บทที่ 662 ภารกิจขั้นที่สาม
บทที่ 662 ภารกิจขั้นที่สาม
งานแต่งงานใช้เวลาสองชั่วโมงจึงเสร็จสมบูรณ์ หลังจากเสร็จสิ้นก็แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน ส่วนคนหนุ่มสาวกำลังตะโกนบอกให้ไปยังบ้านหลังใหม่
พวกคุณปู่คุณย่าให้หลาน ๆ ไป ส่วนคนแก่แบบเรา ๆ จะอยู่คุยที่หออีหมิงต่อ แต่เพราะมีต่งหยวนจงและคนอื่น ๆ อยู่ด้วย ความกดดันจึงค่อนข้างมาก รัฐมนตรีอู๋หาเวลาคุยกับเสิ่นจื่อเจินเรื่องปัญหาในสนามทดลอง
สองปีที่ผ่านมา ทีมของเสิ่นจื่อเจินได้เพิ่มการผลิตอาหารอย่างต่อเนื่องด้วยความบากบั่น
ชายชราแทบจะยกอีกฝ่ายว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว
แม้แต่เสี่ยวเถียนและซานกงที่พามาร่วมวงด้วยเห็นสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน
น่าเสียได้ที่เด็กหญิงไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยเกษตร ไม่งั้นคงมีผู้มีพรสวรรค์ด้านนี้อีกคนแน่! ช่างเถอะ เธอเป็นที่น่าจับตามองแบบนี้ พวกเราทีมเกษตรสู้เขาไม่ไหวหรอกนะ
เสิ่นจื่อเจินมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกเศร้า แต่เสี่ยวเถียนตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ศึกษาทางด้านนี้ ส่วนอนาคตเด็กคนนี้จะไปทิศทางไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน
พวกเขาทำได้เพียงแค่รอดูเท่านั้น
หลังจากนั้นพวกผู้นำทั้งสามก็มีงานที่ต้องไปทำต่อ จึงขอตัวกลับก่อน
คนที่เหลือเกร็งน้อยลงกว่าเดิม และหลังวันแต่งงานคือวันที่ผลสอบออก
เช้าวันนี้เสี่ยวเถียนได้รับแต้มจำนวนมากจากระบบ เธอคิดไว้แล้วว่าผลสอบของเธอกับพี่ ๆ ออกมาแล้ว
แล้วมันก็ดีด้วยนะ เพราะแต้มที่ได้รับมากกว่ารอบพี่หกพี่เจ็ดเมื่อปีก่อนอีก
เธอคิดมาตลอดหลายปี ที่แต้มเยอะขึ้นมันเกิดจากตัวเธอหรือคนรอบตัวกันแน่ แล้วถ้าทำให้คนรอบตัวชอบเรียนได้ด้วย จะได้รับแต้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วเรื่องตั้งใจเรียนหรือเปล่าจะกำหนดยังไงล่ะ?
ก็ขึ้นอยู่กับคะแนนสอบ โดยเฉพาะการสอบระดับชาติ เช่น การสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นต้น
ปัจจุบันแต้มในระบบร้านของเธอมีเป็นแสนที่ยังไม่ใช้ ไม่ใช่เพราะหาเรื่องโอกาสใช้ไม่ได้หรอกนะ แต่เพราะพอใช้แล้วจู่ ๆ มันก็ออกมาจากอากาศเลย แบบนี้ก็จะตกเป็นเป้าสายตาง่ายน่ะสิ
เพราะงั้นในตอนที่เงื่อนไขไม่อำนวย เธอจะไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่คราวนี้แต้มที่ได้รับมากกว่าที่คาดหวังไว้เสียอีก แต่เธอก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไร ที่แปลกใจคือภารกิจส่วนที่สองเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ภารกิจในส่วนนี้คือ ‘มีบ้านทองคำอยู่ในหนังสือ’
เสี่ยวเถียนคิดว่าขอแค่คนในครอบครัวซื้อบ้านได้ เธอก็จะทำภารกิจในส่วนนี้สำเร็จไปด้วย แต่พอซื้อแล้วมันกลับไม่เสร็จเสียอย่างนั้น
ทีแรกก็สนใจอยู่บ้างแหละ
แต่นานวันเข้าก็เริ่มไม่ใส่ใจอะไร และไม่ได้คิดถึงภารกิจนี้อีกแล้ว
ใครจะไปคิดล่ะว่าวันนี้มันจะสำเร็จขึ้นมา!
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่เสร็จสิ้นภารกิจส่วนแรก ‘มีบ้านทองคำอยู่ในหนังสือ’ และเข้าสู่ขั้นต่อไปคือ ‘ในหนังสือซ่อนไว้ซึ่งอนงค์น้อง*[1]’ ค่ะ]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วยนะคะ ภารกิจส่วน ‘ในหนังสือซ่อนไว้ซึ่งอนงค์น้อง’ เสร็จสมบูรณ์แล้ว 10% ค่ะ! ขอโฮสต์บากบั่นทำงานต่อไปโดยไม่ย่อท้อเพื่อทำให้สำเร็จในเร็ววันนะคะ]
[โฮสต์มีของขวัญนำโชคหนึ่งชิ้น ต้องการรับเลยไหมคะ?]
