บทที่ 411 เป็นของเสี่ยวเถียนหมดเลย
บทที่ 411 เป็นของเสี่ยวเถียนหมดเลย
จู่ ๆ สามีก็ถามขึ้นมา คุณย่าซูไม่ได้เตรียมคำตอบเอาไว้
อันที่จริงช่วงนี้เธอยุ่งมาก คิดแต่วิธีหาเงิน แต่ไม่ได้คิดเลยว่าเงินที่หามาได้จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแบบนี้
หญิงชราเผลอพูดออกมา “มีอะไรต้องคิดล่ะ? ให้บ้านเหล่าซานเดือนละห้าสิบ อ่า… ไม่สิ ให้ร้อยนึงแล้วกัน ส่วนที่เหลือให้เสี่ยวเถียน”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง คุณย่าซูก็เอ่ยต่อ “เงินที่เราหาได้ก็พอยืนหยัดได้นะ หลังจากนี้ค่าใช้จ่ายของหลาน ๆ เราจะรับผิดชอบเอง”
ส่วนที่เหลือไว้ค่อยคิด
คุณปู่ไม่คิดว่าภรรยาจะพูดออกมารวดเดียวแบบนี้ ลำเอียงเกินไปหน่อยไหม?
ดูแลแค่ค่าใช้จ่ายหลานชาย แต่ที่เหลือให้เสี่ยวเถียน?
“ทำไม? แกจะค้านหรือไง?” คุณย่าซูถลึงตาจ้องสามี
คุณปู่ซูเอ่ยว่า “ไม่มีหรอก ๆ จะไปค้านได้ยังไง?”
“ฉันจะบอกแกให้นะตาเฒ่า แกจะรักลูกชายมากกว่าลูกสาวไม่ได้ หลานฉันดีที่สุด แน่นอนว่าทรัพย์สินของบ้านเราต้องเป็นของเธอทั้งหมด”
คุณปู่ซูลังเล “ฉันไม่ค้านอยู่แล้วที่จะเอาทรัพย์สมบัติให้เสี่ยวเถียน พูดเรื่องนี้ขึ้นมา บ้านเราคงไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้ถ้าขาดเสี่ยวเถียนไป แล้วถ้าไอ้ดื้อพวกนั้นโตแล้วจะทำยังไงล่ะ?”
“ทำยังไงหรือ? ก็ไม่ทำอะไรน่ะสิ! แค่ไอ้เด็กพวกนั้นมันโตจนหาเลี้ยงตัวเองได้ก็พอ อย่างมากฉันก็จ่ายให้พวกมันเอาเงินมาใช้แต่งภรรยานี่ไง”
คุณปู่ซูยิ้ม มั่นใจเหลือเกิน กะไม่ยุ่งเรื่องแต่งงานหลานแล้วสินะ?
ความไม่สบายใจของเหลียงซิ่วเบาบางลง
ถ้าพ่อแม่สามีไม่สนใจเด็กคนอื่น ๆ แล้วเอาเงินให้เสี่ยวเถียนหมด จากนี้ไปบ้านเราคงไม่สงบสุขแน่
เธอยินดีที่จะได้เงินน้อยลงนะถ้าทำให้ทุกคนสามัคคีกันน่ะ
“ฉันไม่เคยเห็นใครจริงใจเท่าเธอเลย ถ้าเป็นบ้านอื่นนะ พอได้ยินว่าจะเอาเงินให้ลูก ๆ เขา ป่านนี้ดีใจตายแล้ว มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นแหละ!” คุณย่าซูมองออก จึงเอ่ยให้อีกฝ่ายเก็บไว้ไปคิด
เหลียงซิ่วหัวเราะ “แม่ เสียประโยชน์ก็ถือเป็นวาสนาค่ะ เสี่ยวเถียนได้อะไรมาเยอะแล้ว แถมพวกแม่ยังจะให้เงินหลานอีก ฉันจะไปค้านได้ยังไงล่ะ?”
