ตอนพิเศษ 65 ไม่ว่าใครก็มีดอกไม้ผลิบานในหัวใจ
ตอนพิเศษ 65 ไม่ว่าใครก็มีดอกไม้ผลิบานในหัวใจ
สาวรับใช้เม้มปากและยกยิ้ม นางถืออ่างน้ำไว้ข้างกาย แล้วพูดกับหลานสุ่ยชิงว่า “แม่นางหลาน พวกเราจะคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก หากท่านมีคำสั่งอะไรหรือซื่อจื่อตื่นแล้ว ก็เรียกบ่าวเข้ามาได้นะเจ้าคะ”
เมื่อหลานสุ่ยชิงเห็นว่าหนานหนานจับมือตนไว้ นางก็รู้สึกเขินอาย แล้วพูดพร้อมกับก้มหน้าเล็กน้อยว่า “ได้เลย”
สาวใช้ตรงเข้าไปจับมือเยียนจือด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แล้วพาเดินออกไปที่ประตูด้วยกัน “ไปกันเถอะ ออกไปคุยกันข้างนอก”
เยียนจือรู้สึกว่าคนตำหนักอ๋องซิวดูเหมือนจะมีปัญหา พวกนางไม่คิดบ้างหรือว่ามันจะ… เป็นการ… ผิดจารีต ชายหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน จับมือกันสองต่อสองในห้องเช่นนี้… ผิด… ผิดจารีตมากไม่ใช่หรือ?
เหตุใดพวกนางถึงทำราวกับเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ใส่ใจ? และให้พื้นที่พวกเขาอยู่กันสองต่อสอง?
เยียนจืออยากจะขัดขืน แต่นางก็เดินตามออกมาอย่างเชื่อฟัง
หลานสุ่ยชิงจ้องมองหนานหนานอีกครั้ง ฝ่ามืออันอบอุ่นวางบนหลังมือ
เมื่อมองเขาในระยะใกล้ นางก็รู้ว่าขนตาของเขางอนยาวมาก ริมฝีปากค่อนข้างบางปิดแน่นเมื่อเขาหลับใหล ใบหน้าของเขาเนียนนุ่มมาก ใช่ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะอธิบายว่ามันเนียนนุ่ม
ตั้งแต่ครั้งแรกที่นางพบเขา นางก็รู้สึกว่าเขาหน้าตาหล่อเหลา น่ารักที่สุดในบรรดาคนที่นางเคยพบเจอมา
ด้วยสถานะ ความสามารถ และรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ หลานสุ่ยชิงก็คิดว่าเขาเกือบจะสมบูรณ์แบบ
ยกเว้น… ขอบตาที่ดูดำคล้ำจางๆ
นางคิดว่าช่วงนี้เขาต้องนอนหลับไม่สนิทเป็นแน่ เขาต้องยุ่งมากแน่นอน ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่ได้มาหานางหลายวัน
เอาเถอะ นางยกโทษให้เขาสักหน่อยก็แล้วกัน
หลานสุ่ยชิงเม้มปาก เมื่อได้มองหน้าเขา นางก็อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
มองไปมองมา นางเองก็ทนความง่วงงุนไม่ไหว จึงล้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับไป
ภายในห้องเงียบสงัด แต่ในขณะเดียวกันที่ตำหนักอ๋องสาม เสียงแห่งความดีใจของหวางเฟยสามก็ดังขึ้น นางมองเย่หลานเวยตรงหน้านาง แล้วถามด้วยความตื่นเต้นว่า “เจ้ายอมตกลงว่าจะแต่งงานแล้วจริงหรือ?”
“อืม” ขณะที่ดอกไม้ผลิบานในหัวใจของหนานหนาน ส่วนเขากลับรู้สึกเหงาเล็กน้อย
มุมปากของจวิ้นจู่จิ่นซิ่วกระตุก วันนี้นางบังเอิญมาพบหวางเฟยสามกับแม่ของนางด้วย คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดประนีประนอมเช่นนี้จากเย่หลานเวย
ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น? ไม่ว่าใครต่างก็อดใจรอที่จะแต่งงานมีลูกไม่ไหวงั้นหรือ?
