ตอนพิเศษ 39 ซิวหวางเฟยมาสู่ขอ
ตอนพิเศษ 39 ซิวหวางเฟยมาสู่ขอ
เนี่ยนเนี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะมองดูเงามือของหลานสุ่ยหยวนเคลื่อนผ่านใบหน้าเยียนจือด้วยสายตาเย็นชา
แต่เมื่อฝ่ามืออยู่ห่างจากใบหน้าของเยียนจือไม่ถึงหนึ่งนิ้ว ทันใดนั้นนางก็พุ่งเข้าไปเร็วปานสายฟ้า เพื่อดึงตัวเยียนจือให้ถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง
ฝ่ามือของหลานสุ่ยหยวนโบกวืดกลางอากาศ และเนื่องจากออกแรงมากเกินไป ตัวนางจึงเซไปข้างหน้า
โชคดีที่สาวใช้ข้างกายนางว่องไวพอ จึงช่วยพยุงนางไว้ได้
หลานสุ่ยหยวนมีสีหน้าอับอาย นางผลักมือของสาวใช้ออก จากนั้นจ้องมองเยียนจือด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “เยียนจือ เจ้ามันเหิมเกริมนัก เจ้าเจอข้ากับน้องสามแล้ว ไม่เพียงไม่ทำความเคารพเท่านั้น แต่ยังกล้าพูดจาหยาบคายด้วย ข้าจะสั่งสอนเจ้า กล้าดีอย่างไรมาหลบเช่นนี้?”
เยียนจือชะงักไปครู่หนึ่ง นางไม่ได้จะหลบ ตอนที่นางเห็นว่าหลานสุ่ยหยวนกำลังจะตบ นางก็เตรียมใจรับฝ่ามือนั้นแล้ว
ไม่เช่นนั้นหากคุณหนูรองไม่พอใจ เรื่องก็อาจจะแย่ลงกว่าเดิม โดยเฉพาะวันนี้ที่นางพาแม่นางเนี่ยนเนี่ยนไปตรวจฮูหยิน ถ้าหลานสุ่ยหยวนทำให้เนี่ยนเนี่ยนมีปัญหาที่นี่ แล้วฮูหยินจะทำอย่างไร?
แต่ แต่ไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ แม่นางเนี่ยนเนี่ยนจะคว้าตัวนางไว้ได้เร็วถึงเพียงนี้…
เยียนจือหันหน้าไปมองเนี่ยนเนี่ยน สีหน้าของเนี่ยนเนี่ยนยังคงเหมือนเดิม น้ำเสียงของนางมั่นคงขณะพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ข้าเป็นพยานได้ว่าเมื่อครู่นี้เยียนจือไม่ได้หลบ แค่มีก้อนหินอยู่ใต้เท้าของนาง ทำให้นางบังเอิญสะดุดล้ม”
“…” เยียนจือรู้สึกว่าแม่นางเนี่ยนเนี่ยนโกหกตาใสได้เก่งมาก
“…” ใบหน้าของหลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนซีดเผือด นางคิดว่าพวกนางโง่เขลาหรือ?
“เจ้าชื่อเนี่ยนเนี่ยนใช่หรือไม่?” หลานสุ่ยเถียนถาม
เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้า “ใช่”
หลานสุ่ยเถียนเลิกคิ้วขึ้นแล้วเริ่มเยาะเย้ย “ข้าได้ยินมาว่าแม่นางเนี่ยนเนี่ยนเข้ามาในจวนหลานได้ เพราะอ้างตำแหน่งของจวิ้นจู่จิ่นซิ่วใช่หรือไม่?”
