บทที่ 652 ฟ้อง
บทที่ 652 ฟ้อง
เดิมทีฉือเก๋ออยากจะบอกว่าเขาน่าจะหาคนมาแก้ปัญหา แต่เสี่ยวเถียนได้ต่อสายตรงหาใครบางคนแล้วจึงไม่ได้เอ่ยอะไร
คนบ้านซูมีเส้นสายกับคนในเมืองหลวงอยู่โดยเฉพาะเสี่ยวเถียน เธอมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกผู้นำหลายคนเลย
ถ้ามีคนใดคนหนึ่งออกหน้าให้ ก็มากพอทำให้ผู้อำนวยการเฉียนและไอ้พวกอันธพาลทนทุกข์อยู่นานแล้ว
ถึงจะไม่รู้ความคับข้องใจทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ได้หูหนวกหรือตาบอดนี่ แค่ฟังดูก็เข้าใจแล้ว
ผู้อำนวยการคนนี้มีความชอบส่วนตัวที่ไม่ใช่เรื่องดี
เพียงแต่ชายชราไม่รู้ว่าหญ้าบนหลุมฝังศพ*[1]ที่ตนรู้สึกเสียใจนั้นเติบโตมาตั้งนานแล้ว
แค่รู้ว่าผู้อำนวยการเฉียนมีความคิดสกปรกก็แทบทรงตัวไม่อยู่ ถึงสองสามีภรรยาตู้จะร่ำรวย พวกเขาไม่มีเส้นสายทางการเมือง ตอนนี้จึงได้แต่เสียใจ จะได้หาคนมาช่วยแก้ปัญหาของเสี่ยวเถียน
เด็กสาวที่จดจ่ออยู่กับการโทรไม่ได้รู้เลยว่าผู้อาวุโสในบ้านคิดไปมากมายแล้ว
ตอนนั้นเองก็มีคนเข้ามาในร้าน
ใบหน้าเขาฟกช้ำดำเขียว เหมือนโดนซ้อมมา
พอเห็นความเละเทะในร้านก็อดตะโกนออกมาไม่ได้ “ฉันหยุดพวกมันแล้ว แต่มันไวมาก…”
แต่ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นอันธพาลนอนเกลื่อนอยู่บนพื้น ท่ามกลางเศษถ้วยชามและอาหาร
เขาอ้าปากกว้างจนแทบกลืนไข่เป็ดได้
ครูอวี่มองเขา ทำไมรู้สึกดูบ้า ๆ บอ ๆ จัง?
แต่พวกคุณปู่ซูและซิ่วหงจำได้ว่าชายคนนี้คือคนที่โดนทำร้ายเพราะพูดปกป้องพวกเรา
เขาไม่ได้ไปแล้วหรือ ทำไมถึงกลับมาอีกล่ะ?
เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นจึงบอกได้เลยว่าเขาสู้ไม่เป็น
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเอาชนะพวกอันธพาลไม่ได้ แต่ก็ยังกลับมา?
อีกอย่างถ้าเต็มใจช่วยจริง ๆ แล้วจะออกไปทำไมแต่ทีแรก?
“คุณกลับมาทำไมกัน?” คุณปู่ซูถาม
“คุณลุง ผมรู้ว่าพวกคุณเป็นคนดี ผมไปแจ้งตำรวจมาครับ แต่พวกเขาบอกว่ากำลังยุ่ง ให้จัดการกันเอง!”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
ในเมื่อทำหน้าที่รับใช้ประชาชนแล้วพูดจาแบบนี้ได้ยังไง?
บอกยุ่ง แต่ตอนเข้าไปแจ้งเรื่องก็เห็นนั่งดื่มชาคุยกันสนุกสนานเลยไม่ใช่หรือ
ทางคุณปู่ซูรู้อยู่แล้วจากที่ไอ้พวกอันธพาลบอก มีคนหนุนหลังพวกเขาอยู่
คาดว่าพวกเจ้าหน้าที่คงไม่อยากให้เบื้องบนขุ่นเคือง
เมื่อเสี่ยวเถียนได้ยินประโยคที่ว่านั่น ก็ร้องเหอะ และขณะที่กำลังจะสอบถามสถานการณ์ ปลายสายก็รับโทรศัพท์เสียก่อน
เสียงทุ้มของต่งหยวนจงดังขึ้น
[สวัสดีครับ! ใครครับ]
“คุณปู่รอง หนูเสี่ยวเถียนเองค่ะ!”
เธออ้าปากพูด ทว่าน้ำเสียงเต็มไปด้วยเสียงสะอื้น
แม้พวกอันธพาลจะไม่ได้รุดเข้ามา แต่ยังตะโกนโหวกเหวกอยู่
ทว่าทุกคนในตอนนั้นกำลังชุลมุน จึงไม่ได้รู้สึกผิดแปลกกับน้ำเสียงของเด็กสาว แต่ต่งหยวนจงที่อยู่ปลายสายได้ยินอย่างชัดเจน
เขารักเสี่ยวเถียนมากราวกับเป็นหลานสาวแท้ ๆ คนหนึ่ง
[เสี่ยวเถียน ไม่ต้องร้อง ๆ ใครทำอะไรหลานบอกปู่รองมา!]
