บทที่ 341 ผมมีวิธี
บทที่ 341 ผมมีวิธี
พวกเขาจะต้องประสบความสำเร็จให้ยิ่งขึ้นอีกในภายภาคหน้า!
ตอนนั้นเองที่ประตูโรงเรียนถูกเปิดออก
“ประตูเปิดแล้วล่ะ พวกเรารีบไปเถอะ” เสี่ยวเถียนจับมืออี้หย่วนแล้วเอ่ยอย่างมีความสุข
เด็กหญิงที่ชื่อเสี่ยวหรุ่ยไม่สบายใจมากกว่าเดิม เมื่อเห็นยัยบ้านนอกจับมือกับเด็กหนุ่มต่อหน้าต่อตาตัวเอง
“ไร้ยางอายนัก!” เธออยากจะถ่มน้ำลายใส่ยัยนั่นเหลือเกิน
“เด็ก ๆ ตั้งใจสอบนะ เดี๋ยวลุงรอข้างนอก!” สีหน้าของเสิ่นจื่อเจินผ่อนคลายลงไปเยอะเลย
“ลุงเสิ่นไม่ต้องรอพวกเราที่ประตูหรอกค่ะ” เสี่ยวเถียนว่าแล้วมองอีกฝ่ายที่ไม่คิดจะไปไหน
“สอบเสร็จก็มาหาลุงที่นี่แล้วกัน ลุงมาส่งแล้วก็ต้องรอรับด้วยสิ” อีกฝ่ายยังคงยืนกราน
การสอบจัดขึ้นแค่วันเดียว และวันนี้เขามารับส่งเด็ก ๆ ไปสอบเท่านั้น
โดยเฉพาะในตอนที่เจอสองพ่อลูกที่มีเจตนามุ่งร้าย เขาไม่มีทางปล่อยเด็ก ๆ ไว้ตามลำพังแน่ ๆ
เขาไม่วางใจที่จะปล่อยเด็ก ๆ เอาไว้ตามลำพัง
พอเห็นใบหน้าดื้อรั้นของเสิ่นจื่อเจิน เสี่ยวเถียนก็รู้ว่าเขาไม่เต็มใจกลับไปก่อนที่พวกเราจะสอบเสร็จ
“ลุงเสิ่น ลุงไปนั่งพักใต้ต้นไม้ตรงนั้นก็ได้ค่ะ ตอนเช้าเรามีสอบสองวิชา ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงเลยค่ะ”
อีกฝ่ายรู้สึกว่ามีเหตุผลดีจึงพยักหน้า “เดี๋ยวรอตรงนั้นแล้วกันนะ สอบเสร็จมาหาลุงที่ใต้ต้นไม้ล่ะ”
ส่วนชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ คือพ่อของเสี่ยวหรุ่ย พอส่งลูกสาวที่อยู่ในอาการโกรธจัดเข้าโรงเรียนก็หันมาเจอเสิ่นจื่อเจินอีกครั้ง
เขากวาดสายตามองเสิ่นจื่อเจินตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอยู่หลายครั้ง เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ของมีค่ามาก็พ่นลมหายใจเย็นชา
ไอ้พวกบ้านนอกนี่เองสินะที่กล้าทำให้ลูกรักของเขาไม่มีความสุข!
เสียงร้องเหอะดูถูกไม่คิดปกปิดแบบนี้ ต่อให้เสิ่นจื่อเจินหันหลังก็ได้ยินชัดเจน แต่เขาก็แค่คนแปลกหน้า จะสนใจไปทำไม?
หลายปีมานี้เขามีประสบการณ์เยอะแยะเลย จิตใจสงบนิ่งกว่าเมื่อก่อนเยอะ
เสิ่นจื่อเจินไม่ได้เอาม้านั่งมาด้วย เขาเลยหาก้อนหินแถวนั้น ก่อนเอาผ้าคลุมแล้วนั่งลงไป
จากนั้นก็หยิบหนังสือออกมาอ่านอย่างเพลิดเพลิน ตอนอยู่หงซินเขาก็อ่านหนังสือเหมือนกัน
แต่ตอนนั้นทำได้แค่แอบอ่าน ไม่สามารถนั่งอ่านอย่างเปิดเผยแบบตอนนี้ได้ พอตอนนี้ทำได้ เขาก็อยากใช้เวลาทั้งวันไปกับการอ่านหนังสือหาความรู้และชดเชยสิ่งที่สูญเสียไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เห็นเสิ่นจื่อเจินหยิบหนังสือออกมาอ่าน ชายคนนั้นยิ่งรู้สึกรำคาญมากกว่าเดิม
มัวแต่เสแสร้งทำอะไรอยู่?
ต้องเป็นคนอย่างไรถึงกล้าคิดว่าตัวเองเป็นพวกมีการศึกษา!