คุณปู่ซูยิ้มให้กับท่าทางของสะใภ้
“สะใภ้สามเอ้ย ฉันเห็นงานที่เหล่าซานทำมันไม่ค่อยมีประโยชน์ ไม่งั้นให้มันมาเมืองหลวงด้วยสิ”
คุณปู่ซูละอายใจเสมอที่สองสามีภรรยาไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน
คู่รักหนุ่มสาวจะแยกจากกันไม่ได้!
สำหรับเหลียงซิ่วมันพูดยาก ไม่ใช่ว่าไม่ได้คิด แต่มันพูดไม่ได้!
“ที่แกจะบอกคือ ให้เราเขียนจดหมายหาเหล่าซานสินะ บอกเขาให้ลาออกจากงานและมาเมืองหลวง ตอนนี้เราไม่ลำบากแล้ว”
เพราะมีเงินในมือแล้ว คุณย่าซูจึงพูดได้ไม่อายปาก
“ฉันเห็นด้วย!”
เหลียงซิ่วไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยประโยคเดียว ไม่รู้ว่าเหล่าซานจะยอมมาไหม เหมือนจะชอบงานที่ทีมยานยนต์นะ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
เดือนนี้เสี่ยวเถียนไม่ได้รับงานใหญ่ ๆ เลย ส่วนโส่วเวินมีงานสองชิ้น ได้เงินมาร้อยหยวน
น้องคนอื่น ๆ อิจฉามาก ทุกคนต่างได้รับแรงใจในการเล่าเรียนแล้ว
เสี่ยวเถียนยังง่วนอยู่กับการเรียนและอ่านหนังสืออยู่
กระทั่งได้ยินข่าวว่าโจวหรุ่ยซูและซ่งหลิงหลิงโดนลงโทษตามกฎหมาย ถึงจะเป็นผู้เยาว์ แต่เพราะตั้งใจจะเอาชีวิตคนอื่น แม้จะไม่ได้โดนลงโทษตามกฎหมายจริง ๆ แต่ก็ยังโดนกักขังในสถานพินิจอยู่ดี เรื่องนี้มันทำให้เสี่ยวเถียนตกใจมาก
ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนในเมืองหลวง มีพื้นเพมากกว่าคนอื่น ๆ ต่างจากเธอที่มาจากพื้นที่อื่น แล้วโดนลงโทษตามกฎหมายง่ายขนาดนี้ได้อย่างไร?
พอตอนนี้ได้หวนนึกถึงเสี่ยวเถียนก็รูึสึกว่ามันไม่น่าราบรื่นขนาดนั้นหรือเปล่า
เวลาผ่านมาตั้งนานแล้ว คนมาถามเธอก็ยังไม่มี กระทั่งเรื่องราวได้จบลง
เมื่อนักเรียนและครูของโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดรู้เรื่องก็ตกใจกับผลลัพธ์มาก
แต่ละคนก็มีประสบการณ์และมีความคิดต่างกัน
บางคนบอกว่าสองคนนั้นสมควรได้รับจากสิ่งที่กระทำแล้ว แต่บางคนก็คิดว่าเสี่ยวเถียนไม่มีเหตุผล ผลักดันคนไปสู่ทางตัน แต่เพราะคนมีเหตุผลเยอะเป็นส่วนใหญ่จึงเห็นด้วยกับผลลัพธ์นี้
จากการรายงานของตำรวจ ความคิดและวิธีการของพวกเธอสองคนนั้นโหดร้ายเกินไป สมควรแล้วที่จะโดนลงโทษ
แต่บางคนก็คิดว่าลงโทษเบาไป
ตอนเสี่ยวเถียนได้ยินเป็นครั้งแรกก็คิดว่ามันเบาไปเหมือนกัน ไม่ได้เจ็บหรือเป็นอะไรเลย
แต่มาคิด ๆ ดูอีกทีก็โล่งใจ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของพวกเขา และการที่โดนขังไว้ในที่มืดมิด อีกทั้งหากวันไหนได้ออกมา บนร่างกายก็จะมีตราประทับความผิดไปชั่วนิรันดร์ และชีวิตก็พังพินาศ
เพราะถูกกำหนดให้เดินในเส้นทางที่ต่างจากเสี่ยวเถียน เธอจึงไม่ใส่ใจมากนัก
ตอนนี้เธอก็ยุ่งมากด้วย และไม่อยากเสียเวลาเลย
ในสายตาของนักเรียนคนอื่น ๆ เสี่ยวเถียนเรียนเก่ง และมีความสามารถสอบได้คะแนนดีโดยไม่ต้องตั้งใจเรียน ทว่ามีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเวลามีค่าขนาดไหน!
