บทที่ 783 ทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์
บทที่ 783 ทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์
เถ้าแก่พยายามขายของอยู่นาน พอได้ยินเสี่ยวเถียนพูดเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“สาวน้อยตาถึงจริง ๆ ได้สิ ฉันให้ 80 หยวนเลย เธอรับไปสิ!”
เสี่ยวเถียนร้องเหอะ นอกจากพี่เจ็ดก็ไม่น่ามีใครโง่โดนหลอกแล้วล่ะ
“ลดกว่านี้ได้ไหมคะ เถ้าแก่ก็เห็นว่าพวกเรายังเด็ก ไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกนะ” เสี่ยวเถียนทำท่าสนใจในชุดนั้น
เถ้าแก่ไม่อยากเชื่อ
เด็กพวกนี้ดูมีเงินแท้ ๆ แต่พอนึกถึงราคาของเสื้อผ้าก็สัมผัสได้ว่าคงไม่มีเงินจริง ๆ ถึงยังไงราคา 80 หยวนมันเท่ากับเงินเดือนคนงานเกือบสองเดือนเลยนะ
“ถ้างั้นพวกเธอก็รวมเงินกันสิ แล้วถ้าได้จำนวนเท่า ๆ กับราคา ฉันคืนกำไรให้เลย” เถ้าแก่แสร้งเป็นกัดฟันว่า
เสี่ยวเถียนยื่นมือออกมากาง แล้วหักนิ้วโป้งลง
เถ้าแก่เห็นแบบนั้นก็ดีใจมาก แต่พอเสี่ยวเถียนหักนิ้วลงอีกสีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที
“สาวน้อย ได้แค่ 50 หยวนนะ ถูกกว่านี้ไม่ไหวแล้ว นี่เห็นเพราะเธอเป็นเด็กหรอกนะ” เขารีบส่ายหัว
การที่เธอต่อรองแบบนี้มันก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอมีเงินเยอะ
เถ้าแก่คำนวณราคา ต่อให้ขายได้ในราคา 40 หยวน มันก็ยังถือว่าเป็นกำไรอยู่ดีต่อให้ไม่ได้เปิดร้านเลยก็ตาม
“เถ้าแก่ คุณพูดผิดแล้วค่ะ” เสี่ยวเถียนยิ้มหวานทันที
“ทำไมล่ะ?” อีกฝ่ายผงะ
“หนูหมายถึง 4 หยวนต่างหาก!” เด็กสาวเอ่ยอย่างสบายใจ
อย่าว่าแต่เจ้าของร้านเลย พี่ชายคนอื่น ๆ ยังตกใจเหมือนกัน ราคาขายอยู่ที่ 95 หยวน แต่น้องสาวขอซื้อ 4 หยวนเนี่ยนะ นี่มันโหดร้ายมากเลยนะ!
เสี่ยวชีหมายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสี่ยวลิ่วห้ามเอาไว้ เจ้าน้องโง่คนนี้มันยังมองไม่ออกอีกหรือ? เสี่ยวลิ่วรู้สึกว่าราคามันต้องถูกอยู่แล้ว เผลอ ๆ ใช้วัสดุคุณภาพต่ำสุดเลยด้วยซ้ำ ถึงสี่หยวนจะราคาน้อยไปหน่อย แต่มันไม่ได้น่าเกลียดนี่นา
เถ้าแก่หน้าแดงก่ำทันที
ไอ้เด็กเวรพวกนี้คิดเล่นตลกหรือยังไง?
ราคาสี่หยวน เป็นพวกแกจะเอาไหมล่ะ?
ไม่รู้ว่าพูดบ่อยเกินไปหรือเปล่า แต่เถ้าแก่ดันคิดจริง ๆ ว่าไอ้ราคาแปดสิบเก้าสิบหยวนมันก็สมราคาดี จนลืมไปว่าต้นทุนมันแค่สี่หยวนเท่านั้น
“แก…” เขาโมโหเกินกว่าจะพูดออก
นังเด็กนี่ คิดจะให้เขาโมโหตายคาแผงขายของหรือไง?
“เถ้าแก่ คุณบอกเองนี่คะว่าให้เรารวมเงินกันซื้อ แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวเรามีแค่นี้เองนะ!” เสี่ยวเถียนยิ้ม
“แต่เมื่อกี้เขาบอกว่าเอาเงินมาสิบหยวนไม่ใช่หรือไง แล้วมันกลายเป็นสี่หยวนไปได้ยังไง?” เขาจำเรื่องนี้ได้
“เถ้าแก่ ดูในมือเราสิคะ อันนี้ก็เงินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวเถียน
ว่าจบก็จ้องอีกฝ่ายอย่างมีชั้นเชิง ราวกับจะบอกว่าทำไมโง่ได้ขนาดนี้ล่ะเถ้าแก่!
“…” เถ้าแก่
“ไม่เอา ๆ สี่หยวนน้อยเกินไป ฉันยอมตายดีกว่า!”
“สี่หยวนมันราคาต้นทุนไงคะ ถ้าจำไม่ผิดชุดนี้ก็ไม่ได้มาจากหรงเฉิงด้วย แต่รับมาจากชานเมืองต่างหาก”
เถ้าแก่มองเด็กสาวด้วยความตกใจ
สาวน้อยคนนี้รู้ได้ยังไง?
เสื้อผ้าบนแผงเขารับมาจากคลังสินค้าในเขตชานเมืองทั้งหมด และเป็นของลอกเลียนแบบทั้งนั้นเลยด้วย
ที่นั่นจะมีโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่แห่ง ซึ่งจะเชี่ยวชาญในเรื่องทำสินค้าลอกเลียนแบบจากหรงเฉิง มีลักษณะคล้ายกันแต่ราคาถูกกว่ามาก
คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้ แต่ทำไมสาวน้อยตรงหน้าถึงรู้มาก?
