บทที่ 833 รู้สึกต่ำต้อย
บทที่ 833 รู้สึกต่ำต้อย
พริบตาเดียว การวิจัยส่วนนี้เป็นอันสิ้นสุดลง ในที่สุดพวกเราก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้เสียที ส่วนที่เหลือเสิ่นจื่อเจินตั้งใจจะให้หยวนกั๋วชิ่งทำให้เสร็จ เพราะเขาค่อนข้างไว้วางใจและชื่นชมเด็กคนนี้
เราส่งงานส่วนนี้ให้เพื่อเป็นการทดสอบหยวนกั๋วชิ่งเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าสามารถทำตามความคาดหวังได้ เสิ่นจื่อเจินจะรับเขาเข้าทีมทันที
หยวนกั๋วชิ่งได้ยินข้อตกลงก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ไม่อยากจะเชื่อว่าอาจารย์จะมอบเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้ตนเองทำ เขาเป็นแค่คนเก็บงาน เทียบกับอาจารย์และสองพี่น้องคู่นั้น ตนไร้ความรู้และความสามารถนัก อย่าว่าแต่ซานกงเลย ขนาดเสี่ยวเถียนที่เรียนคณะภาษาจีนยังรู้เยอะกว่าเขาอีก
เขารู้สึกว่าช่วงนี้ได้รับความรู้มาไม่น้อยเลย แต่หลังจากที่รู้ว่าเสี่ยวเถียนไม่ใช่ลูกศิษย์อาจารย์เสิ่น และเรียนภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงก็ได้แต่ตกตะลึง ความมั่นใจอันน้อยนิดลดระดับลงไปกว่าเดิมมาก เพราะซูเสี่ยวเถียน
หลายวันมานี้เขาถึงกับนอนไม่ค่อยหลับ
เขาเป็นนักศึกษาคณะเกษตรกรรม แต่ระดับความรู้ไม่อาจเทียบเท่าได้กับเสี่ยวเถียนที่เรียนภาษาสักนิด นี่มันไม่ต่างไปจากทำงานหยุมหยิมให้เธอเลยนะ แล้วความรู้ที่เธอมีมันเกินกว่าที่เขาจินตนาการไปมาก ตอนแรกตนคิดว่าขยันมากพอแล้วนะ แต่พอเทียบกับเสี่ยวเถียนกลับตระหนักได้ทันทีว่าตนยังไม่ได้พยายามมากพอ
เสิ่นจื่อเจินสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่ม และกลัวว่าเขาจะเกิดการเปรียบเทียบในใจ
“กั๋วชิ่ง เสี่ยวเถียนฉลาดเป็นกรดมาแต่เด็ก อย่าเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับเธอเลยนะ”
ไม่ว่าใครก็ตามที่เปรียบเทียบตัวเองกับเสี่ยวเถียน มีแต่จะไม่สบายใจเท่านั้น! ต่อให้เก่งพอ ๆ กับฉืออี้หย่วน ก็ใช่ว่าจะเทียบกับเสี่ยวเถียนได้ เหมือนเด็กคนอื่นในบ้านซูนั่นแหละ ไม่มีใครใส่ใจความเป็นเลิศของน้องสาวเลย
ด้วยต้นทุนของหยวนกั๋วชิ่งที่ไม่ได้ดีเท่าฉืออี้หย่วนและเสี่ยวเถียน ถ้าคิดจะแข่งอาจจะทำให้ท้อถอยก็ได้
เสิ่นจื่อเจินว่าก่อนมองหลานสาว
เสี่ยวเถียน “…”
เธอไม่ผิดเข้าใจไหม?
แค่โดดเด่นกว่าคนอื่นเอง มันไม่ใช่ความผิดเธอนี่
“อีกสองวันอาจารย์ก็จะกลับไปแล้ว ผมได้ความรู้ใหม่เยอะแยะเลยครับ ขอบพระคุณอาจารย์ ซานกงและเสี่ยวเถียนมาก ๆ เลยครับสำหรับความช่วยเหลือ”
หยวนกั๋วชิ่งเอ่ยอย่างจริงใจ
“ผมอยากชวนทุกคนไปเป็นแขกครับ แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะมีเวลากันหรือเปล่า!”
ยิ่งพูดเท่าไรเสียงก็ยิ่งเบาลงเท่านั้น
เขาเป็นคนขี้อาย แม้เราจะมาจากคนละโลก แต่พวกเขาก็ไม่ได้รังเกียจตน และยังมอบหมายงานให้ รวมถึงคอยสอนตลอดด้วย
คนทั้งสามคือ ผู้มีพระคุณของเขา
เสิ่นจื่อเจินมองหลานชายหลานสาว “พวกหลานอยากไปเดินดูรอบ ๆ สักหน่อยไหมล่ะ?”
จริง ๆ เสี่ยวเถียนไม่ชอบไปไหนมาไหน แต่เธอเดินทางมาตั้งไกล วัน ๆ ก็อยู่แต่ในหมู่บ้านด้วย ไกลสุดคือเข้าเมืองไปรอบเดียวเอง มันทำให้เธอนึกเสียใจนัก คราวนี้หยวนกั๋วชิ่งเชิญชวนทั้งที เราเองก็อยู่เมืองเดียวกัน ออกไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยคงไม่เลว
“มีเวลาอีกตั้งหนึ่งวันค่ะ มาแล้วทั้งทีเราไปกันนะ!” เด็กสาวยิ้มก่อนพยักหน้า
ซานกงย่อมไม่คัดค้านถ้าน้องเห็นด้วย
น้องคิดอะไร เขาคิดแบบนั้น
หยวนกั๋วชิ่งเอ่ยอย่างมีความสุข “เดี๋ยวเย็นนี้ผมกลับบ้านไปเตรียมตัวนะ”
ฐานะทางบ้านเขาไม่ดี ตอนนี้มีเงินเดือนแล้ว เขาต้องเลี้ยงแขกด้วยของอร่อย ๆ สักหน่อย
เสิ่นจื่อเจินบอกกับเขาว่า “ไม่ต้องหรอก พวกเราไปเที่ยวเล่น กินอาหารทำเองก็พอแล้ว”
“เข้าใจแล้วครับอาจารย์!”
อีกฝ่ายจากไปด้วยความเบิกบาน
เสี่ยวเถียนยิ้มมองคนที่เดินจากไปพร้อมกับสปิริตอันแรงกล้า
หยวนกั๋วชิ่งเป็นคนที่เก่งจริง ๆ
“อาจารย์เสิ่นคะ เย็นนี้กินข้าวไหมคะ?” ภรรยาอันหรงหัวเข้ามาถาม
เสิ่นจื่อเจินยิ้ม “กินครับ พอเรากลับไปคงไม่ได้กินข้าวอร่อย ๆ แบบนี้แล้วล่ะ”
ต่อให้เอากลับไปด้วยได้ มันก็คงกินได้ไม่กี่มื้อหรอก
“เข้าใจแล้วค่ะ” อีกฝ่ายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มีเป็ดตัวนึงพอดีเลย เดี๋ยวจะตุ๋นให้นะคะ”
จากนั้นก็เห็นอันหรงเสวียเดินมา
คนมาใหม่ยกยิ้ม “พี่สะใภ้ไม่ต้องทำหรอกครับ ภรรยาผมกำลังเตรียมให้ที่บ้านน่ะ”
หลังจากเสี่ยวเถียนช่วยกุ้ยฮวาและลิ่วจื่อเอาไว้ เขาก็อยากเชิญคนทั้งสามมากินข้าวที่บ้านตลอด แต่คนทั้งสามก็ยุ่งกันมาก พอได้ยินว่ากลุ่มอาจารย์เสิ่นกำลังจะไป อันหรงเสวียรีรอไม่ได้แล้ว จึงรีบเข้ามาเชิญไปเป็นแขกที่บ้าน
ภรรยาอันหรงหัวไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเสิ่นจื่อเจินเท่านั้น
คนโดนมองยิ้ม “ขอบคุณสำหรับความกรุณานะครับ แต่เรากินที่นี่ดีกว่า”
“อาจารย์เสิ่น สหายเสี่ยวเถียน สหายซานกง พวกคุณเป็นผู้ช่วยชีวิตภรรยาและหลานชายผมนะครับ ผมอยากแสดงความขอบคุณ อย่าปฏิเสธเลย”
“ถ้าทำแบบนั้นคนในหมู่บ้านจะครหาว่าผมเป็นคนเนรคุณนะ!”
แล้วเสิ่นจื่อเจินจะพูดอะไรได้อีก? เขาจึงทำได้แค่ตอบตกลงเท่านั้น ตอนเดินทางมาถึง เราเห็นเสี่ยวลิ่วจื่อวิ่งเล่นอยู่ในลานบ้าน
เสี่ยวเถียนเจอเด็กคนนี้บ่อยครั้ง เธอชอบเด็กที่มีเหตุผลน่ารักแบบนี้มาก ส่วนเสี่ยวลิ่วจื่อเองก็ชอบเล่นกับพี่สาวเสี่ยวเถียนเหมือนกัน พอเห็นเธอก็ตื่นเต้นดีใจจนตัวแทบลอย
“พี่สาวมาแล้ว เสี่ยวลิ่วจื่อคิดถึงพี่มากครับ!” น้ำเสียงออดอ้อนทำคนฟังรู้สึกใจอ่อนยวบยาบ
เสี่ยวเถียนบีบหน้าเล็ก ๆ อันเรียบเนียน “ถ้าคิดถึงพี่สาว ทำไมไม่มาหากันเลยล่ะ?”
“คุณลุงบอกว่า พี่ ๆ ยุ่งมาก ผมก็เลยไม่อยากไปกวน”
เขาตอบอย่างเชื่อฟัง
ลุงบอกว่าอาจารย์เสิ่นและพี่ ๆ กำลังยุ่ง ให้เขาอยู่บ้านวิ่งเล่นอย่างเชื่อฟัง และไม่ไปรบกวนการทำงานของพวกเขา
และเขาก็ไม่ได้ไปจริง ๆ แม้จะอยากไปเล่นกับเธอใจจะขาด
โชคดีที่ลุงบอกว่าวันนี้ชวนพวกพี่สาวจะมากินข้าวที่บ้าน พอได้ยินก็ดีใจมาก แถมยังตามลุงไปช่วยจับปลาเพื่อทำอาหารให้พี่สาวเพิ่มอีกด้วย
“พี่สาวทำงานเสร็จแล้ว วันนี้เล่นด้วยได้แล้วล่ะ” เสี่ยวเถียนบอกด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวลิ่วจื่อปรบมือร้องลั่น
“โอ๊ะ ดีจังเลย พี่สาวเล่นกับผมได้แล้ว!” หลังจากกระโดดไปมาเขาถามอีก “ผมมีเพื่อนอีกคนด้วยนะ พี่สาวเล่นกับเขาได้ไหม?”
น้ำเสียงนั่นฟังดูอาย ๆ ราวกับกลัวว่าเสี่ยวเถียนจะไม่ชอบ
พวกเสี่ยวเถียนไม่ได้ใส่ใจคำพูดนั้นเท่าไร
เพราะคิดว่าเด็กที่เสี่ยวลิ่วจื่อพูดถึงคงเป็นเด็กในหมู่บ้าน