แต่หวางเฟยสามเกือบจะต้องสวดมนตร์ขอพรพระ เย่หลานเวยไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว นางจึงได้เริ่มจัดการเรื่องการแต่งงานให้กับเขาแล้ว แต่เขาบอกว่าในเมื่อฮ่องเต้ยังไม่ได้แต่งงาน เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวล แม้จะยังไม่ได้แต่งงานก็ตาม
อีกทั้งต่อมาเขาได้เข้าร่วมกองทัพ และใช้เวลาทั้งหมดร่วมกับเหล่าชายชาตรี นางจึงยิ่งกังวลมากกว่าเดิม กังวลว่าเขาอาจมีนิสัยชอบไม้ป่าเดียวกัน
โชคดีที่ในที่สุดตอนนี้เขาก็คิดได้ คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง
องค์หญิงหว่านเยียนที่อยู่ข้าง ๆ หัวเราะ ก่อนจับมือหวางเฟยสาม แล้วพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ในเมื่อตอนนี้หลานเวยตกลงแต่งงานแล้ว วันหลังเรามาจัดงานเลี้ยงกันเถอะเพคะ งานเลี้ยงครั้งล่าสุดที่ตำหนักอ๋องซิวจบลงแบบไม่สนุกเลย ข้าจึงนึกอยากจะจัดงานเลี้ยงด้วยตัวเองบ้าง ไม่เช่นนั้นท่านก็มาหาอีกครั้ง บังเอิญว่าจิ่นซิ่วในครอบครัวของข้าก็อายุเหมาะสมแล้ว คราวนี้จะได้ให้หลานเวยกับจิ่นซิ่วได้พบปะดูใจกัน”
“…”จวิ้นจู่จิ่นซิ่วมองมารดาของตนด้วยความสยดสยอง จากนั้นหันไปมองเย่หลานเวยที่เป็นตัวต้นเหตุด้วยความโกรธ และจ้องมองเขาอย่างโมโห
เย่หลานเวยแหงนหน้ามองท้องฟ้า ไม่ใช่เรื่องของเขา ถ้าจะโทษก็ต้องโทษหนานหนานที่จู่ ๆ ก็อยากแต่งงานขึ้นมาเอง มันเป็นความผิดของเขา
เมื่อหนานหนานตื่นขึ้น ท้องฟ้าก็ค่อนข้างจะมืดลงแล้ว เขาหันไปเห็นหลานสุ่ยชิงยืนหันหลังให้เขา ขณะพูดคุยกับคนที่อยู่ตรงประตู
เมื่อได้ยินเสียงขยับตัว นางก็หันมามองทันที ก่อนจะเดินมาอยู่ที่ขอบเตียง ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า “หมอบอกว่าได้เวลากินยาแล้ว ข้าแค่อยากจะปลุกเจ้า แต่เจ้าตื่นพอดี กินยาก่อนเถิด”
พูดจบก็วางถาดในมือลงบนเก้าอี้เตี้ย
หนานหนานหันไปมองชามยาสีดำด้วยคิ้วขมวด
ท่านหมอจางกำลังแก้แค้นเขาด้วยการทำยาต้มให้เขาจริง ๆ แม้จะรู้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาไม่ได้ร้ายแรง และเขาก็มียาเองอยู่แล้ว
ยาดำชามนี้ดูขมมาก
แต่เมื่อมองหน้าหลานสุ่ยชิง หนานหนานกัดฟันลุกขึ้นจากเตียงด้วยความยากลำบาก แล้วดื่มยาหมดชามเงียบ ๆ
“เจ้าพักผ่อนให้เพียงพอเถิด เมื่อหวางเฟยกลับมา ค่อยให้นางตรวจดูอาการบาดเจ็บของเจ้า ข้าจะกลับก่อน”
หนานหนานขมวดคิ้ว กลับหรือ?
แต่ท้องฟ้าข้างนอกมืดลงแล้วจริง ๆ และเขาไม่มีเหตุผลที่จะรั้งนางไว้
เขาเม้มปากแต่ยังคงทำท่าทางอ่อนแรง ก่อนจะเอียงคอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “เช่นนั้นก็เจอกันพรุ่งนี้นะ”
หลานสุ่ยชิงนิ่งเงียบ หนานหนานกระแอมสองครั้งทันที
“ได้ ข้าจะกลับมาพรุ่งนี้” หลานสุ่ยชิงถอนหายใจ จากนั้นห่มผ้าให้เขา แล้วหันหลังเดินจากไป
ระหว่างทางกลับ เยียนจือก็ลังเลที่จะพูด
นางอยากถามหลายครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณหนูกับหนานซื่อจื่อในห้องตำรา? หนานซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?