พ่อเสี่ยวหรุ่ยอยากจะดูนักว่าอีกฝ่ายอ่านหนังสืออะไร แต่เพราะยืนอยู่ระยะไกลจึงทำให้มองเห็นไม่ชัด
แต่เสิ่นจื่อเจินไม่สนใจ และอีกฝ่ายเองก็คงไม่อยากจะขยับเข้ามาใกล้ตนเอง จึงทำแค่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เท่านั้น
หลังจากรอนานกว่าสิบนาที พ่อเสี่ยวหรุ่ยก็ตระหนักได้แล้วว่าเขาคิดผิดจริง ๆ ที่วันนี้ไม่ได้เอาอะไรมาสักอย่าง ยืนอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่มีอะไรถือในมือเป็นอะไรที่แย่มาก
ตอนนี้เสิ่นจื่อเจินที่อย่างน้อยก็มีหนังสือให้อ่านฆ่าเวลา
รอบข้างมีผู้ปกครองมารอลูกหลานสอบมากมาย บางส่วนก็ถักไหมพรม เย็บผ้าอะไรพวกนี้
บางส่วนก็จับกลุ่มคุยเรื่องนู่นนี่ สนุกสนานกันมาก กลายเป็นว่ามีเขายืนอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว
แล้วเขาจะยืนรอโง่ ๆ แบบนี้สามสี่ชั่วโมงได้หรือ? แต่จะกลับไปตอนนี้ก็ไม่ได้ ทันใดนั้น เขาก็มองไปที่กระเป๋าของเสิ่นจื่อเจิน ก่อนจะเห็นว่าในนั้นยังมีหนังสืออีกเล่ม
“ขอยืมหนังสือคุณอ่านฆ่าเวลาหน่อยสิ!”
ถึงเขาจะดูถูกเสิ่นจื่อเจิน แต่ก็ยังตัดสินใจเอ่ยยืมด้วยความสุภาพ ทว่าน้ำเสียงกลับมีความวางตัว ไม่มีความสุภาพในการขอความช่วยเหลือเลย
เสิ่นจื่อเจินเงยหน้าขึ้นมองราวกับว่าไม่เห็นเขาแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
พ่อเสี่ยวหรุ่ยไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะหยิ่งผยองและไม่สนใจกันแบบนี้
เขาไม่เคยโดนเมินแบบนี้มาก่อนเลย และมันน่ารำคาญมาก
ชายวัยกลางคนจ้องด้วยความโกรธ “คุณได้ยินไหมเนี่ย? ผมขอยืมหนังสือหน่อย!”
เสิ่นจื่อเจินพูดเสียงเย็น “คนมีความรู้แบบคุณจะอ่านหนังสือเข้าใจหรือครับ?”
ให้หนังสือกับคนแบบนี้ มีแต่จะเสียเปล่า!
พ่อเสี่ยวหรุ่ยได้แต่ตกตะลึง
เขาเป็นหัวหน้าสำนักการศึกษานะ แต่ชายคนนี้บอกว่าเข้าอ่านไม่เข้าใจเนี่ยนะ เดี๋ยวก่อน เขาจะพูดอะไรกันแน่?
จะบอกว่าเขาความรู้น้อย?
“สหาย ทำไมพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้?” พ่อเสี่ยวหรุ่ยหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
เสิ่นจื่อเจินทนไม่ได้ที่จะต้องคุยกับคนแบบนี้ ดังนั้นเลยไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปคุยด้วย
“คุณหูหนวกหรือ?”
เสิ่นจื่อเจินยังไม่เอ่ยปาก เขาแค่หมุนตัวไปทางอื่นเล็กน้อยทำทีว่ารังเกียจเกินกว่าจะพูดได้
รู้เลยว่าพ่อเสี่ยวหรุ่ยหงุดหงิดกับพฤติกรรมนี้มาก ตอนพูด เขาเหมือนคนเสียสติไปเลย
“คุณเชื่อไหมล่ะว่าฉันทำให้ลูกบ้านคุณสอบไม่ผ่านได้!”
แม้จะพูดจาตีโพยตีพาย แต่เขามีความภาคภูมิใจอยู่เล็ก ๆ
ท่าทางเหมือนเด็ก ๆ ที่เสิ่นจื่อเจินพามาจะสอบตกกันหมดแล้ว
และตัวเสิ่นจื่อเจินก็ไม่อยากสนใจคนจิตไม่ปกติคนนี้จริง ๆ แต่เพราะอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องการสอบของเด็ก ๆ เขาเลยยังมองอยู่
สายตาที่มองไล่จากบนลงล่างเต็มไปด้วยความเย็นชา เห็นชัดเลยว่าต้องเป็นคนแบบไหนถึงพูดจาแบบนี้ออกมาได้!
พอโดนสายตาเหยียดหยามมองอีกครั้ง ในที่สุดพ่อเสี่ยวหรุ่ยก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว
“คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันเป็นหัวหน้าสำนักการศึกษานะ แล้วคุณยังกล้าดูถูกฉัน เมินเฉยฉันอีกหรือ!”