“ใช่” เนี่ยนเนี่ยนตอบตามตรง
สีหน้าเย้ยหยันของหลานสุ่ยเถียนยิ่งชัดเจนกว่าเดิม “แม่นางเนี่ยนเนี่ยนช่างยอดเยี่ยมนัก ประจบประแจงจวิ้นจู่จิ่นซิ่วจนได้ดีจนสามารถเข้าไปกินดื่มได้ทุกที่ แม้แต่ประตูจวนหลานของข้าก็ยังสามารถเข้าออกได้ตามใจ ช่างน่าทึ่งเสียจริง ทำเช่นนี้ได้ไม่ง่ายเลย จะว่าไปแล้วในเมื่อแม่นางเนี่ยนเนี่ยนประจบสอพลอเก่ง เหตุใดไม่หาทางถวายตัวเสียเลยเล่า บางทีด้วยรูปโฉมอันงดงามของแม่นางเนี่ยนเนี่ยน จวิ้นจู่จิ่นซิ่วอาจจะไปเข้าเฝ้าเพื่อเป่าหูฮ่องเต้ และให้เจ้าเข้าวังในฐานะนางสนมก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
เยียนจือโกรธจนเลือดขึ้นหน้า คุณหนูสามหมายความว่าอย่างไร? นางต้องการจะสื่อว่าแม่นางเนี่ยนเนี่ยนใช้ความงามเย้ายวนบุรุษอย่างนั้นหรือโนเวล-พีดีเอฟ
นางโมโหมากจนอยากจะเถียงกลับ แต่แม่นางเนี่ยนเนี่ยนก็คว้าข้อมือนางไว้
เมื่อเห็นดังนั้น หลานสุ่ยเถียนก็ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจมาก “เหตุใดแม่นางเนี่ยนเนี่ยนถึงไม่พูดเล่า? โอ้ ด้วยสถานะของแม่นางเนี่ยนเนี่ยน ที่บ้านก็คงจะไม่ได้สั่งสอนเรื่องมารยาท ที่สูงที่ต่ำ และความไร้ยางอายให้สินะ พูดไปก็คงเปล่าประโยชน์ แต่ในเมื่อแม่นางเนี่ยนเนี่ยนปีนขึ้นไปหาจวิ้นจู่จิ่นซิ่วได้ แล้วเหตุใดต้องมาจวนอันต่ำต้อยของข้าเพื่อเอาใจพี่สาวของข้าด้วย? ถ้าเจ้าต้องการผูกมิตรกับสตรีสูงศักดิ์ทุกคน ก็คงคิดผิดแล้วที่เลือกเข้าหาพี่ใหญ่ หากเจ้ามาประจบพวกเราแทนก็คงจะมีประโยชน์มากกว่า”
หลานสุ่ยหยวนพูดขึ้น “น้องสาม เจ้าอย่าพูดเช่นนั้นเลย นางมีสายตาสูงส่ง อย่างพวกเราจะไปอยู่ในสายตานางได้อย่างไร เจ้าอย่าไปทำให้นางขุ่นเคืองสิ ตอนนี้นางมีผู้สนับสนุนแล้ว บางทีนางอาจจะกลับไปฟ้องจวิ้นจู่จิ่นซิ่วก็ได้ โดยบอกว่าเราใจร้ายและไม่เป็นมิตรกับนาง แล้วพวกเราจะเดือดร้อน”
เนี่ยนเนี่ยนคิดว่ามันไร้สาระมาก มีคนจำนวนมากเกินไปในโลกนี้ ที่ตัดสินคนจากรูปร่างหน้าตา
แม้ว่านางจะแต่งตัวเหมือนสามัญชน แต่ชุดที่สวมอยู่ด้านในล้วนตัดเย็บจากวัสดุที่หายากและดีที่สุด เพียงแต่นางไม่มีโอกาสแสดงให้พวกนางเห็นเท่านั้น
แต่ว่า ฟ้องงั้นหรือ??
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่ฟ้องหรอก” ถ้านางเอาเรื่องนี้ไปฟ้องจวิ้นจู่จิ่นซิ่วจริง เห็นทีจิ่นซิ่วคงหัวร่องอหาย
เมื่อหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวได้ยินเช่นนั้น สายตาเย้ยหยันของพวกนางก็ยิ่งไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ “ต่อให้เจ้าไปฟ้องก็ไม่เป็นอะไร อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่มีผู้สนับสนุน เราสองพี่น้องก็มีเช่นกัน เมื่อวานซิวหวางเฟยเป็นมิตรกับพวกเรามาก นางมอบสิ่งของให้เรามากมาย จุ๊ๆ สิ่งของในตำหนักอ๋องซิวนั้นก็แค่…”
“…” เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกเหนื่อยใจ สิ่งของเหล่านั้นถูกคืนไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ? พวกนางมีอะไรให้ภูมิใจอีก?
เยียนจือไม่อาจทนฟังต่อไปได้ นางจึงกล่าวกับทั้งสองว่า “คุณหนูทั้งสอง ฮูหยินของเรากำลังรอแม่นางเนี่ยนเนี่ยนอยู่ จึงต้องขอลาไปก่อนเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน” หลานสุ่ยหยวนจ้องมองเยียนจือ “ข้าบอกให้เจ้าไปได้แล้วหรือ? เยียนจือ เมื่อครู่นี้เจ้าไม่ให้เกียรติข้า เจ้าคิดว่าจะหนีรอดไปเช่นนี้ได้งั้นหรือ?”
“ไม่เช่นนั้นน้องรองต้องการอะไร?” เสียงเย้ยหยันดังมาแต่ไกล
ทุกคนหันหน้าไปมอง และเห็นหลานสุ่ยชิงกำลังรีบเดินมาทางนี้ ขณะที่นางเข้ามาใกล้ นางก็มองเนี่ยนเนี่ยนด้วยความเป็นห่วง หลังจากแน่ใจว่าเนี่ยนเนี่ยนสบายดีแล้ว นางก็หันไปมองหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาว
“น้องรองและน้องสามกำลังจะออกไปข้างนอกหรือ? แต่ท่านย่าไม่ได้บอกให้พวกเจ้าอยู่แต่ในเรือนชั่วคราวหรอกหรือ? ข่าวลือข้างนอกยังไม่หยุด แต่น้องรองและน้องสามยังต้องการสร้างปัญหาให้จวนหลานเพิ่มอีกหรือ?”
