ตอนที่ 200 นั่นคือท่านแม่ของข้านี่
อวี้ชิงลั่วสวมชุดสีขาวสว่างสะดุดตาอย่างมากใบหน้าที่ปกคลุมด้วยผ้าสีขาวยิ่งทำให้นางดูเย็นชาและเย่อหยิ่งสุดพรรณนา
นางยืนอยู่บนแท่นด้วยท่าทางมั่นคง มองลงไปยังหมอเสิ่นที่กำลังก้าวเท้าขึ้นเหยียบบันไดด้วยใบหน้างงงวย ริมฝีปากเผยอขึ้นเบา ๆ “ท่านหมอเสิ่น ต้องขออภัยที่ทำให้รอนาน”
“เจ้า…เจ้า…เจ้าเป็นใคร?” หมอเสิ่นถึงกับตกใจ ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวด้วยความตกตะลึง ก่อนจะสำรวจสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด
เย่ซิวตู๋ผละมือที่โอบรอบเอวของอวี้ชิงลั่ว ใบหน้าดูเย็นชาขณะยิ้มเยาะ “หมอเสิ่นอยากประลองมิใช่หรือ? ในเมื่อแม่นางชิงมาถึงแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มเถิด ถึงเวลาพอดี”
“แม่นางชิง? นางคือแม่นางชิงหรือ?” หมอเสิ่นถึงกับประหลาดใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน แม้ว่าคนคนนี้จะปิดบังใบหน้าด้วยผ้าทำให้มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน ทว่าฟังจากน้ำเสียงแล้ว ย่อมเป็นสตรีที่มีความอ่อนเยาว์อย่างมาก สตรีเช่นนี้เหมาะสมที่จประลองทักษะทางการแพทย์กับเขาหรือ?
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว “ถูกต้อง ข้าคือแม่นางชิง ทำไมหรือ หมอเสิ่นเห็นข้ามาที่นี่ รู้สึกเหนือความคาดหมายใช่หรือไม่?”
หลังส่งนักฆ่าไปฆ่านางและรออยู่ที่นี่นานขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นนางปรากฏตัว ก็คิดว่าคงเกิดเรื่องบางเรื่องเช่นนั้นแน่นอนแล้ว คิดไม่ถึงเลย…ว่าจะล้มเหลวเพราะขาดความพยายามครั้งสุดท้ายเสียได้ ทั้งยังปล่อยให้นางมาถึงที่นี่อีก
หมอเสิ่นแอบรู้สึกผิด เท้าของเขาถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เกร็งลำคอพลางแค่นเสียงยิ้มเยาะ “เหนือความคาดหมาย? เหอะ มีอะไรให้เหนือความคาดหมาย ข้าคงเหนือความคาดหมายหากเจ้าไม่ปรากฏตัวออกมา เหอะ เหอะ ๆ”
เย่ซิวตู๋ยิ้มเยาะ มองอีกฝ่ายด้วยท่าทางดูหมิ่นอย่างมาก เขากระโดดลงมาจากบันได เรื่องต่อจากนี้คงต้องมอบหมายให้อวี้ชิงลั่วทั้งหมดแล้ว
จากนั้นจึงเดินไปยังสถานที่สำหรับรับชมที่เหมาะสมที่สุดบริเวณตรงกลางซึ่งเถ้าแก่ได้เตรียมไว้ให้เขาแล้ว ก่อนจะนั่งลงด้วยท่าทางน่าเกรงขาม โดยมีโม่เสียนและเหวินเทียนเฝ้าดูแลอยู่ข้าง ๆ ไม่มีใครปริปากพูดแม้แต่คำเดียว
เป็นเพราะการปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันของทั้งคู่ โรงเตี๊ยมที่มีเสียงโหวกเหวกเมื่อครู่จึงหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด เงียบสงัดไร้สิ้นเสียง
เมื่อเห็นเขานั่งลง แต่ละคนก็ดูราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน ภายในโรงเตี๊ยมราวกับหม้อระเบิดจนเกิดความโกลาหลกันยกใหญ่
“มาแล้ว ๆ ท่านอ๋องซิวกับแม่นางชิงมาแล้ว นี่ก็คงถึงเวลาเริ่มประลองกันแล้ว”
“นั่นสิ โชคดีนะที่พวกเราไม่ได้รอเก้อ ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านอ๋องซิวต้องปรากฏตัว การประลองครั้งนี้กำลังจะเริ่มแล้ว”
“ตื่นเต้น ตื่นเต้นจริง ๆ รีบขยับออกไปหน่อย อย่าเบียดเข้ามาสิ ข้าล่ะอยากรู้เสียเหลือเกินว่าใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมของแม่นางอวี้เป็นเช่นไรกันแน่”
“ช่างแปลกนัก เหตุใดใต้เท้าอวี๋ถึงยังไม่มาอีก?”