เสิ่นจื่อเจินได้ฟังก็คิดกับตัวเองเงียบ ๆ
หัวหน้าสำนักการศึกษา? แล้วคิดเรื่องจะทำลายการสอบของเด็ก ๆ เนี่ยนะ
ดูเหมือนต้องจัดการเรื่องนี้เสียแล้ว
จะปล่อยใหคนไร้ยางอายแบบนี้มาทำให้เด็ก ๆ เสียเปรียบไม่ได้
ในตอนที่ทั้งสองกำลังเอะอะโวยวาย คนรอบข้างหยุดในสิ่งที่กำลังทำและดูฉากอันน่าตื่นเต้นนั้น
สถานการณ์คึกคักแบบนี้แหละที่คนชอบ!
เดิมทีคิดจะเข้าไปร่วมด้วย แต่เพราะชายคนนั้นบอกว่าเป็นหัวหน้าสำนักการศึกษาเลยหยุดเอาไว้
เด็ก ๆ อยากไปโรงเรียนนะ แล้วใครจะไปกล้าทำให้ชายคนนั้นขุ่นเคืองล่ะ!
ผู้คนรอบข้างไม่อยากเข้าไปยุ่ง จึงคอยเฝ้าดูห่าง ๆ แทน หลายคนถึงกับมองเสิ่นจื่อเจินด้วยสายตาเห็นใจ
ทำไมเขาดื้อรั้นแบบนี้นะ? โต้ตอบกลับไปสักสองประโยคก็ไม่น่าเป็นอะไรหรือเปล่า?
เสิ่นจื่อเจินไม่ได้พูดอะไรเลย เขากำลังคิดอยู่ว่าจะไปหาใครมาคุยด้วยดี
ยิ่งเห็นเสิ่นจื่อเจินไม่พูดแบบนี้แล้วด้วย พ่อเสี่ยวหรุ่ยก็ยิ่งโมโห
“ทำไมคุณนิสัยแย่แบบนี้!”
เสิ่นจื่อเจินคลี่ยิ้มยาง “ทำไมคุณนิสัยแย่แบบนี้!”
“คุณ…” ใบหน้าชายคนนั้นแดงจัด!
คนรอบข้างหัวเราะเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง
แต่เพราะกลัวจะโดนชายคนที่อ้างว่าเป็นหัวหน้าสำนักการศึกษาหันมาฟาดเอา เลยปิดปากหัวเราะแทน
“รอฉันก่อนเถอะ!” พ่อเสี่ยวหรุ่ยจากไปอย่างหัวเสีย โดยไม่คิดจะรอลูกสาวอีกต่อไป
เสิ่นจื่อเจินมองดูคนน่ารำคาญเดินจากไป และเปิดหนังสืออ่านอีกครั้ง โดยมีชายชราที่อยู่ข้าง ๆ ตบไหล่เขาเบา ๆ
“สหาย ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ เรื่องสอบของเด็ก ๆ เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเขามาจัดการคุณจริง ๆ จะไม่ทำร้ายเด็ก ๆ เอาหรือ?”
“ขอบคุณครับท่านผู้อาวุโส ผมเชื่อว่าโลกนี้มีความยุติธรรม!” เขากล่าวอย่างหนักแน่น
เมื่อได้ยินสิ่งที่เสิ่นจื่อเจินพูด ชายชราก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนพึมพำกับตัวเอง “คุณยังเด็กเกินไปนะ!”
ไม่ใช่ว่าชายชราคิดมาก แค่ดูเสื้อผ้าของคนทั้งสองก็บอกได้เลยว่าชีวิตของสองครอบครัวนี้แตกต่างกัน
ถึงคนคนนั้นจะไม่ใช่หัวหน้าสำนักการศึกษา แต่ถ้าเกิดเขาเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งขึ้นมา การทำเรื่องเลวร้ายก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เสิ่นจื่อเจินยิ้มอีกครั้ง “ท่านผู้อาวุโส ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณพูดครับ ไม่ต้องห่วงนะ ผมมีวิธี!”
ได้ยินเช่นนี้ชายชราก็ยิ้ม “ถ้ามีวิธีก็ดี อย่าทำให้เด็ก ๆ ต้องสอบช้าล่ะ”
แล้วทั้งสองก็สนทนากัน
ชายชรารู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าหนังสือในมือของเสิ่นจื่อเจินเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการเกษตร
“คาดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีความรู้จริง ๆ”
“ผมไม่กล้าบอกว่าตัวเองมีความรู้หรอกครับ แค่ชอบศึกษาเรื่องพวกนี้น่ะ!”
“มันไม่ง่ายเลยนะ ชอบเรียนเกษตรก็ดีแล้วล่ะ!” ชายชราพูดอย่างซาบซึ้ง “ถ้าพืชผลงอกงามดี พวกเราก็มีอาหารให้กินอิ่มแล้ว!”