เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 337 หาทำเล

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 337 หาทำเล

บทที่ 337 หาทำเล

ครอบครัวเราไม่มีเงิน และเงินในมือปู่กับย่าก็ไม่มีกี่ร้อยหยวนสินะ? ถึงจะเปิดร้าน แต่ก็ต้องใช้เงินหลายพันหยวน ความลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคุณปู่ซู และกำลังมองซูเสี่ยวเถียนด้วยสายตาตำหนิติเตียน

ก่อนหน้านี้หลานก็ฉลาดนะ ทำไมจู่ ๆ ถึงโง่เขลาแบบนี้ล่ะ?

แต่เขาทำได้แค่ตอบไปว่า “ใช่ว่าจะหาร้านที่เหมาะไม่ได้ ปู่กับย่ากำลังคิดอยู่ เลยจะตั้งแผงก่อนแล้วค่อย ๆ หาเอา”

เดิมทีมันเป็นประโยคปฏิเสธ แต่พอตู้ถงเหอได้ยินไม่คิดเช่นนั้น

เขาหัวเราะลั่น ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่ความผิดคุณนะ”

คุณปู่ซูไม่เข้าใจว่าตู้ถงเหอหมายถึงอะไร

“พวกคุณเพิ่งมาใหม่ ถ้าเอาแต่ถามไปแบบนี้แล้วเมื่อไรจะหาได้ล่ะ?”

ตู้ถงเหอเชื่อคำพูดคุณปู่ซูจริง ๆ และคิดว่าพวกเขาหาร้านที่เหมาะ ๆ ไม่ได้ อีกฝ่ายรีบตอบทันที “เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนหรอก พวกเราจะลองตั้งแผงขายก่อนน่ะ!”

ตู้ถงเหอยิ้ม “มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง? เรื่องนี้พวกคุณต้องฟังฉันให้ดีนะ”

“ใช่ ๆ บรรพบุรุษของเราเองก็ทำธุรกิจ ตอนที่ผู้เฒ่าตู้ยังหนุ่ม เขาเป็นมือฉมังในวงการธุรกิจด้วย!” อวี่รุ่ยหยวนช่วยโน้มน้าว

ตอนนั้นสองสามีภรรยาตู้ไม่รู้จะพูดอะไร

“งั้นตอนบ่ายไปดูกัน จะได้แน่ใจว่าพวกคุณพอใจด้วย”

ตอนที่ตู้ถงเหอพูดเขาไม่ได้เอ่ยชัด ๆ ว่าตนมีบ้านหลายหลัง ร้านค้าก็มี มีไม่น้อยเลย

แต่เขาคิดว่าถ้าบอกออกไปว่าเป็นของตนคงโดนคนบ้านซูปฏิเสธแน่นอน

อวี่รุ่ยหยวนไม่เข้าใจว่าทำไมสามีถึงไม่พูดออกมาตรง ๆ แล้วให้พวกเขาเลือกเอง เธอรู้จักสามีของตัวเองดี และคิดว่าการที่เขาทำแบบนี้จะต้องมีเหตุผล

คุณปู่ซูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม “สหายตู้ คุณช่วยเราหาร้านที่เหมาะสมในการเปิดร้านอาหารได้ไหม?”

“ได้อยู่แล้ว ไม่มีที่ไหนในเมืองหลวงที่ฉันไม่รู้จักหรอกนะ” ตู้ถงเหอพูดด้วยความมั่นใจมาก แทบจะทุบอกให้ดูแล้ว

หลังจากกินข้าวเสร็จ ตู้ถงเหอก็พาคนบ้านซูไปดูร้านค้า เฉินจื่ออันมีเรื่องต้องทำ นอกจากหลานชายบ้านซูที่อยู่บ้านคอยทบทวนบทเรียน คนอื่น ๆ ก็ตามออกไปดูร้านค้ากันทั้งหมด

เสี่ยวเถียนให้ความสำคัญกับร้านแห่งนี้มาก เธอบอกว่าถ้าทบทวนเสร็จแล้วจะตามไปดู ทุกคนรู้ว่าซูเสี่ยวเถียนฉลาดที่สุด เรียนเก่งที่สุด ดังนั้นจึงได้รับอนุญาตให้ตามไปด้วย

“ร้านนี้เป็นของสหายเก่าฉันเอง ระยะนี้เขากลับบ้านเกิดเลยให้ฉันช่วยดูว่ามีคนต้องการเช่าหรือเปล่า พอดีเลยพวกคุณกำลังหาร้านค้าพอดี บังเอิญหรือเปล่าเนี่ย?”