คำพูดประโยคสุดท้ายล่องลอยอย่างแผ่วเบา มีคนกล่าวถึงหนึ่งประโยค ทว่าเพียงไม่นานก็ไม่ได้อยู่ในบทสนทนาอีกต่อไป และไม่มีใครคิดจะสนใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือท่านอ๋องซิวและแม่นางชิงปรากฏตัวแล้ว ส่วนใต้เท้าอวี๋คนนั้นไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับพวกเขาทั้งคู่ จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่สำคัญอะไร
หลีจื่อฟานได้ยินเสียงหึ่ง ๆ ดังข้างหู แก้วน้ำชาในมือถูกเขากำไว้จนแน่น คิ้วพลันขมวดเข้าหากันจนกลายเป็นปม
เมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นเย่ซิวตู๋โอบกอดอวี้ชิงลั่วโรยตัวลงมาจากฟ้า เขารู้สึกราวกับว่าทั้งคู่เป็นคู่สร้างคู่สมที่ปรากฏตัวออกมา เงาหนึ่งดำเงาหนึ่งขาว หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี เป็นการผสมผสานที่ลงตัวไร้ที่ติ ทำให้เขารู้สึกหัวใจบีบรัด เป็นความรู้สึกอึมครึมที่โจมตีเข้าใส่จนมิอาจพูดออกมาได้ โจมตีจนเขาไม่ทันได้ตั้งหลักจนเกือบจะยืนอยู่บนขาไม่ไหว
ภายในใจของหลีจื่อฟานรู้สึกย่ำแย่อย่างมาก ยามนึกถึงภาพเย่ซิวตู๋โอบเอวของอวี้ชิงลั่วอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อครู่ สายตาที่มองเย่ซิวตู๋ในเวลานี้จึงเต็มไปด้วยความซับซ้อน
อาจเป็นเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาไม่ปกติของเขา เย่ซิวตู๋จึงหันกลับมาเล็กน้อย สบตาเข้ากับหลีจื่อฟาน พยักหน้าให้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ตอนที่เขาหันหน้ากลับมา มุมปากกลับกระตุกขึ้นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่ เยี่ยมมาก ไม่เสียแรงที่เขาตัดสินใจโอบกอดนางโรยตัวเข้ามาโดยไม่สนใจคำคัดค้านของอวี้ชิงลั่ว ผลลัพธ์นี้ดูเหมือนจะไม่เลวเลย หลีจื่อฟาน…ดูเหมือนว่าจะได้รับการโจมตีเข้าแล้ว
โม่เสียนและเหวินเทียนหันสบตากัน พวกเขารู้สึกดูหมิ่นกับความคิดเล็ก ๆ นั้นของนายท่านเป็นอย่างมาก
หน้าต่างห้องส่วนตัวทั้งหมดบนชั้นสองถูกเปิดออกแล้ว เมื่อได้ยินว่าแม่นางชิงผู้นั้นมีความกล้าหาญในการแสดงตัวออกมา แต่ละคนต่างก็พากันฉงนสงสัย ทั้งยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจสตรีผู้นั้นที่รับคำท้าจากหมอปีศาจ
หนานหนานก็เกาะอยู่ข้าง ๆ หน้าต่างเช่นกัน ข้างกายของเขามีเย่ฮ่าวหรานที่คอยดึงเสื้อหนานหนานไว้เพื่อห้ามไม่ให้อีกฝ่ายตกลงไป
นับตั้งแต่เด็กน้อยคนนี้เห็นเย่ซิวตู๋ปรากฏตัว ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างอย่างห้ามไม่อยู่ รูปแบบการปรากฏตัวของท่านพ่อช่างหล่อเหลาสุด ๆ หล่อเหลาสุด ๆ ไปเลย เสียใจจริง เหตุใดเมื่อครู่เขาถึงนึกถึงการปรากฏตัวที่ดูทรงพลังเช่นนี้ไม่ออกกันเล่า? ไร้ปัญญา ไร้ปัญญาเกินไปแล้ว
