บทที่ 943 สหายเก่าเราพบกันอีกครั้ง
บทที่ 943 สหายเก่าเราพบกันอีกครั้ง
คนงานทั้งสองคนที่ถานจื่อสือว่าจ้างมาเป็นอดีตทหาร ที่ตั้งใจทำงานและซื่อสัตย์สุจริต
นอกจากช่วยทำก๋วยเตี๋ยวเย็น เฉาก๊วย และเถียนเพียจื่อ*[1]เพื่อหาเงินแล้ว พวกเขายังช่วยดูแลเด็ก ๆ ด้วย
ประกอบกับเด็ก ๆ ที่รับมาเลี้ยงรู้ความดีว่า ที่ชีวิตพวกเขามั่นคงได้เป็นเพราะสองสามีภรรยาถาน จึงมีเหตุผลมากกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป
หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกัน พวกเขาจึงแทบไม่ต่างไปจากครอบครัวเดียวกัน ทั้งยังคึกคักกันมาก
ตอนนี้ฉือเก๋อใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง แต่พอมาอยู่กับเด็ก ๆ กำลังใจก็ดีขึ้นเยอะ
ภายใต้การดูแลและชี้แนะของผู้ใหญ่กลุ่มนี้ เด็ก ๆ ทุกคนจึงมีความประพฤติและไหวพริบที่ดีมาก
บรรยากาศอันกลมเกลียวต่างกับที่ซูฉางจิ่วจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง
เขาเคยไปบ้านเด็กกำพร้ามาก่อน แต่ที่นั่นแตกต่างกับที่นี่มาก
เด็ก ๆ ที่นั่นมักจะเป็นเด็กไม่มีความมั่นใจ ขี้อาย เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่พอดีตัว
เด็กบางคนเห็นคนแปลกหน้าก็จะพูดน้อย ไม่กล้าเข้าใกล้
แถมความสัมพันธ์ระหว่างเด็กด้วยกันเองก็ไม่ได้ดีเท่าไร ไม่ได้สนใจกันสักนิด
ทว่าเด็ก ๆ ในบ้านกำพร้าเอกชนแห่งนี้กลับไม่เหมือนที่ไหน ๆ
เด็กเล็กเด็กโตดูแลกันและกัน
เป็นฝ่ายทักทายคนที่มาหา
สิ่งสำคัญคือรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้เสแสร้งด้วย
ทั้งจริงใจและสดใสมาก
“เด็ก ๆ ได้รับการดูแลอย่างดีเลยนะครับ” ซูฉางจิ่วทอดถอนใจ
ถ้าไม่ดีจริงคงไม่เป็นอย่างที่เห็นหรอก
“ ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากทุกคนเลยละที่ทำให้เรามีวันนี้” ถานจื่อสือซาบซึ้งใจมาก “ผมชื่อถานจื่อสือครับ เราไม่เคยพบกันมาก่อนก็จริง แต่ผมเคยได้ยินชื่อคุณนะ”
ซูฉางจิ่วผู้ได้ยินชื่อนี้มาตลอดสองวัน ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าตัวเสียที เขารู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายมากก่อนจะนึกออก
ถานจื่อสือผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา
เมื่อก่อนเขาเป็นผู้มีอิทธิพลของมณฑลเลยนะ
เชื่อเถอะว่าฉายาถานป้านเฉิงไม่มีใครไม่เคยได้ยิน
ช่วงนี้ได้ยินชื่อเขาอยู่บ่อย ๆ แถมเมื่อสองปีก่อนมีคนมาหมู่บ้านเพื่อถามถึงที่อยู่ของเขาด้วย
เหมือนว่าคนที่มาถามจะเป็นพวกลูกชาย ภรรยาแล้วก็หลานชายเขานะ
วุ่นวายกันพอตัวเลย
แล้วทำไมเจ้าตัวถึงมาอยู่นี่ล่ะ?
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
ซูฉางจิ่วนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้หรือเปล่าว่าลูกเมียตามหาอยู่น่ะ
เลยเอ่ยถามออกไป “สองปีก่อนผมได้ยินว่าลูก ๆ คุณตามหาไปทั่วเลย คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ?”
ชายชราดูตกใจ
“ทำให้คุณต้องขบขันแล้ว ผมไม่ตั้งใจจะกลับไปแล้วครับ บ้านเบิ้นอะไรก็ยกให้พวกเขาหมดแล้ว ถือเสียว่าเป็นความตั้งใจแล้วกัน”
หากพวกเขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีและพยายามรังแกหลีอวี๋เหนียงแต่แรก จนกดดันให้เธอต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่เมืองหลวง ชีวิตพวกเขาอาจจะดำเนินต่อไปก็ได้
แต่กลายเป็นว่ากลับคิดทะเยอทะยานทำในเรื่องไม่ดี จนหลีอวี๋เหนียงทนไม่ไหว
ทำให้เธอต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรมหลายอย่าง
ด้วยความที่ตนรู้จักนิสัยพวกเขาเป็นอย่างดี จึงตัดสินใจอยู่ให้ห่างเลยดีกว่า
“คุณไม่คิดจะกลับไปแล้วหรือครับ?” ซูฉางจิ่วแปลกใจ
ถานจื่อสือหมายความว่ายังไงกันแน่?