ร้านค้าที่พวกเขาเห็นในตอนนี้มีสองชั้น พื้นที่ไม่ใหญ่ ชั้นบนและชั้นล่างรวมกันไม่น่าจะเกินหนึ่งร้อยห้าสิบตารางเมตร

แต่ทำเลดีมาก มีคนอยู่รอบ ๆ เต็มไปหมด เสี่ยวเถียนคิดว่าถ้าจะเปิดร้านที่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ

แต่ค่าเช่าบ้านในทำเลดีแบบนี้ไม่น่าจะถูก ไม่รู้ว่าคุณปู่กับคุณย่ามีเงินอยู่เท่าไร

ในมือของเธอมีเงิน แต่จะเอาออกมาใช้อย่างไร นั่นแหละคือปัญหา

เสี่ยวเถียนคิดว่าจะแอบบอกปู่ตู้ดีไหมว่าขอลดค่าเช่าลงหน่อย แล้วเธอจะช่วยจ่ายในส่วนที่เหลือเอง แต่มาคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าทำแบบนี้มันไม่ค่อยจะเหมาะสม

ปู่ตู้ไม่รู้ว่าเธอหาเงินได้ ทำแบบนี้สู้เอาเงินไปให้คุณย่าตรง ๆ เลยไม่ดีกว่าหรือ

แต่หลายปีที่ผ่านมา คุณย่าซูเชื่อว่าเธอเป็นเด็กที่สวรรค์โปรดปราน แล้วยิ่งเชื่ออีกด้วยว่าราชามังกรให้เงินและของจำนวนมากแก่เธอ

ถึงร้านอาหารตระกูลติงช่วงนี้จะรับลูกค้าน้อยลง แต่เขาก็ทำเงินได้มากขึ้นเพราะมีชื่อเสียงที่บรรพบุรุษเป็นพ่อครัวในวังคอยสนับสนุนอยู่

ฝีมือการทำอาหารของคุณย่าซูดีมาก แต่เธอไม่มีชื่อเสียง เลยต้องหาร้านในย่านที่เจริญเพื่อดึงดูดลูกค้า

“ค่าเช่าบ้านแบบนี้ไม่ถูกเลยใช่ไหม?” คุณปู่ซูมองดูอาคารสองชั้นหลังเล็กแล้วรู้สึกพึงพอใจมาก

ชั้นหนึ่งเปิดร้าน ชั้นสองเอาไว้อยู่อาศัย เหมาะกับบ้านเรามาก

ถ้าค่าเช่าแพงก็กลัวแต่จะเสียเงิน

พวกเรามาจากพื้นที่เล็ก ๆ และแม้ว่าภรรยาเขาจะทำอาหารเก่ง แต่นี่คือเมืองหลวงนะ!

ที่ที่เราอยู่คือเขตนครหลวง และคนที่นี่จะไม่เคยเห็นของดี ๆ เชียวหรือ? เขาจะชินกับอาหารที่คนจากพื้นที่ห่างไกลทำไหม?

ถ้าเปิดร้านแล้วไม่มีใครเข้า สิ่งที่ลงทุนก็จะหายไป แล้วเราก็จะขาดทุนด้วย อีกอย่างคือทรัพย์สินบ้านเราไม่เยอะเลย จ่ายไม่ไหวหรอกนะ!

“ไม่แพง ๆ หลังนี้รวมสองชั้นจ่ายเดือนละสี่สิบหยวน!”