หนานหนานหงุดหงิด ภายหลังดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาจึงเต็มไปด้วยแผนการ เสมองไปทางเย่ฮ่าวหราน
เย่ฮ่าวหรานถึงกับตกใจ ตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ของหนานหนาน เขาจึงรีบเบือนสายตาไปทางอื่น ทว่าหัวใจกลับเต้น ‘ตึกตัก’ รัวแรง การปรากฏตัวของพี่ห้าดูน่าตื่นเต้นจริง ๆ ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่านั้นก็คือ สตรีผู้นั้นที่มีผ้าปิดบังใบหน้าและถูกพี่ห้าโอบกอดลอยมายืนอยู่บนแท่น ดูคล้าย…ดูเหมือน…ราวกับ…ดูคุ้น ๆ แฮะ
ไม่ถูกสิ นิสัยของพี่ห้าคนนี้เขาย่อมรู้จักเป็นอย่างดี เท่าที่เขารู้ พี่ห้ารักอวี้ชิงลั่วจริง ๆ ดังนั้นเขาไม่มีทางโอบกอดสตรีนางอื่นท่ามกลางที่สาธารณะเด็ดขาด ดังนั้นคนที่เขารู้สึกคุ้นตาอย่างมากผู้นั้น อาจเป็น…ไม่สิ…ต้องเป็น…ต้องเป็นอวี้ชิงลั่วอย่างแน่นอน
สวรรค์ แม่นางชิงที่จะประลองกับคนแซ่เสิ่นปรากฏว่าเป็นอวี้ชิงลั่ว คนที่อวี๋จั้วหลินแนะนำคนนั้นปรากฏว่าเป็นอวี้ชิงลั่ว หรือว่า…ไอ้เศษสวะนั่นจะไม่รู้ว่าแม่นางชิงผู้นี้เคยเป็น…ฮูหยินของเขา?
เย่ฮ่าวหรานถึงกับกุมขมับ เขารู้สึกว่าตนได้รับข้อมูลมามากเกินไปแล้ว เขารู้แค่ว่าอวี้ชิงลั่วมีทักษะทางการแพทย์เล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าไม่รู้เลยว่าทักษะทางการแพทย์ของนางจะดีถึงขั้นท้าทายท่านหมอเสิ่นได้
มิน่าเล่า มิน่าเล่าพี่ห้าถึงได้ดูนิ่งสงบเช่นนี้ ทั้งยังกล้าสัญญาต่อหน้าทุกคนว่าหากแพ้จะยอมกล่าวขอโทษด้วย
จุ๊ ๆ มีพี่ห้าอยู่ วันนี้อวี้ชิงลั่วคงแพ้ไม่ได้แล้ว
“เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้ารู้สึกหรือไม่…แผ่นหลังของแม่นางคนนั้นดูคุ้น ๆ นะ” หนานหนานเอียงศีรษะแขวนร่างของตนอยู่บนขอบหน้าต่าง มองไปยังศีรษะของคนผู้นั้นที่ยืนอยู่บนแท่นด้วยความฉงน
เย่หลานเฉิงรู้สึกมึนงงอย่างมาก เขาอยู่ในวังมาสองปี พบเห็นคนน้อยครั้ง เขาจะรู้จักแม่นางชิงผู้นี้ได้อย่างไรกัน?
หนานหนานแสดงออกให้เห็นว่ากำลังมึนงงอย่างมาก ก่อนจะเพ่งมองสตรีผู้นั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากจ้องมองอยู่นาน จู่ ๆ ก็ทำท่าทางราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาเบิกกว้างทันใด ชี้ลงไปด้านล่างด้วยมือที่เริ่มสั่นเทา “ท่าน…ท่าน…ท่านแม่ นั่นคือท่านแม่ของข้า ข้าจำได้แล้ว ปิ่นปักผมที่ประดับอยู่บนศีรษะของนาง เหมือนกับของท่านแม่ของข้าเลย นั่นเป็นของที่ข้ามอบให้ท่านแม่”
เย่ฮ่าวหรานถึงกับขาอ่อนยวบ เขารีบเกาะเข้ากับขอบหน้าต่าง พร้อมหันศีรษะถามหนานหนานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความตกใจ “เมื่อครู่…เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจแตกลั่นดังเปรี๊ยะจากท่านเสนาบดีฝั่งขวานะคะ
ท่านแม่มาแล้ว เจ้าหนานหนานอย่าทำท่านแม่หน้าแตกนะ
ไหหม่า(海馬)