“เจ้า…”
หลังจากหลานสุ่ยชิงพูดจบ นางก็หันไปหาเนี่ยนเนี่ยนและพูดว่า “เนี่ยนเนี่ยน โปรดมาทางนี้” นางไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับพวกนาง ตอนนี้จู่ ๆ แม่ของนางก็หน้าซีดเผือด แล้วกระอักเลือดออกมา นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หลานสุ่ยชิงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ในใจ นางไม่สนใจจะทำให้หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวขุ่นเคือง จึงหันหลังเดินจากมาพร้อมกับเนี่ยนเนี่ยนและเยียนจือ
หลานสุ่ยหยวนโมโห และโบกมือสั่งให้สาวใช้ไปขวางไว้ หมายจะสั่งสอนบทเรียนให้พวกนาง
แต่ทันทีที่นางโบกมือ หลานสุ่ยเถียนก็คว้านางไว้ “พี่รอง”
“เจ้าจับข้าไว้ทำไม?”
“พี่รอง ถ้าพวกนางอยากจะไปก็ปล่อยพวกนางไปเถิด หากเราขวางพวกนางไว้ ก็จะได้แค่โต้เถียงทางวาจา ซึ่งทำอะไรคนร้ายกาจอย่างพวกนางไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยหยวนเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้น “น้องสามมีแผนอะไรหรือ?”
“ฮึ่ม หลานสุ่ยชิงอยากมีเพื่อนไม่ใช่หรือ? มาดูกันว่าหลังจากวันนี้ไปนางจะยังมีเพื่อนอยู่อีกหรือไม่ พี่รอง ไปที่ครัวกันเถอะ”
ทั้งสองสบตากัน แล้วเดินบ่นพึมพำออกไปอย่างหงุดหงิด
เนี่ยนเนี่ยนเห็นหลานสุ่ยชิงกระวนกระวาย ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “หลานฮูหยินกระอักเลือดออกมาเต็มปากหรือไม่?”
หลานสุ่ยชิงตกตะลึง “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เป็นเรื่องปกติ เจ้าไม่ต้องกังวล นั่นคือเลือดเสีย นางคายมันออกมาก็ดีแล้ว”
หลานสุ่ยชิงได้ฟังเช่นนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินช้าลงมาก “เนี่ยนเนี่ยน ขอโทษนะ พวกนางไม่ได้ทำให้เจ้าลำบากใช่หรือไม่?”
เนี่ยนเนี่ยนยักไหล่ “พวกนางไม่ทำให้ข้าลำบากได้หรอก”
ขณะที่คุยกัน ทั้งสองก็เข้าไปในห้องของหลานฮูหยิน
สีหน้าของอู๋ซื่อค่อนข้างดีขึ้น เนี่ยนเนี่ยนจับชีพจรของนาง ก่อนจะสงบลงเล็กน้อยและเริ่มฝังเข็มครั้งที่สอง
เมื่อเทียบกับเมื่อวาน อู๋ซื่อรู้สึกเหนื่อยล้ากับการฝังเข็มครั้งนี้มาก ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงผล็อยหลับไป
หลานสุ่ยชิงและเนี่ยนเนี่ยนออกจากห้อง เมื่อเห็นว่าเริ่มสายแล้วจึงพาเนี่ยนเนี่ยนไปกินข้าว ครั้งนี้เนี่ยนเนี่ยนไม่ปฏิเสธ และไปที่เรือนของหลานสุ่ยชิง
เยียนจือมีความสุขมาก และรีบไปหยิบสำรับอาหารที่ห้องครัวมาวางบนโต๊ะ
คาดไม่ถึงว่าก่อนที่นางจะมีเวลาจัดชามและตะเกียบบนโต๊ะ แม่นมปู้ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล แล้วพูดอย่างกระวนกระวายว่า “คุณหนู คุณหนู คราวนี้ คราวนี้มีเรื่องเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ ซิวหวางเฟยจากตำหนักอ๋องซิวเสด็จมา บอกว่า บอกว่าจะมาสู่ขอเจ้าค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทานโทษนะ ที่ยืนอยู่นั่นน่ะจวิ้นจู่ตำหนักอ๋องซิวนะจ๊ะ พูดจาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงระวังจะถูกจัดการ
ยัยสุ่ยเถียนจะวางยาอะไรหรือเปล่านะ แล้วโบ้ยว่าเป็นความผิดของสุ่ยชิง
ไหหม่า(海馬)
————————————————————-