ต้องอ่านหนังสือ ต้องทำงานหาเงิน ต้องช่วยที่บ้านหาเงิน เธอมีหลายอย่างต้องทำจริง ๆ
และทุกย่างก้าวที่เธอก้าวเดินในตอนนี้ก็เพื่อให้คนที่บ้านได้มีชีวิตใหม่
เราจะช้าไม่ได้
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เสี่ยวเถียนอ่านหนังสือแต่เช้า ก่อนจะนึกได้ว่าเธอยังไม่ได้เตรียมสูตรอาหารสูตรใหม่ให้ย่าเลย เพราะมัวแต่ยุ่ง ๆ นี่แหละ
ธุรกิจของเราเข้าที่เข้าทางขึ้นทุกวัน และตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแล้ว
เธอต้องมีอาหารในร้านให้เลือกได้หลากหลาย และขยายธุรกิจให้คนที่บ้าน
เสี่ยวเถียนนึกถึงสูตรอาหารที่เคยเห็นมาก่อนและอิงตามวัตถุดิบที่ขายในระบบร้านค้า ในที่สุดก็เลือกออกมาได้สองจาน
ตอนนี้ร้านอาหารหออีหมิงมีเมนูอาหารมากกว่าสองร้อยรายการ
และเป็นอาหารที่แตกต่างจากของคนอื่น ๆ ซึ่งสามารถทำได้ทุกวัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อมีลูกค้ามาสั่งอาหารที่ร้าน เราสามารถทำอาหารได้ทุกอย่างทั้งอาหารของร้านเราและอาหารที่ร้านอื่นไม่มี
ซึ่งเป็นอะไรที่หายากมากสำหรับคนในยุคนี้
เพราะแบบนี้แหละที่ธุรกิจเราดีขึ้นทุกวัน
แต่เสี่ยวเถียนก็รู้ว่าอีกปีสองปี สถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
พอถึงตอนนั้น วัตถุดิบจะเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ และทุกคนจะมีอิสระในการเลือกสิ่งที่พวกเขาอยากจะกิน
ไม่ว่าจะเป็นอาหารจีน อาหารตะวันตก อาหารซานตง หรืออาหารกวางตุ้ง เลือกได้หมดเลย
พอคุณย่าซูได้สูตรอาหารใหม่ เธอก็ทุ่มเทให้กับมันทันทีราวกับว่าพบขุมทรัพย์
คุณย่าทำอาหารได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมทั้งสี กลิ่น และรสชาติอย่างครบถ้วน เธอทำอย่างไวเพื่อให้หลาน ๆ ได้ลองชิม
ปลากระรอกทอดเปรี้ยวหวาน รสชาติเปี้ยว ๆ หวาน ๆ เด็ก ๆ ชอบกินมาก
ไม่ใช่แค่เด็กบ้านซู แต่ยังมีทั้งเสี่ยวเหมยและเสี่ยวกังด้วย
หลังจากขอความคิดเห็นของเด็ก ๆ ทุกคนแล้ว เมื่อพวกเขาบอกว่าอร่อย คุณย่าซูก็แขวนชื่อเมนูไว้บนผนังร้าน
ใช่แล้ว ที่ผนังของโถงร้านอาหารหออีหมิงมีชื่อเมนูอาหารแขวนอยู่เต็มไปหมด