เธอได้ยินเสียงกังวลจากปลายสายอย่างชัดเจน
ตอนนี้คนในบริเวณบางส่วนไม่รู้ว่าปู่รองที่เสี่ยวเถียนเรียกคือใคร นั่นรวมถึงไอ้พวกอันธพาลด้วย
พวกมันเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ยัยเด็กนี่สมกับเป็นเด็กจริง ๆ โทรไปฟ้องคนที่บ้านด้วย ฮ่า ๆ คนหนุนหลังเราไม่ใช่คนอย่างพวกแกจะต่อกรได้หรอกนะ”
เพราะได้ยินมานานแล้วว่าคนบ้านนี้มาจากตะวันตกเฉียงเหนือ ที่ตั้งหลักในเมืองหลวงได้เพราะทำอาหารอร่อย ปู่รองที่เด็กคนนี้เรียก อาจจะเป็นคนทางฝั่งบ้านเกิด?
“ถูกต้อง ยัยหนู หาได้ยากนะที่ท่านจะชอบเธอน่ะ เธอโชคดีขนาดนี้แล้วจะหาเรื่องใส่ตัวไปทำไม?”
“ใช่แล้วยัยหนู เธอหน้าตาสวยขนาดนี้ใครเห็นใครก็ชอบ ถ้าเกิดหน้าตาอัปลักษณ์ก็ไม่มีใครมาชอบหรอกนะ!”
ถึงฝ่ายตนจะเสียเปรียบแต่ก็ยังปากมาก พ่นคำผุรสวาทไม่รู้จบ
เสี่ยวเถียนคิดจะแสร้งทำเป็นเสียใจ แต่พอได้ยินน้ำเสียงปู่รอง รวมถึงคำหยาบคายเธอกลับเสียใจจริง ๆ น้ำตาหยดแหมะ ๆ สะอื้นไห้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
น้ำเสียงนั้นทำให้ต่งหยวนจงปวดใจเหลือเกิน
เด็กคนนี้เข้มแข็งมาโดยตลอด แต่คราวนี้เธอร้องไห้จริง ๆ
ยิ่งรู้ว่าร้านอาหารของพี่โดนทำลาย เขาก็ยิ่งโมโห
“ฉันพยายามต่อสู้จนสุดชีวิตเพื่อให้พี่ชายตัวเองโดนข่มเหงหรือ?”
น้อยครั้งที่ต่งหยวนจงจะบันดาลโทสะ คราวนี้เขาทนไม่ไหวจริง ๆ
รัฐมนตรีอู๋ผู้่นั่งสนทนาอยู่ข้าง ๆ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ต่างออกไป เขารู้ได้ในทันทีว่าคนที่ทำให้เพื่อนของเขาแสดงสีหน้าเช่นนี้ได้คือเสี่ยวเถียน
ยังคิดอยู่เลยว่าหลายวันมานี้ไม่เจอกันเลย จึงรอที่จะคุยด้วยอยู่ แต่กลายเป็นว่ากลับได้ยินเสียงเธอร้องไห้ จากนั้นก็เห็นต่งหยวนจงโกรธขึ้นมา
“สหายต่ง เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยถามอย่างกังวล
เสี่ยวเถียนเป็นผู้มีพระคุณของเขา
หลังจากเพื่อนแนะนำมา เขาก็ได้เสี่ยวเถียนเป็นคนจ่ายยาให้ หลังจากกินยานั่นมาครึ่งปี สุขภาพตนในตอนนี้ดีขึ้นมาก
แถมยังบอกว่าอีกว่ากินอีกสองเดือนก็ไม่ต้องกินอีกแล้ว
“มีอันธพาลมาทำลายร้านพี่ใหญ่ฉัน ถ้ามันแค่นั้นก็ว่าไปอย่าง แต่ไอ้พวกเจ้าหน้าที่มันปฏิเสธที่จะมาตรวจสอบให้!” ต่งหยวนจงโกรธจนแทบทรงตัวไม่อยู่
“สหายต่ง อย่าเพิ่งรีบร้อน เดี๋ยวฉันขอโทรศัพท์แล้วไปบ้านเสี่ยวเถียนกัน” รัฐมนตรีอู๋รีบปลอบใจ
แม้เรื่องที่เราคุยกันตอนนี้จะสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยสภาพของสหาย คงไม่มีทางคุยรู้เรื่องหรอก
ไปหาเด็กก่อนแล้วค่อยว่ากัน ช่วงประชุมตอนสี่โมงจะได้ไม่ล่าช้า
“ได้! เลขาเลี่ยวจัดการให้หน่อยนะ ฉันกับรัฐมนตรีอู๋จะออกไปข้างนอก!”
รัฐมนตรีอู๋กำลังโทรศัพท์อยู่ ต่งหยวนจงก็ทำในส่วนของตัวเองเช่นกัน
“หัวหน้าครับ ท่านยังมีประชุมตอนสี่โมงเย็น ตอนนี้เหลือเวลาอีกสองชั่วโมงเท่านั้น ท่าน…”
“ฉันจะออกไปข้างนอกทั้งทีต้องขออนุญาตคุณด้วยหรือ?” ตอนนี้ต่งหยวนจงพยายามอดทนอย่างมาก แต่พอได้ยินอีกฝ่ายพูดขัดคอก็หงุดหงิด
เลขาเลี่ยวอยู่กับต่งหยวนจงมาสักพักหนึ่งแล้ว เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายไร้เหตุผลเช่นนี้มาก่อนเลยไม่คิดเกลี้ยกล่อมแล้วรีบร้อนไปเตรียมรถให้
ฝั่งรัฐมนตรีอู๋ก็คุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ไปกันสหายต่ง พวกเราไปดูสักหน่อย แค่สองชั่วโมงก็พอแล้ว!” เขาเอ่ยปลอบใจ
[1] หญ้าบนหลุมฝังศพ หมายถึง ตายไปนานแล้ว