจะคิดว่าลุงเสิ่นไม่มีทางปกป้องอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมีความคิดเช่นนี้ ไม่ต้องสนใจหรือ?

ไม่ต้องสนใจก็ดีแล้ว!

ถ้าลุงเสิ่นไม่สนใจ คนพวกนั้นได้โดนถลกหนังแน่นอน

คนอื่นคงไม่รู้ว่าทางชุมชนใหญ่ให้ความสำคัญเรื่องฟาร์มไก่มาก ตั้งแต่ผู้ใหญ่จนะถึงเด็กล้วนรู้จักดี

รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นบนใบหน้าของซูเสี่ยวเถียน

ส่วนซูเถาฮวาเหม่อลอยเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดว่าคนที่ทิ้งเสิ่นจื่อเจินไปจะมาหากันในวันหนึ่ง

พอได้เจอแล้ว และได้คำมั่นสัญญาจากสามีแล้ว แต่ในใจเธอกลับไม่แน่ใจ

เธอมองเสิ่นจื่อเจินเป็นครั้งคราว กระทั่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ช่วยอดีตภรรยาของตนแน่ ๆ เธอถึงค่อยโล่งใจ

วันนี้เถาฮวาไม่มีความมั่นใจเลย

เธอรู้สึกอยู่เสมอว่า เสิ่นจื่อเจินจะจากเธอไปในไม่ช้า และในเวลานั้นเธอจะกลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งอีกครั้ง

ใช่แล้ว โดนทิ้งอีกครั้ง

ตอนนั้นเธอเป็นฝ่ายหย่ากับหลี่ฉางหมิง แต่ในสายตาทุกคนกลับคิดว่าเธอเป็นฝ่ายโดนทิ้ง

แม้แต่ตัวเธอเองก็รู้สึกแบบนี้ในใจเสมอ

“เถาฮวา เธอต้องเชื่อในตัวของอาจารย์เสิ่นนะ ป้าเห็นนะว่าเขาปฏิบัติต่อเธอด้วยความจริงใจ!” คุณย่าซูเห็นบางอย่าง เธอจึงโน้มตัวไปข้างหน้าและพูดด้วยเสียงต่ำ

อันที่จริงเธอสงสัยมากว่าอดีตภรรยาและลูก ๆ ของอาจารย์เสิ่นมาตั้งแต่เมื่อไร แล้วตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว?

ทำไมไม่ได้ยินข่าวคราวมาก่อนเลย?

*[1] ทัศนคติต่อโลก ต่อชีวิต และต่อคุณค่า

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท