อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 176 โบยด้วยไม้จนตาย

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 176 โบยด้วยไม้จนตาย

ฮ่องเต้ไม่สนใจที่จะกลับไปพักผ่อนแล้ว พระองค์สะบัดแขนเสื้อและกลับมาประทับตามเดิม

ก่อนตรัสเสียงสูงว่า “พาตัวเข้ามา”

“พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของผู้บัญชาการเว่ยดังขึ้นด้วยความเคารพนอบน้อม ครั้นเหมี่ยวเชียนชิวเปิดประตู เขาก็พบว่ามีเงาของคนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางหวาดกลัว จึงกดตัวคนคนนั้นให้คุกเข่าลงบนพื้น

“ฝ่าบาท บุคคลผู้นี้ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ด้านหน้าประตูตำหนักอี๋ซิ่ง บนตัวยังมีมีดสั้นและยาพิษแอบซ่อนอยู่ กระหม่อมเห็นว่าเขาทำตัวมีพิรุธ จึงรีบสั่งให้คนจับตัวไว้ คิดไม่ถึงว่าบ่าวผู้นี้ไม่เพียงแต่จะขัดขืนอย่างรุนแรง แต่ยังใช้กริชทำร้ายร่างกายทหารองครักษ์ด้วย ทั้งยังเตรียมตัวที่จะหนีด้วย แต่ถูกกระหม่อมจับตัวไว้ได้ทัน”

ครั้นฮ่องเต้เห็นว่าคนคนนี้ไม่ใช่หนานหนานและเย่หลานเฉิง จึงโล่งอกอย่างห้ามไม่อยู่ ครั้นได้ยินสิ่งที่ผู้บัญชาการเว่ยเล่า สีพระพักตร์พลันเคร่งขรึม “เจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรถึงได้ทำร้ายผู้อื่นภายในตำหนักอี๋ซิ่ง”

“ฝ่า…ฝ่าบาท บ่าวเปล่า บ่าวเปล่าพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีผู้นั้นถูกมัดแขนไว้ ร่างกายของเขาถูกผู้บัญชาการเว่ยกดไว้จนขยับตัวไม่ได้ อธิบายด้วยน้ำเสียงราวกับไม่ได้รับความยุติธรรม “บ่าวแค่เดินผ่านตำหนักอี๋ซิ่งเท่านั้น เมื่อครู่ตอนที่ได้ยินคนตะโกนว่ามีนักฆ่า บ่าวจึงตกใจ เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามาจับตัว บ่าว…บ่าวจึงตื่นตระหนกจนเผลอทำร้ายทหารองครักษ์ ฝ่าบาท…บ่าวไม่ใช่นักฆ่าจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

เหมียวเชียนชิวชะงัก เขารู้สึกได้ว่าเสียงของคนคนนี้แอบคุ้นหู แม้จะยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคิดไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ใดมาก่อน

“ไม่ใช่? เช่นนั้นเจ้าจะอธิบายเกี่ยวกับมีดสั้นและยาพิษที่อยู่บนตัวเจ้าอย่างไร?” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น ยกพระบาทขึ้นมาเตะคนคนนั้นจนหงายหลัง

ขันทีผู้นั้นหลังกระแทกพื้นอย่างรุนแรง จึงเผยให้เห็นหน้าตาของเขา

เหมียวเชียนชิวเหลือบมองก็ถึงกับตกใจในทันที รีบเข้าไปกระซิบข้างหูของฮ่องเต้ “ฝ่าบาท นี่คือเคอกงกงคนที่คอยดูแลเฉิงซื่อจื่อภายในเรือนก่อนหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ”

เคอกงกง? ฮ่องเต้ถึงกับขมวดคิ้ว สีหน้าดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น

“ดูเหมือนว่าเจ้าคงมีเจตนาไม่ดีจริง ๆ สินะ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ดูแลหลานเฉิงก็คิดไม่ดี ตอนนี้มาปรากฏตัวที่ตำหนักอี๋ซิ่งทั้งยังพกยาพิษและมีดสั้นติดตัว เราว่าเจ้าคงเบื่อกับการมีชีวิตแล้วจริง ๆ ผู้บัญชาการเว่ย จับตัวไป โบยด้วยไม้จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้บัญชาการเว่ยยกตัวเคอกงกงที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมา

ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ เคอกงกงก็มิรู้ว่าไปเอาแรงมาจากที่ใด ตอนที่ลุกขึ้นก็กระแทกเข้ากับตัวของผู้บัญชาการเว่ยเพื่อผลักให้ออกไป จากนั้นจึงคุกเข่า ‘ตุบ’ ลงตรงหน้าเหมิงกุ้ยเฟย ร้องไห้สะอึกสะอื้นกล่าวว่า “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงช่วยบ่าวด้วย กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงช่วยบ่าวด้วย บ่าวยังไม่อยากตาย เหนียงเหนียง บ่าวทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อช่วยเหนียงเหนียงอย่างสุดความสามารถ ช่วยบ่าวด้วยเถิดขอรับ”