“เถ้าแก่ จิตใจดำมืดขนาดนี้ระวังจะสูญเสียทุกอย่างไปนะ!”
เสี่ยวเถียนสั่งสอนอย่างเข้มงวด
แค่เสื้อผ้าชุดเดียวกลับขายกำไรได้เป็นสิบ ๆ หยวน ถ้าจ่ายให้ตามราคาที่เสนอมา ป่านนี้ไม่อ้วนฉุไปแล้วหรือ?
“เธอมาเพื่อทำลายแผงขายฉันหรือไง?” เถ้าแก่รู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้น่าจะมาสร้างปัญหาให้ตนแน่ ๆ
ปกติเด็กวัยนี้มันก็แค่เด็กมัธยมไม่ใช่หรือ แล้วรู้ดีขนาดนี้ได้ยังไง?
ต้องมีคนสอนมาแน่ ๆ
“ใครส่งแกมาที่นี่?”
จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ
“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ หนูแค่ผ่านมาเห็นพอดี แล้วก็ตัวหนูเคยไปหรงเฉิงมาหลายครั้งแล้วค่ะ รู้จักตลาดเสื้อผ้าที่นั่นเป็นอย่างดีด้วย”
เถ้าแก่ไม่เชื่อว่าเด็กตัวแค่นี้จะไปตลาดเสื้อผ้าที่หรงเฉิงจริง ๆ โม้ให้ใครฟังอยู่?
มันมีคนยอมทำธุรกิจกับเด็กวัยแค่นี้ด้วยหรือไง? ไม่พูดเลยล่ะว่าเกิดมาก็เดินได้เจ็ดก้าวแล้วน่ะ?
“เสื้อผ้าคุณภาพแบบนี้ใช่ว่าหรงเฉิงจะไม่มีหรอกนะคะ แต่ราคามันก็ตกแค่ 3-4 หยวนเท่านั้น ต่อให้มาขายในปักกิ่งแล้วราคาสูงขึ้นหน่อยก็ไม่เกิน 5 หยวนหรอกค่ะ!”
เสี่ยวเถียนพูดจนอีกฝ่ายไปไม่เป็น เรื่องจริงหรือ? นี่เขาเจอเพื่อนในวงการเดียวกันอยู่? แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ พอมองดูเสื้อผ้าที่เด็กกลุ่มนี้ใส่ เหมือนจะเป็นรูปแบบใหม่ ๆ จากหรงเฉิงเลยนะ
และมันก็กำลังจะเข้ามาเมืองหลวงแล้วด้วย
วันนี้ซวยจริง ๆ
“ที่แท้ครอบครัวพวกแกก็ทำธุรกิจเสื้อผ้าเหมือนกันสินะ ในเมื่ออยู่วงการเดียวกัน ก็รีบออกไปซะ อย่างมาสร้างปัญหาแถวนี้”
“เถ้าแก่ เวลาทำธุรกิจคุณต้องซื่อสัตย์สิคะ ดังคำโบราณที่กล่าวว่า ‘วิญญูชนต้องการเงินทอง ก็ต้องได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง’ คุณเห็นเราเป็นเด็กและพี่ชายหนูโง่ไปหน่อย ก็เลยคิดอยากจะโก่งราคาสินะ ถึงจะทำเงินได้ในช่วงสั้น ๆ แต่มันไม่สามารถทำระยะยาวได้หรอกนะคะ”
เสี่ยวเถียนจ้องเขม็ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจ
เถ้าแก่หนุ่มได้แต่ยืนตะลึงงัน
วิญญูชนต้องการเงินทอง ก็ต้องได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง มันจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือ? แต่เงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบากกลับได้แค่วันละหยวนสองหยวน แล้วแบบนี้เมื่อไรจะรวยล่ะ?
เมื่อเห็นเจ้าของร้านจมอยู่ในความคิด เสี่ยวเถียนจึงหมายจะจากไป
“สาวน้อย เดี๋ยวก่อน ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”
เสี่ยวเถียนชะงัก
“เพราะวันนี้คุณคิดจะโกงเราไงคะ แล้วถ้าเราเสียโง่ซื้อเสื้อผ้าคุณกลับมา แล้วไม่คิดว่าผู้ใหญ่ที่บ้านจะอยากคิดบัญชีกับคุณเหรอคะ? พวกเขาพังแผงลอยคุณได้อย่างง่าย ๆ เลยนะ!”
เสี่ยวเถียนเห็นอีกฝ่ายไม่ได้นิสัยย่ำแย่อะไร และที่ทำแบบนี้เพราะโกรธด้วย จึงตอบคำถามอย่างอดทน
“คุณจะบอกก็ได้ว่า พอครอบครัวพวกเรามาถึงคุณก็หนีไปตั้งแผงที่อื่นแล้ว เผลอ ๆ อาจกลับบ้านไปเลยด้วยซ้ำ คิดแค่ว่าหาเงินได้ตั้งแปดสิบเก้าสิบหยวนจากการขายเสื้อผ้าต้นทุนแค่สี่หยวน วันนี้พอแล้วล่ะ”
“วันนี้ขายที่นี่ พรุ่งนี้ไปที่ใหม่ แต่คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าล่ะ? เคยคิดบ้างไหมว่าตัวเองจะตั้งแผงขายของไปตลอดชีวิตเลยน่ะ?”