ตอนที่ 18 ไม่มีใครสอนข้า
“หากข้าคิดจะฆ่าเขาคงเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนบี้มดตัวหนึ่งให้ตาย เหตุใดต้องวางยาพิษให้เขาด้วย? วิธีการโง่เขลาเช่นนี้ ข้าจะคิดออกมาได้อย่างไรกัน?”
เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นอย่างรวดเร็ว อารมณ์ของอวี้ชิงลั่วไม่ได้เพิ่มขึ้นเหมือนเคย อย่างน้อย ๆ นางก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์หลังจากถูกตรวจสอบข้อเท็จจริง
เย่ซิวตู๋หยุดฝีเท้าลงในทันที เขายกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้พ่อบ้านที่อยู่ด้านหลังหยุดเดิน ก่อนจะส่งสายตาไปหาเสิ่นอิงเพื่อให้เขาเข้าไปในห้องเพียงลำพัง
เสิ่นอิงชะงัก แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดนายท่านไม่ยอมเข้าไป แต่เขาก็ก้าวเท้าเข้าไปด้านในห้องโดยไม่ได้คัดค้าน
ครั้นเข้ามาด้านใน ก็พบว่าข้างกายของอวี้ชิงลั่วมีบุรุษสองสามคนยืนอยู่ ท่าทางของเขาดูเหมือนคิดจะจับตัวนาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บัดนี้ใบหน้าของคนเหล่านั้นกลับดูอึมครึมคิดจะเข้าไปจับแต่ก็ไม่กล้าลงมือ
ส่วนอวี้ชิงลั่วกลับมีสีหน้าเย้ยหยัน นางนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้อย่างสบาย ๆ ราวกับอยู่ในเรือนของตนเอง
เสิ่นอิงมุมปากกระตุกวูบ เขารีบสาวเท้าเข้าไปโบกมือบอกบุรุษสองสาวคนที่ยืนอยู่ข้างอวี้ชิงลั่ว “ไปอยู่ข้าง ๆ พวกเจ้าทำอะไรกัน?”
“เสิ่นเสี่ยวอิง เจ้ามาแล้วหรือ? เหตุใดถึงได้มาช้าเช่นนี้? ข้าเกือบถูกลากไปเป็นอาหารสุนัขอยู่แล้ว” อวี้ชิงลั่วยกมือขึ้น ทั้งยังรินน้ำชาให้เขาอย่างใจกว้างหนึ่งแก้ว
นางมาอยู่ที่จวนโม่สองวันแล้ว คนเดียวที่ไม่ได้ทำตัวขวางหูขวางตานางก็คือเสิ่นอิงผู้นี้
บุรุษเหล่านั้นที่ถูกเสิ่นอิงไล่ให้ออกไปถึงกับมุมปากกระตุกวูบในทันที ถูกลากออกไปเป็นอาหารสุนัขอะไรกัน? พวกเขาทำอะไรนางไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สตรีผู้นี้ช่างแปลกประหลาด บนมือและเสื้อผ้าถูกโรยด้วยผงยา พวกเขาเพิ่งสัมผัสโดนเบา ๆ นิ้วมือก็ปวดแสบปวดร้อนไปหมด ราวกับถูกไฟไหม้อย่างไรอย่างนั้น คนที่ตกเป็นเบี้ยล่างคือพวกเขาต่างหากเล่า
เสิ่นอิงยิ้มแห้งหนึ่งเสียง เขาหันไปมองเหวินเทียนที่กำลังเกรี้ยวกราด ยกมือตบบ่าเขาพลางกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “อย่าได้โกรธเคืองเช่นนี้เลย เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างแน่ชัด ยังเร็วไปที่จะด่วนสรุปในตอนนี้”
“ยังต้องตรวจสอบอะไรอีก?” เหวินเทียนหน้าแดงก่ำ นิ้วมือของเขาถูกกำจนแน่น เขาหันมองเผิงอิงที่นอนอยู่ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ “อูตงบอกว่าเผิงอิงเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วยามแล้ว หากอวี้ชิงลั่วไม่นำยาถอนพิษออกมา อีกเพียงครู่เดียวเผิงอิงก็จะ…”
อูตง? ในเวลานี้เสิ่นเผยจึงหันไปมองสตรีที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา
อูตงถูกเขาจ้องมองจนรู้สึกเคือง นางพูดอย่างขุ่นเคือง “เสิ่นอิง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อข้า แต่ครั้งนี้ข้าพูดเรื่องจริง หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปเชิญหมอสักคนมาจากนอกจวนก็ได้ ให้เขาดูได้เลยว่าการวินิจฉัยของข้าผิดพลาดหรือไม่”
เหวินเทียนได้ยิน สีหน้าก็ยิ่งแย่ลง
อวี้ชิงลั่วกลับก้มหน้าหัวเราะ จอกชาที่อยู่ในมือถูกวางลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล นางช้อนสายตากล่าวว่า “อืม ไม่ผิด การวินิจฉัยของเจ้าแม่นยำมาก ควรพูดว่า หลังจากพวกเราวุ่นวายอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง ชีวิตของเขาก็เหลือไม่ถึงครึ่งชั่วยามแล้ว”
“รีบนำยาถอนพิษออกมา” เหวินเทียนสาวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว ทว่ากลับถูกเสิ่นอิงขวางไว้อย่างช่ำชอง
“เหวินเทียน เจ้าสงบสติอารมณ์หน่อย แม่นางอวี้ไม่ใช่คนที่วางยาพิษหรอก ไม่มีใครโง่พอที่จะวางยาพิษในจวนโม่ คนที่มีความมั่นคงเสมอมาอย่างเจ้า เหตุใดวันนี้ถึงได้กลายเป็นคนกระทำผิดที่ไม่รู้จักแยกแยะเหตุผลถึงเพียงนี้?”