เสียงอันไพเราะของระบบพูดออกมารวดเร็วทำเธอตกใจ
เข้าใจอยู่ว่าทำไม เพราะตอนส่วนที่สองเริ่มภารกิจ ‘มีบ้านทองคำอยู่ในหนังสือ’ ก็สำเร็จไปแล้ว 40% เช่นกัน
“ระบบภารกิจส่วนที่สามหมายถึงให้พี่ ๆ ฉันสร้างครอบครัวหรือ?” เธอถามหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
[ไม่มีความเห็นสำหรับเรื่องนี้ค่ะ ขอโฮสต์ค้นหาด้วยตัวเองนะคะ!] ระบบเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
เสี่ยวเถียน “…”
ระบบห่วยแตกอะไรเนี่ย? ยังจะทำตัวหยิ่งอีกงั้นหรือ?
แต่เสี่ยวเถียนจะรู้ได้ยังไงว่านอกจากเสร็จภารกิจแล้ว ยังได้รับของขวัญระดับสูงสุดในระบบอีกจะทำให้ระบบไม่พอใจมาก
เมื่อเสร็จงานก็ต้องจับรางวัลต่อ ระบบเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง แต่เสี่ยวเถียนขี้เกียจจะเถียงด้วย และไม่อยากจับฉลากในตอนนี้
ตอนนี้ชีวิตก็ดีอยู่แล้ว หลายปีที่ผ่านมาเธอต้องพึ่งพาการจับรางวัลและอ่านหนังสือเพื่อหาเงินกับตั๋วมาตลอด
อันที่จริงเหตุผลคือ เสี่ยวเถียนเพิ่งรู้ว่าการจะได้รางวัลใหญ่เหมือนจะง่ายขึ้นหากรวมตั๋วจับฉลากไว้รอจับทีเดียว
และระบบรู้สึกหงุดหงิดที่ได้ยินว่าเสี่ยวเถียนไม่อยากทำตอนนี้!
นี่คือความเป็นอิสระของโฮสต์แหละ
“แอนนา ที่จริงเธอไม่ต้องโมโหก็ได้นะ ยังไงรางวัลใหญ่ฉันก็จับไปแล้ว ที่เหลือก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก!”
ระบบแทบกระอักเลือดตาย
พูดแบบนี้หมายความว่าไง?
อะไรคือไม่สำคัญ?
งั้นคุณก็ไม่สำคัญด้วย คนในครอบครัวคุณก็เหมือนกันนั่นล่ะ
น่าเสียดายที่ระบบทำได้เพียงบ่นเงียบ ๆ แต่พูดออกมาไม่ได้
[โฮสต์คะ โปรดใช้รางวัลจับฉลากด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นทางระบบจะยึดคืนนะ!]
เหมือนมันจะหาเหตุผลมาข่มขู่ได้
เสี่ยวเถียนอยากจิ๊ปากใส่จริง ๆ ไอ้ระบบห่วยแตกนี่มันเล่ห์เหลี่ยมยิ่งนัก แถมยังกล้าขู่เธออีกงั้นหรือ?
แต่ก็ควรทำจริง ๆ นั่นแหละ
เพราะตอนนี้โรงงานใกล้เสร็จแล้ว หลังจากเครื่องจักรจากต่างประเทศมาลง เธอตั้งใจว่าจะรวมเข้ากับเครื่องจักรที่ได้จากตัวระบบเข้าไปด้วยและติดตั้งเลย
แน่นอนว่าถ้าจำเป็นจริง ๆ เธอสามารถให้ระบบส่งของที่ซื้อมาจากต่างประเทศกลับคืนได้ และเป็นช่วงที่ทำได้โดยไม่มีใครสังเกตด้วย
สิ่งที่เสี่ยวเถียนจับฉลากได้ในตอนแรกคือ เครื่องจักรของโรงงานอาหารครบครัน แล้วยังมีฟังก์ชันที่อัพเกรดเผื่อ 30 ปีด้วย
ด้วยสถานการณ์ในตอนนั้นเธอไม่มีเหตุผลที่จะเอาออกมาใช้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เธอสามารถทำได้แล้ว
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันยังหวังจะได้เงินรางวัลใหญ่จากการจับฉลากอยู่นะ และไม่คิดจะทิ้งเครื่องจักรพวกนั้นให้เป็นหมันด้วย”
เด็กสาวเน้นย้ำคำว่า ‘รางวัลใหญ่’! และมันกระทบกระทั่งหัวใจระบบอย่างสมบูรณ์
ไม่อยากคุยกับโฮสต์อีกแล้ว ควรทำยังไงดีเนี่ย?
เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรจากระบบเสี่ยวเถียนก็หัวเราะร้ายกาจออกมา
ฮ่า ๆ ยังอยากเล่นตลกอยู่อีกไหมล่ะ?
หลังจากผ่านมื้ออาหารไป ผู้อำนวยการหลี่ซิ่งจักรยานมาถึงหออีหมิงท่าทางกระหืดกระหอบ เดาได้เลยว่าเขามาส่งคะแนนสอบให้แน่นอน เพราะปีก่อนเขาก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
ทุกคนในบ้านรู้กันหมดว่าวันนี้คือวันผลสอบออก ตอนเช้าจึงมารวมตัวกันที่ร้าน และเพื่อที่จะได้ทราบข่าวอย่างรวดเร็ว สองสามีภรรยาบ้านเฉินลงทุนจองตั๋วรถไฟมาตั้งแต่เมื่อเย็นวาน
ตอนเห็นผู้อำนวยการหลี่ คุณย่าซูตื่นเต้นมาก
[1] ชื่อภารกิจของเสี่ยวเถียนมาจาก บทกลอน 书中自有黄金屋,书中自有颜如玉 (มีบ้านทองคำอยู่ในหนังสือ และในหนังสือมีอนงค์น้องซ่อนไว้) เป็นกลอนสอนให้ใฝ่รู้ของจีน โดยท่อนนี้กล่าวถึงเป้าหมายในการเรียน