เหมิงกุ้ยเฟยถึงกับชะงักไปในทันที เดิมทีนางแค่อยากยืนดูอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาเย็นชา คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ บ่าวคนนี้จะพุ่งตัวมาตรงหน้า นางจึงถอยหลังออกไปสองก้าวด้วยความตกตะลึง

ทว่าวินาทีต่อมา เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกที่แสนจะโดดเดี่ยวเช่นนี้ของเขา โทสะพลันปะทุขึ้นพร้อมกับตวาดด้วยใบหน้ามืดหม่น “พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า? เราไม่รู้จักเจ้า เราให้เจ้ามาช่วยเหลือทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจตั้งแต่เมื่อใดกัน? บนตัวของเจ้ามีมีดสั้นและยาพิษขณะปรากฏตัวขึ้นภายในตำหนักอี๋ซิ่งของเรา เราไม่สืบสาวเอาผิดเจ้าก็นับว่าเมตตาที่สุดแล้ว เจ้ายังกล้าพูดจาไม่รู้จักกาลเทศะอีก”

“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง เหตุใดกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงถึงได้พูดเช่นนี้? บ่าวแอบคอยช่วยเหลือท่านมากมายขนาดนั้น ไม่ได้รับสิ่งตอบแทนแต่ยังต้องทำงานอย่างยากลำบาก บ่าวซื่อสัตย์ต่อท่านมาหลายปี ช่วยไว้ชีวิตบ่าวสักครั้งเถิด” เคอกงกงหมอบลงที่ข้างเท้าของนาง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาหนักแน่นและชัดเจน

ฮ่องเต้แอบขมวดดิ้วเล็กน้อย ทอดพระเนตรไปยังเหมิงกุ้ยเฟยด้วยความสงสัย

ผู้บัญชาการเว่ยถึงกับตกตะลึง รีบเอ่ยขอโทษในทันที “กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมจะลากตัวเขาออกไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ครั้นกล่าวจบก็ก้าวเท้ามาด้านหน้า กดตัวเคอกงกงและลากออกไป

เคอกงกงกลับยังตะโกนขอร้องไม่จบสิ้น ออกแรงโขกศีรษะลงบนพื้น ใช้เท้าเกี่ยวเข้ากับเสาที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ยอมไปอย่างสุดชีวิต “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ท่านอย่าได้โหดร้ายกับบ่าวเช่นนี้สิขอรับ มีดสั้นนี้ก็เป็นสิ่งที่ท่านให้บ่าวไว้มิใช่หรือ? ยาพิษนี้ก็เป็นสิ่งที่ท่านให้มา ท่านเกลียดฮองเฮาที่ต่อต้านท่าน จึงสั่งให้บ่าววางยาพิษลงไปในอาหารของเฉิงซื่อจื่อ บ่าวรู้ดีว่าบ่าวทำพลาด ทำให้ฮ่องเต้เกิดความสงสัย เรื่องนี้บ่าวเองก็ผิด ท่านบอกว่าฮ่องเต้เริ่มตรวจสอบเรื่องการวางยาพิษใส่เฉิงซื่อจื่อแล้ว เพื่อไม่ให้ฮ่องเต้สาวมาถึงตัวเหนียงเหนียง จึงวางยาพิษใส่องค์ชายเจ็ด เช่นนี้ก็ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของฮ่องเต้ได้แล้ว เหนียงเหนียง เรื่องเหล่านี้มิใช่สิ่งที่ท่านสั่งให้บ่าวทำหรอกหรือ?”

ผู้บัญชาการเว่ยถึงกับเหงื่อตก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าบ่าวผู้นี้จะมีพลังมากขนาดนี้ ทั้งยังตะโกนเสียงดังเช่นนี้ ตั้งใจทำให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน ภายในใจจึงเกิดความร้อนใจ จนต้องรีบปิดปากคนคนนี้ ทั้งยังออกแรงลากเขาออกจากประตู

เหมิงกุ้ยเฟยโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ครั้นเห็นท่าทางนิ่งขรึมของฮ่องเต้ จึงรีบคุกเข่าลงบนพื้น ในเวลาเดียวกันนัยน์ตาของนางยังเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อออกมา “ฝ่าบาท หม่อมฉันเปล่านะเพคะ บ่าวคนนั้นใส่ร้ายหม่อมฉัน ฮ่าวถิงคือลูกชายของหม่อมฉัน จะมีมารดาคนใดที่วางยาพิษใส่ลูกชายของตนเอง? ฝ่าบาท ต่อให้หม่อมฉันโหดร้ายกว่านี้ ก็ไม่มีทางทำให้ลูกชายของตนเองต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงเช่นนี้”