อวี้ชิงลั่วมองเสิ่นอิงปราดหนึ่ง แสดงออกว่านางพึงพอใจต่อเขามาก
อูตงกลับขมวดคิ้วมุ่น นางขบฟันแน่นใส่เสิ่นอิง
เหวินเทียนเม้มปาก ผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่พูดอะไรออกมา
เสิ่นอิงเห็นว่าในห้องเงียบสงบลงแล้วจึงถอนหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนจะเดินตรงหน้าอวี้ชิงลั่วและถามเคล้ารอยยิ้มว่า “แม่นางอวี้ พิษของเผิงอิง…เจ้าสามารถถอนออกได้หรือไม่?”
“ถอนได้สิ” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา เมื่อเห็นสีหน้าเป็นมิตรของเสิ่นอิงที่มีต่อนาง นางจึงยอมพูดด้วยอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก
เย่ซิวตู๋ที่อยู่นอกประตูหรี่ตาลงเล็กน้อย ในที่สุดเส้นของมุมปากของเขาก็อ่อนโยนลง
เสิ่นอิงและเหวินเทียนดวงตาเป็นประกายในทันที ขณะต้องมองอวี้ชิงลั่วเป็นประกายอันแรงกล้า
ทว่าสีหน้าของอูตงกลับเปลี่ยนไปอย่างหนัก หัวใจของนางเริ่มเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ โดยเฉพาะตอนที่เห็นท่าทางของบุรุษสองคนข้าง ๆ ที่ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวนางผู้นั้น ภายในใจก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น จึงแค่นเสียงหัวเราะกล่าวว่า “เจ้าถอนพิษได้? เหอะ พวกเจ้าได้ยินแล้วนะ พิษนี้ นางเป็นคนวางจริง ๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นนางจะมียาถอนพิษได้อย่างไรกัน?”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองอูตงด้วยรอยยิ้มตาหยี ในที่สุดก็กลั้นใจไม่ไหวเริ่มได้ทีขี่แพะไล่แล้วสินะ? นางคิดว่าที่วันนี้อีกฝ่ายรักษาท่าทีเงียบขรึมได้นานขนาดนั้น ก็เป็นเพราะฉลาดขึ้นแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังไม่มากพอ
เสิ่นอิงเพิกเฉยคำพูดของอูตงอย่างสิ้นเชิง เขารีบก้าวเท้ามาด้านหน้า “แม่นางอวี้ ในเมื่อเจ้าสามารถถอนพิษได้ เช่นนั้นก็รบกวนช่วยถอนพิษให้เผิงอิงก่อนได้หรือไม่? เจ้าเองก็เป็นคนพูดเองว่า เขาเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามแล้ว”
“จะให้ข้าถอนพิษก็ย่อมได้ แต่ตอนนี้ข้าถูกคนอื่นครหาว่าเป็นผู้กระทำความผิด ข้ารู้สึกลำบากใจมาก ปวดใจมาก จุกอยู่ที่กลางอกด้วย ข้ารู้สึกสวรรค์ไม่ยุติธรรมกับข้าเลย รู้สึกว่ามีชีวิตก็ไร้ความหมาย ตายไปยังจะดีเสียกว่า ข้าไม่มีกะจิตกะใจถอนพิษให้เขาหรอก” อวี้ชิงลั่วยกมือขึ้นกุมอก ทำท่าทางเหมือนป่วยระยะสุดท้าย แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ยินดีที่จะลงมือ
“…” เสิ่นอิงมุมปากกระตุกวูบ “แม่นางอวี้ ข้าเชื่อเจ้า พิษนี้เจ้าไม่ได้เป็นคนทำ”
“เจ้าเชื่อแค่คนเดียวไม่มีประโยชน์หรอก”
เสิ่นอิงรีบดึงเหวินเทียน อีกฝ่ายขมวดคิ้ว แต่ก็เอ่ยปากพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่า “ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรสงสัยในตัวเจ้า”
“ไม่ต้องพูดอะไรที่ฝืนใจขนาดนั้นหรอก” อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเบา ๆ ทันใดนั้นก็หันไปมองอูตงด้วยความสนใจ
อูตงถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ก่อนจะแค่นเสียงยิ้มเยาะ “ข้าไม่เชื่อเจ้า พิษนี้นอกจากเจ้า ก็ไม่มีใครที่มีโอกาสวางยาพิษได้”
อวี้ชิงลั่วยิ้ม นางยักไหล่อย่างจนปัญญา “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่? ข้าเองก็จนปัญญา ในเมื่อเป็นเช่นนี้…” ไม่รอให้เสิ่นอิงเอ่ยปากพูดอะไร อวี้ชิงลั่วก็หน้าเปลี่ยนสี กลายเป็นจริงจังขึ้นมา “งั้นก็ตรวจสอบเรื่องของข้าให้ชัดเจนก่อนเถอะ”
“แม่นางอวี้ เวลา…”
อวี้ชิงลั่วฟังสิ่งที่เสิ่นอิงพูดแล้ว นางยกนิ้วชี้ไปยังสาวใช้ที่อยู่ดูแลเผิงอิง เอ่ยถามว่า “ท่านเผิงของพวกเจ้า ดื่มยาของข้าเข้าไปจึงทำให้เป็นเช่นนี้จริง ๆ ใช่หรือไม่?”
ครั้นนางพูดออกมา ทุกสายตาก็มองไปยังสาวใช้คนนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาดุดันถึงสี่ห้าคู่ สาวใช้ก็ถึงกับตกใจจนคุกเข่าลงบนพื้นจนเกิดเสียง ‘พรึบ’ ทันที นางพยักหน้าด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “เจ้าค่ะ”
“ยาล่ะ เจ้าเป็นคนต้มและเป็นคนป้อนให้เขา ข้าดูแค่นิดหน่อยเท่านั้น ตั้งแต่ต้นจนจบข้าก็ไม่ได้แตะถ้วยยาเลยด้วยซ้ำ ขอถามหน่อยว่าข้าวางยาเช่นไร?”
สาวใช้แอบสับสน นางรู้สึกไม่ดีขึ้นมาแล้ว “ข้าน้อย ข้าน้อยไม่…”
“ส่วนการเขียนเทียบยา ขอโทษด้วย ในนั้นเป็นยาบำรุงธรรมดา ๆ ไม่ใช่ยาที่มีฤทธิ์ตีกัน ข้าไม่มีทางออกใบเทียบยาที่ทำร้ายคนอื่น แน่นอน หากพวกเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปเชิญหมอจากข้างนอกมาดูได้เลย ว่ายาบำรุงของข้าพวกนั้นมีปัญหาอะไรหรือไม่”
สาวใช้ก้มหน้าหนักกว่าเดิม ร่างกายของนางสั่นรุนแรงขึ้น “ข้าน้อย ข้าน้อยไม่ทราบเจ้าค่ะ เพียงแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ คนที่สัมผัสท่านเผิงมีแค่ มีแค่คุณหนูอวี้และนายท่านไม่กี่คน นายท่านเหล่านี้ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อท่านเผิงมาก ดังนั้น ดังนั้น…บางที ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่ยาถ้วยนั้น แม่นางอวี้ก็ยังให้ท่านเผิงกินยาเม็ดเล็กอีกสองครั้งด้วย…”
เสิ่นอิงและเหวินเทียนขมวดคิ้ว พวกเขาหันไปสบตากันแต่กลับไม่พูดอะไร
อวี้ชิงลั่วกลับหัวเราะด้วยสีหน้าแข็งกร้าว “เจ้าตกใจได้สุดยอดมาก ร่างกายสั่นไปหมดแล้ว แต่การพูดการจาก็ยังคล่องแคล่วดีเยี่ยม ฉะฉานชัดเจนดี นี่ บอกข้าหน่อย ใครสอนเจ้าหรือ?”
“ไม่ ไม่มีใครสอนเจ้าค่ะ” สาวใช้ตกใจมาก ราวกับไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน นางจึงหันมองไปทางอูตงโดยไม่รู้ตัว
…………………………
สารจากผู้แปล
เป็นอูตงที่สั่งสาวใช้นางนี้ให้วางยาแน่ ๆ มีพิรุธดูออก
ไหหม่า (海馬)