รู้ทั้งรู้ว่าลูกหลานตามหา แต่ไม่คิดจะกลับไปแล้วเสียอย่างนั้น
“หัวหน้า ผมอยากรบกวนคุณสักเรื่องครับ ถ้ากลับไปแล้วมีใครมาถามเรื่องของผม ผมอยากให้คุณเก็บไว้เป็นความลับครับ”
ซูฉางจิ่วตกใจกว่าเดิม
สำหรับคนที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านมาชั่วชีวิต เขาย่อมเข้าใจความหมายนี้ดี
ถ้าลูกหลานของชายคนนี้มาหา อย่าพูดอะไรออกไปทั้งนั้น
แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม
คนแก่กับลูกหลานก็มีปัญหาที่คลี่คลายไม่ได้ด้วยหรือ?
นั่งคุยกันไปเลยไม่ดีหรือไง?
ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?
แต่มันเรื่องของเขา ถามไปก็ไม่เหมาะ
“เข้าใจแล้วครับ คุณไม่ต้องห่วงนะ” เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“พวกเราได้พบกันอีกครั้งแล้วนะ” ฉือเก๋อเดินเข้ามาทักทาย
เขาเป็นคนที่ติดต่อกับซูฉางจิ่วมากที่สุด
ตั้งแต่มาถึงหงซินก็ได้อีกฝ่ายคอยดูแลอยู่ตลอด
ไม่ใช่แค่แอบส่งอาหารให้ แต่ยังช่วยปราบปรามพวกหัวรุนแรงในหมู่บ้านที่พยายามทำร้ายเราสองปู่หลานด้วย
ช่วงนั้นชีวิตของเขาลำบากมาก แต่ไม่ได้ทุกข์ทรมาน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
สำหรับคนที่มีเครือญาติอยู่ต่างประเทศไม่เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว อีกทั้งลูก ๆ เขาก็อยู่ต่างประเทศกันหมดก็เลยมีโทษติดอยู่เป็นทุนเดิมอีก
ตอนไปอยู่ที่หงซินครั้งแรก เขายังคิดอยู่เลยว่าคงไม่ได้กลับเมืองหลวงอีกแล้ว
หากไม่ได้ซูฉางจิ่วชายผู้เป็นคนรักษาคำพูดของหมู่บ้านดูแลมาโดยตลอด ก็ไม่รู้ว่าเราสองปู่หลานจะมีชีวิตรอดต่อไปไหม
“คุณฉือ สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย!”
“ไม่ได้เจอกันนานจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าไม่แก่เกินไปจนเดินทางไม่ไหว ผมคงกลับไปเยี่ยมแล้วละ!” ฉือเก๋อยิ้ม
ถึงจะไม่ใช่ความทรงจำที่ดี แต่เรื่องพวกนั้นมันกลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว
ฉือเก๋อไม่อยากให้พวกมันเลือนหายไป เขาอยากจะจำจดมันไว้ตลอดกาล
ไม่ใช่แค่เขา แต่ฉืออี้หย่วนก็ต้องจำไว้ด้วย
ตอนที่พวกเขากลับมาใหม่ ๆ ฉือเก๋อสอนหลานชายให้จดจำช่วงเวลาเหล่านั้นและความใจดีของชาวบ้านที่ช่วยเหลือพวกเขาในยามยากลำบากที่สุด
ชายชราคิดมาตลอดว่าชาวบ้านที่หงซินจิตใจดี ถึงบางส่วนจะไม่ได้สนใจไยดีลูกหลานตัวเองก็ตาม
แค่ไม่มาข่มเหงกันถึงบ้านก็ถือว่าใจดีแล้วละ
“ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ถ้ามีโอกาสผมจะมาหาอีก” ซูฉางจิ่วว่าพลางถือถุงขึ้น “ของพวกนี้เป็นของบนเขาที่บ้านเราเองครับ มันไม่ใช่ของดีอะไรเลย แต่อยากให้คุณได้ลิ้มลองครับ”
ซูฉางจิ่วเดินทางมาพร้อมกับของขวัญสี่อย่างจริง ๆ
นอกจากของบ้านซูแล้วก็มีบ้านตู้ บ้านฉือ และบ้านเถาฮวาอีกหลัง
ฉือเก๋อตกใจมาก
“หัวหน้าสุภาพต่อกันเกินไปแล้วครับ อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล แต่ยังนึกถึงพวกเราด้วย” ชายชรารับของมาแล้วเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
[1] 甜胚子 เถียนเพียจื่อคือของว่างพิเศษประจำถิ่นตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นอาหารสำหรับเทศกาลเชงเม้งและไหว้บ๊ะจ่าง