ฮ่องเต้เม้มปาก ก่อนจะยื่นพระหัตถ์ประคองให้นางลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ เราจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าได้อย่างไร? เราไม่ฟังความข้างเดียวของบ่าวผู้นั้นหรอก ลุกขึ้นเถิด”

เพียงแต่ว่า แม้เขาจะตรัสเช่นนี้ ทว่าน้ำเสียงกลับดูเย็นชากว่าก่อนหน้านี้มาก

คำพูดของบ่าวผู้นั้นมีช่องโหว่ทุกจุดจริง ๆ ทั้งยังทิ้งร่องรอยของการใส่ร้ายชัดเจนเกินไป ทว่าในคำพูดนี้กลับทำให้รู้สึกน่าคิด

บุตรชาย? ใช่ ฮ่าวถิงคือบุตรชายของเหมิงกุ้ยเฟย แล้วซิวเอ๋อร์มิใช่บุตรชายของนางหรือ? ทว่าเหมิงกุ้ยเฟยกลับทำตัวเย็นชาใส่ซิวเอ๋อร์มาก

อีกอย่าง เรื่องนักฆ่าที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ท้ายที่สุดก็จบลง ราวกับว่าในวังแห่งนี้ไม่เคยมีนักฆ่าบุกเข้ามาที่นี่มาก่อน ราวกับทั้งหมดนี้เป็นแผนของกุ้ยเฟยก็มิปาน

เหมิงกุ้ยเฟยรู้สึกโกรธมาก นางทราบดีว่าตนเองถูกคนอื่นลอบกัดโดยไม่ทันได้ตั้งหลัก มีคนฉวยโอกาสวางยาพิษใส่องค์ชายเจ็ด ใช้โอกาสตอนที่นางไม่มีกะจิตกะใจจะคิดถึงเรื่องอื่น ใช้โอกาสนี้เพื่อตบหน้านางแรง ๆ

เยี่ยมมาก สตรีภายในวังแห่งนี้ เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อก่อการร้ายอีกครั้งแล้ว

เพียงไม่นานเคอกงกงก็ถูกคนปิดปากลากตัวออกไปทุบตีด้วยไม้ ทว่าคำพูดที่เขาตะโกนออกมาเมื่อครู่ คนที่อยู่ด้านนอกกลับได้ยินไปไม่น้อยแล้ว

แน่นอนว่า รวมถึงหนานหนานและเย่หลานเฉิงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้บันไดด้วย

ถึงอย่างไรเคอกงกงก็คอยดูแลเย่หลานเฉิงมานาน ตลอดระยะเวลาสองปีมานี้ เขาต้องอยู่ในเรือนหลังเล็กแห่งนั้นเพียงลำพัง ก็มีแค่เคอกงกงที่พูดคุยกับเขาเป็นครั้งคราว

ตอนนี้ได้รับการยืนยันจริง ๆ แล้วว่าอีกฝ่ายคือคนร้ายที่วางยาพิษให้ตนเอง ภายในใจของเย่หลานเฉิงจึงเกิดความเศร้าใจ

“เสี่ยวเฉิงเฉิง อย่าได้เศร้าใจไปเลย เจ้าไม่ต้องห่วง หลังจากนี้ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี” หนานหนานตบบ่าอีกฝ่ายพลางกระซิบปลอบใจ ท้ายที่สุดก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา “แต่เคอกงกงคนนี้ก็จริง ๆ เลย ท้ายที่สุดก็คิดจะใส่ร้ายป้ายสีเหมิงกุ้ยเฟยอะไรนั่น”

“ใส่ร้ายป้ายสี?” เย่หลานเฉิงชะงัก

หนานหนานเหลือบมองเขา “อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าเขาพูดเรื่องจริง? คนที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายของตนเอง มีใครบ้างที่จะขายเจ้านายของตนเองก่อนตาย? เหตุผลง่าย ๆ แค่นี้เจ้าก็ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?”

เย่หลานเฉิงมุมปากกระตุกวูบ จริงด้วย ความคิดของเขาช่างซับซ้อนเสียเหลือเกิน

“เอาล่ะ อย่าไปสนใจเคอกงกงคนนั้นเลย ตอนนี้เราใช้โอกาสตอนที่ทุกคนไม่สนใจที่นี่ รีบไปหาองค์ชายเจ็ดอะไรนั่นกันเถอะ เริ่มจาก…ไปหาห้องทางฝั่งซ้ายก็แล้วกัน”

………………………………………………………………………………………………………………………… สารจากผู้แปล

นังกุ้ยเฟยโป๊ะแล้วหนึ่งยก โดนสมุนขายความลับต่อหน้าพระพักตร์แล้ว

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท