บทที่ 695 เพื่อนลูกไม่ธรรมดาเลยนะ
บทที่ 695 เพื่อนลูกไม่ธรรมดาเลยนะ
เสี่ยวเถียนหัวเราะ
“ฉันเรียนจบห้องพิเศษจากโรงเรียนมัธยมอันดับ 7 ค่ะ พอเรียนจบมัธยมปลายก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยเลย!” เธออธิบายอย่างอดทน
สิ้นคำว่า ‘ห้องพิเศษ’ พ่อแม่เสี่ยวเยว่เข้าใจในทันที ห้องเรียนนี้เรียกความสนใจจากคนในเมืองหลวงได้ไม่น้อย
แต่ตอนนั้นทุกคนไม่ได้มองในแง่ดีเท่าไร เพราะการที่ต้องให้พวกเด็ก ๆ ที่อายุยังน้อยไปเรียนมัธยมปลาย มันก็คือการดึงต้นอ่อนช่วยให้เติบใหญ่*[1]ไม่ใช่หรือ? แต่ได้ยินมาว่า นักเรียนห้องนี้กว่า 70% ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ได้ แถมผลลัพธ์ยังออกมาดีด้วย เหมือนว่าอันดับหนึ่งของเมืองหลวงจะเป็นเด็กจากห้องนี้ด้วยนะ
พอมีข่าวมา คนต่างตกอกตกใจกันมาก ถึงกับบอกว่า หรือจะมีอัจฉริยะวัยเยาว์บนโลกใบนี้จริง ๆ? ทว่าเราก็ไม่ได้จริงจังกับมัน แต่ใครจะรู้เราว่าจะได้เจอหนึ่งในเด็กห้องพิเศษ
เด็กหญิงอายุ 13 ปี สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แถมยังเป็นมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงอีก น่าชื่นชมมาก ๆ!
เดี๋ยวก่อนนะ ได้ยินว่าอันดับหนึ่งก็มาจากโรงเรียนนี้ไม่ใช่หรือ หรือเด็กคนนี้จะคือคนที่สอบได้ที่หนึ่ง?
“ซูเสี่ยวเถียน หนูสอบเข้าได้อันดับหนึ่งใช่ไหมจ๊ะ?” แม่เสี่ยวเยว่เอ่ยถามด้วยความตกใจ
“เหมือนจะเป็นอย่างนั้นค่ะ! มันก็แค่เรื่องบังเอิญเองค่ะ” เสี่ยวเถียนยิ้มเขิน ๆ
ฟังดูเป็นคำพูดถ่อมตัว แต่แม่ของอีกฝ่ายยังไม่เชื่อ เรื่องแบบนี้มีบังเอิญเสียที่ไหน ความบังเอิญบนโลกมีไม่เยอะหรอกนะ บอกได้คำเดียวว่า เด็กคนนี้สุดยอดจริง ๆ
เธอดีใจเหลือเกินที่ลูกสาวได้เป็นรูมเมทกับสาวน้อยคนนี้ พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็หวังว่าลูกจะเป็นเพื่อนกับเด็กเก่ง ๆ ได้ ตอนนั้นพ่อเสี่ยวเยว่มองคนข้างหลังเสี่ยวเถียน ก่อนขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่!
“เสี่ยวเถียน เธอเก่งจังเลย ตอนฉันอายุเท่าเธอยังเรียนประถมอยู่เลยนะ!” เสี่ยวเยว่เข้าไปหาแล้วเอ่ยอย่างตื้นตันใจ
เธอคิดว่าตัวเองเก่งแล้วนะ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่เก่งกว่าอีกด้วย สมกับที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า!
เสี่ยวเถียนไม่รู้จะตอบยังไงจึงได้แต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น
“เสี่ยวเยว่ ฉันเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนถาม
“ฉันชื่อฉู่เยว่แต่ที่บ้านเรียกเสี่ยวเยว่น่ะ จะเรียกแบบนั้นก็ได้นะ แน่นอนว่าฉันแก่กว่า เธอเรียกพี่เสี่ยวเยว่น่าจะดีกว่านะ!”
ฉู่เยว่ร่าเริงสดใสมาก เสียงหัวเราะสดใสก้องกังวานเหมือนเสียงของระฆังเลย เสี่ยวเถียนไม่คิดจะมีพี่สาวตอนนี้ หรือต้องพูดว่านับจากนี้ทุกคนคือเพื่อนเรียนของเธอ พี่สาวอะไรนั่นน่าฟังเสียที่ไหน เรียกชื่อตรง ๆ ดีกว่า
“เสี่ยวเยว่ พวกเราจะไปกินข้าวกันนะ เธอไปด้วยกันไหม?” เสี่ยวเถียนถาม
รถที่เรานั่งมาเป็นของโรงงานไฟฟ้าและผ้าไหม หลังกินข้าวเสร็จก็ต้องให้คนที่บ้านกลับไปก่อนจะได้ไม่ขวางการทำงานของพวกเขา
ความจริงฉู่เยว่อยากไปด้วย แต่คิดว่าเราเพิ่งเจอกันทั้งยังไม่สนิทกันดี แถมข้าวของเราเองก็ยังไม่ได้เก็บด้วยจึงปฏิเสธไป
“เสี่ยวเถียนไปกับที่บ้านเถอะ ฉันต้องจัดของน่ะ ฉันนอนฝั่งตรงข้ามนะ!”
เธอเลือกเตียงแล้ว และฝ่ายพ่อแม่ไม่ได้เห็นแย้งใด ๆ
เสี่ยวเถียนยกยิ้ม
เราอยู่ห้องเดียวกัน มีเวลาให้กินข้าวด้วยกันอีกตั้งเยอะ ไม่ต้องรีบหรอก
“งั้นฉันไปกินข้าวกับที่บ้านก่อนนะ!”
ว่าจบก็กล่าวลาอย่างสุภาพแล้วออกไปจากห้องพัก
“พ่อว่าซูเสี่ยวเถียนไม่ธรรมดาเลยนะ!” หลังจากนั้นพ่อฉู่เยว่ก็พูดขึ้น
“ทำไมหรือคะ?” ลูกสาวสงสัย
ปกติพ่อเป็นพวกหัวโบราณ ไม่ค่อยวิจารณ์ใครก่อน แต่อยู่ ๆ ก็พูดแบบนี้เลยรู้สึกแปลก ๆ
“พ่อเห็นชายชราข้าง ๆ เธอแล้วรู้สึกคุ้นตาน่ะสิ น่าจะเป็นผู้อาวุโสฉือ!”
ผู้อาวุโสฉือ?
สองแม่ลูกไม่รู้จักว่าเขาคือใคร
“เขาชื่อฉือเก๋อ เป็นผู้มีชื่อเสียงในเมืองหลวงเมื่อหลายปีที่แล้วน่ะ” พ่อว่า “หลังจากนั้นก็ไปอยู่ชนบท ตั้งแต่กลับมาเขาไม่ได้ออกมาให้เห็นค่าหน้าค่าตาเลย แต่ปกติก็ไม่มีใครสามารถเชิญเขามาปรากฏตัวในวงการได้เลยนะ!”
“คุณแน่ใจหรือ?” ฝ่ายภรรยาถาม
“ฉันแน่ใจนะ ฉันเคยพบเขาครั้งหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ถึงจะแค่ครั้งเดียวแต่ยังจำได้เสมอ และผู้ชายคนนั้นก็แก่กว่าฉันไม่กี่ปีเท่านั้น” เขาว่าต่อ “เสี่ยวเยว่ เพื่อนลูกคนนี้อาจเป็นอัจฉริยะจริง ๆ”
ทว่าเขาก็ยังขมวดคิ้วแน่น
“พ่อถ้าเธอเก่งขนาดนั้น ทำไมพ่อถึงทำหน้างอล่ะ? หรือกลัวลูกคนนี้จะกดดันเอาหรือ?” ฉู่เยว่ถาม
เธอพูดติดตลกเพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดนั้น แต่ลูกสาวกลับได้แต่มองด้วยสายตาเคือง ๆ
“เจ้าลูกคนนี้ พ่อเอาใจจนนิสัยเสียไปหมดแล้ว!”
“พ่อเคยได้ยินเขาบอกกันว่า ตอนอยู่ที่ชนบทเขารับลูกศิษย์ไว้คนหนึ่งด้วย แล้วก็แอบ ๆ สอนหนังสืออีกฝ่ายมา พ่อยังรู้มาว่าลูกศิษย์คนนั้นเป็นเด็กผู้หญิง ตอนนี้พ่อว่าน่าจะเด็กคนนี้แหละ!”
“พ่อแน่ใจหรือคะว่าเธอเป็นลูกศิษย์ ไม่ใช่หลานสาวน่ะ?”
ฉู่เยว่เห็นความสนิทสนมระหว่างพวกเขา และคิดว่าน่าจะเป็นญาติมากกว่า
“อีกสองคนน่าจะปู่ย่าเขามากกว่านะ แต่ผู้อาวุโสฉือเป็นนักแปลนี่นา ได้ยินว่าลูกศิษย์มีชื่อเสียงด้านการแปลด้วย ทำไมถึงเรียกเอกจีนล่ะ?”
ปกติการแบ่งห้องพักจะยึดจากคณะวิชาและสาขา ซึ่งหอนี้เป็นเอกภาษาจีนทั้งหมด ถ้าเป็นศิษย์จริง ต้องเรียนภาษาต่างประเทศสิ?
“คุณอาจจะเดาผิดก็ได้นะ มีตั้งหลายคนที่คล้ายกันนะ!” ภรรยาคิดครู่หนึ่ง
“แต่คล้ายกันมากเลยนะ เหมือนทุกระเบียบนิ้วเลย!”
“ไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะเป็นใคร สิ่งที่สำคัญคือเด็กคนนั้นนิสัยดี!” เธอยิ้ม “หลังจากนี้ให้เสี่ยวเยว่ของเราสนิทเข้าไว้ก็พอแล้ว!”
ลูกสาวไม่ใช่เด็กในเมือง คนเป็นแม่กลัวมากกว่าลูกจะเจอคนนิสัยไม่ดีแล้วลูกที่โง่เขลาคนนี้จะโดนเขาหลอกเอา
“หนูชอบเสี่ยวเถียนนะคะ เธอน่าจะเป็นคนที่ดีมาก ๆ แน่เลย!” ไม่รู้ทำไมแต่จิตใต้สำนึกของฉู่เยว่มันบอกว่าเสี่ยวเถียนเป็นคนที่ชื่นชอบมาก
อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่เธอ แต่พ่อแม่ก็ยังรู้สึกเช่นกัน
[1] ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จเร็ว ๆ กลับทำให้งานนั้นเสียหาย