เฮ้อ ได้รับบาดเจ็บก็หมายความว่าสุขภาพของหนานซื่อจื่อไม่ดีใช่หรือไม่? หากคุณหนูแต่งงานกับหนานซื่อจื่อ ก็ถือเป็นเรื่องไม่ดีไม่ใช่หรือ?
จิตใจของเยียนจือสับสนเล็กน้อย ทันใดนั้นหลานสุ่ยชิงก็บอกกับคนขับรถม้าว่า “จอดก่อน”
เยียนจือชะงัก “มีอะไรหรือเจ้าคะคุณหนู?”
“ข้าจะไปดูประกาศตรงนั้น”
หลานสุ่ยชิงยังจำได้ว่าระหว่างทางไปตำหนักอ๋องซิว เยียนจือได้พูดถึงประกาศที่มีชื่อของผู้อาวุโสสกุลอู๋ ซึ่งทำให้นางกังวลมาก
ทว่าเมื่อหลานสุ่ยชิงไปถึงกระดานข่าว กลับไม่พบอะไรเลย
นางขมวดคิ้ว รู้สึกว่าใจหายไปชั่วขณะ
เยียนจือรีบปลอบโยน “คุณหนู หากเมื่อเช้านี้ข้าอ่านไม่ผิด เมื่อเรื่องของท่านผู้อาวุโสชัดเจน ข่าวจะไปถึงจวนหลานแน่นอนเจ้าค่ะ”
“อืม” หลานสุ่ยชิงพยักหน้า “กลับกันเถอะ”
ทั้งสองเข้าไปในรถม้าอีกครั้ง แล้วรถม้าก็แล่นไปทางจวนหลานอีกครั้ง
ทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในจวน ไท่ฮูหยินก็เรียกพวกนางไปที่เรือนโยวหราน
วันนี้ไท่ฮูหยินกังวลเรื่องที่นางไปตำหนักอ๋องซิวมาก แม้ว่าช่วงนี้เหล่าหวางเฟยและฮูหยินหลายคนจะมาที่จวนหลาน แต่จากการคิดดูแล้ว รองเจ้ากรมหลานยังไม่ได้พบซิวหวางเฟย ซึ่งแสดงว่าซิวหวางเฟยยังคงมีความขุ่นเคืองใจอยู่
หากซิวหวางเฟยไม่ยอมหายโกรธ การแต่งงานระหว่างหนานซื่อจื่อและหลานสุ่ยชิงก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังสามารถส่งพวกเขาลงนรกได้ภายในประโยคเดียว
แต่หลานสุ่ยชิงส่ายหน้าด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า “วันนี้ซิวหวางเฟยไม่อยู่เจ้าค่ะ ข้าไปที่จวนแล้ว แต่ไม่ได้พบนางเลยเจ้าค่ะ”
สีหน้าของไท่ฮูหยินดูผิดหวัง ดูเหมือนนางจะนึกอะไรออก จึงถามอีกครั้งว่า “แล้วเจ้า… เจ้าได้เจอหนานซื่อจื่อคนนั้นหรือไม่?”
เมื่อพูดถึงหนานหนาน หลานสุ่ยชิงก็ทำหน้าไม่ค่อยถูกนัก เดิมทีนางรู้สึกเป็นทุกข์แทนเขาเพราะเขาบาดเจ็บ แต่เมื่อนึกได้ว่าคนถามคือไท่ฮูหยิน และนึกถึงกลอุบายของเขาขึ้นมา นางก็อารมณ์เสียทันที
ใบหน้าของนางมืดมนลง ก่อนจะตอบว่า “เจอเจ้าค่ะ ท่านย่า ข้าเหนื่อยนิดหน่อย ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะไปตำหนักอ๋องซิว”
เมื่อไท่ฮูหยินได้ยินดังนั้น นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที แล้วบอกให้เยียนจือพานางไปพักผ่อน
แต่เมื่อหลานสุ่ยชิงกลับไปที่เรือนสุ่ยสี แม่นมหูก็มาหา นางมองด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพูดว่า “คุณหนู ฮูหยินเรียกหาเจ้าค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เห็นหนานหนานมีความรักแล้วมันเหงาใจใช่ไหมล่ะเวยซื่อจื่อ แต่นึกไม่ออกเลยว่าจะคู่กับจวิ้นจู่จิ่นซิ่วได้ยังไง หรือว่าสมัยนั้นแต่งงานในเครือญาติได้?
ไหหม่า(海馬)