ตู้ถงเหอชั่งน้ำหนักราคาก่อนจะเอ่ยออกมา

เดิมทีคิดจะบอกว่าสิบหยวน แต่กลัวว่าคนทั้งสองจะไม่เชื่อ แม้พวกเขาจะมาจากชนบท แต่ก็ไม่ได้โง่เขลา ถ้าราคาต่ำไปอาจจะโดนจับได้

แต่ตู้ถงเหอกลับไม่รู้ ถึงเขาจะคิดดีแล้ว แต่ค่าเช่าสี่สิบหยวนต่อเดือนก็ยังทำให้เกิดความสงสัยอยู่ดี

ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วส่ายหัวเบา ๆ ด้วยความสงสัยแสดงความไม่เชื่อออกมา

“สหายตู้ มันจะเป็นไปได้ยังไง? ในอำเภอยังยี่สิบถึงสามสิบหยวนเลย!”

คุณปู่ซูมองดูตู้ถงเหออย่างสงสัย อีกฝ่ายจำราคาผิดหรือเปล่า? หรือเพราะหลายปีมานี้ไม่ได้อยู่เมืองหลวง จึงไม่รู้ว่าราคามันเพิ่มขึ้นน่ะ?

ตู้ถงเหอตกใจ แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาสักนิด แล้วจึงเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง

“ไม่ผิดหรอก ราคาตามนั้นแหละ ตอนที่สหายเก่าฉันไปก็บอกราคานี่เอาไว้”

ตอนที่ตู้ถงเหอเอ่ยประโยคนี้ น้ำเสียงเขาหนักแน่นมาก ไม่เหมือนคนที่กำลังโกหกเลยสักนิด

อืม… เดิมทีมันก็เป็นบ้านของเขาอยู่แล้ว ตอนแรกไม่คิดจะเก็บเงินด้วยซ้ำ ไม่ต้องไปพูดถึงค่าเช่าสี่สิบหยวนนั่นหรอก

คุณปู่ซูยังคงนึกสงสัย ถึงแม้จะเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเคร่งขรึม แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี

“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าเดือนละสี่สิบหยวนจ้ะ!” อวี่รุ่ยหยวนเข้าใจความคิดสามีแล้ว เธอจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ตอนนั้นสหายหวังยังบอกด้วยว่า ไปรอบนี้ก็ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไร ถ้ามีคนเช่าหาเงินได้เพียงเล็กน้อยก็ดี ถ้าไม่มีก็ปล่อยไว้แบบนั้น ไม่ได้ขาดแคลนเงินค่าเช่าอยู่แล้ว!”

“ส่วนข้อได้เปรียบที่เยอะสุดคือ อยู่ใกล้กับโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ด พวกเด็ก ๆ เดินทางไปมาได้ง่ายด้วย”

ตู้ถงเหอแทบจะยกนิ้วให้ภรรยาที่เอ่ยช่วยเขาขนาดนี้ เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำ ที่จริงเขากลัวว่ารุ่ยหยวนจะไม่เข้าใจ และพูดออกมาทำให้โดนจับได้

แต่ใครจะรู้ว่าทุกประโยคของอวี่รุ่ยหยวนสามารถเข้าถึงสิ่งที่พวกเขาคิดได้

สองสามีภรรยาตู้มองหน้าแล้วยิ้มให้กัน

เสี่ยวเถียนเห็นฉากนี้พอดี จึงได้แต่ขมวดคิ้วขบคิด

เรื่องบังเอิญแบบนี้มีจริงหรือ?

มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า?

ปู่ตู้เพิ่งกลับมาได้ไม่นานเองนะ จะมีคนวานให้ช่วยเหลือแล้วหรือ?

ฉับพลันนั้น เธอก็คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา หากแต่ไม่ได้เอ่ยออกไป

เธอเหลือบมองปู่บุญธรรมที่คุ้นเคยเหมือนคนในครอบครัวของตัวเอง ก่อนจะมั่นใจในความคิดตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

ช่างเถอะ กลับไปค่อยว่ากัน

เหลียงซิ่วก็รู้สึกว่าราคาค่าเช่าถูกเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติหรือเปล่า

แต่หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วก็เหมือนจะไม่มีปัญหานะ แถมสองสามีภรรยาตู้ยังบอกด้วยว่าเป็นบ้านของสหายเก่า เธอเลยรู้สึกสบายใจได้

“คุณลุงตู้ ค่าเช่าจ่ายเดือนละกี่ครั้งคะ?”

“เดือนละครั้งก็พอ จ่ายก่อนทุกวันที่สิบนะ” ตู้ถงเหอไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแล้วในคราวนี้

คนบ้านซูฉลาดมาก ถ้าเขาเผลอสะเพร่าก็ยากจะอธิบายให้ฟัง

เหลียงซิ่วยังแปลกใจที่ได้ยินเช่นนั้น “แต่ฉันได้ยินมาว่าต้องจ่ายครึ่งปีแรกก่อน แล้วในปีนึงก็ต้องจ่ายอีกเยอะด้วยนะคะ!”

“ถ้าคนไม่รู้จักก็ต้องกลัวมีปัญหาอยู่แล้วล่ะ แต่พวกคุณเป็นใครฉันจะไม่รู้ได้ยังไง? พวกคุณจะหนีไปไหนได้อีก?” ตู้ถงเหอพูดราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว

เสี่ยวเถียนออกไปกอดแขนชายชราด้วยความรัก ก่อนจะยิ้มออกมา “คุณปู่ ขอบคุณนะคะ! ถ้าไม่ได้คุณปู่คอยช่วย หนูจะไปหาร้านดี ๆ แบบนี้ที่ไหนได้”

ปู่บุญธรรมคิดจะตอบแทนครอบครัวของเธอ แต่ถ้าไม่ตกลงเห็นด้วย ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะหาวิธีอื่นใดเกลี้ยกล่อมปู่ซูอีก

ตู้ถงเหอหัวเราะ “เสี่ยวเถียนพูดถูก พรหมลิขิตสินะ!”

เรื่องในวันนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว

มีเสี่ยวเถียนคอยช่วย คุณปู่คุณย่าซู แม่เธอ และคนอื่น ๆ จึงเชื่อตามนั้น

ตกเย็นเรากลับบ้านมาพักผ่อน สองสามีภรรยาตู้คุยเรื่องนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้

พวกเขาคุยกันแล้วว่าจะยกบ้านหลังนี้ให้คนบ้านซูเพื่อตอบแทนน้ำใจที่ดูแลตอนอยู่หงซินมาหลายปี

ตอนนั้นคิดจะปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ คนบ้านซูมาอยู่เมืองหลวงจะได้มั่งคั่งขึ้นหน่อย

แต่ไม่คิดว่าพวกเขาตัดสินใจที่จะเปิดร้านอาหารพอดี

ดังนั้นตู้ถงเหอเลยใช้วิธีปล่อยเช่าให้คนบ้านซู รอหาเงินได้จะค่อย ๆ รวบรวมเงินและขายให้กับพวกเขา

“เสี่ยวเถียนน่าจะมองออกสินะ!” อวี่รุ่ยหยวนยิ้ม

“ถึงจะมองออกก็ไม่เป็นไรหรอก เด็กคนนี้ก็คอยเกลี้ยกล่อมปู่ย่าเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

เสี่ยวเถียนมองออกเลยยอมรับเจตนาดีเอาไว้ ทีนี้เรากับเสี่ยวเถียนก็จะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

“ตาเฒ่า คุณว่าเราควรเตรียมของขวัญอะไรให้เสี่ยวเถียนดีล่ะ? หลานอยู่มาสักพักแล้วนะ แต่เรายังไม่ได้ให้อะไรเธอเลย!”

อวี่รุ่ยหยวนรู้สึกละอายใจที่รับหลานสาวมาแล้ว แต่ไม่มีของอะไรให้เธอ

พวกเขาอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ แต่เราต่างก็รู้นิสัยหลานดีจึงกลัวว่าเธอจะไม่รับ

“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ฉันคิดไว้แล้วว่าจะยกเรือนสี่ประสานที่ถนนฝั่งตะวันออกให้หลานน่ะ”

อวี่รุ่ยหยวนหัวเราะ “กลัวก็แต่เธอจะไม่ยอมรับเอา”

“ไม่ต้องเจาะจงก็ได้ เพราะหลานต้องไปเรียนหนังสือ พอลงทะเบียนเสร็จก็ค่อยหาโอกาสไปทำทะเบียนบ้านแล้วกัน” ตู้ถงเหอคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว

เพราะงั้นเสี่ยวเถียนไม่รู้เลยว่า เรือนสี่ประสานที่เธออยากจะซื้อ ตอนนี้ได้กลายเป็นของเธอแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท