อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 373 ดวงสมพงศ์กัน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 373 ดวงสมพงศ์กัน

ตอนที่ 373 ดวงสมพงศ์กัน

ตอนที่ฮ่องเต้เห็นเขาก็แอบชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน พระองค์ก้าวเข้ามาตบบ่าของอวี๋จั้วหลิน “รองเจ้ากรมอวี๋ บาดแผลของเจ้าดีขึ้นแล้วรึ?”

ถึงอย่างไรบาดแผลที่ได้รับก็มาจากซ่างกวนจิ่น พระองค์เป็นถึงฮ่องเต้ ต่อให้มิอาจระบายความโกรธให้ขุนนางได้ แต่การแสดงความเป็นห่วงเป็นใยก็ยังเป็นสิ่งที่พึงกระทำ

อวี๋จั้วหลินรีบคารวะด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ถวายพระพรฝ่าบาท ร่างกายของกระหม่อมดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขาปราดหนึ่ง สีหน้ายังคงเป็นปกติ เพียงแต่มุมปากกลับยกขึ้นคลับคล้ายว่าจะมีแต่ก็ไม่มี เส้นโค้งมุมปากดึงขึ้นมาในระดับองศาที่มองไม่เห็น แต่ก็หายไปอีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว แค่เพียงชั่ววินาทีเดียวจึงไม่มีใครทันมองเห็น

การเคลื่อนไหวบ่อยครั้งของอวี๋จั้วหลินในระยะเวลาสองวันมานี้ ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง

ฮ่องเต้เห็นว่าร่างกายของอวี๋จั้วหลินดีขึ้นมากแล้วจริง ๆ จึงแย้มพระสรวล พยักพระพักตร์แล้วตรัสว่า “รองเจ้ากรมอวี๋ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไปนั่งเถิด”

ซ่างกวนจิ่นที่ยืนอยู่ด้านหลังฮ่องเต้แค่นเสียงเยาะ เหลือบมองอวี๋จั้วหลินด้วยความเย้ยหยัน ก่อนจะสาวเท้าก้าวไปด้านหน้า

อวี๋จั้วหลินทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ยินเสียงเยาะเย้ยนั้น เขาเพียงแค่ค้อมกายเคารพ ก่อนจะเดินไปยังที่นั่งของตนเอง

บัดนี้เขาเป็นแค่รองเจ้ากรมคนหนึ่งเท่านั้น ตำแหน่งของเขาจึงอยู่ห่างจากที่นั่งประธานค่อนข้างไกล แต่ตำแหน่งที่นั่งเช่นนี้ก็ทำให้เขามองเห็นสถานการณ์ทางฝั่งที่นั่งของสุภาพสตรีอยู่ในสายตา

อวี๋จั้วหลินนั่งลงก็เริ่มสอดส่ายสายตาสำรวจอย่างละเอียด ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็พบอวี้ชิงลั่วนั่งอยู่มุมอัฒจันทร์ เขาถึงกับเม้มมุมปากจนขึงตึงเป็นเส้นตรง

ถ้าหาก…ถ้าหากแม่นางชิงคืออวี้ชิงลั่วจริง ๆ ถ้าหากเป็นนางจริง ๆ…เช่นนั้น…

ในใจของอวี๋จั้วหลินยังมีความหวังเล็ก ๆ แม้ว่าหลี่หรานหร่านจะวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องจริงเสมอไป

อวี้ชิงลั่วเมื่อหกปีก่อน เห็นได้ชัดว่าเป็นแค่คุณหนูตระกูลใหญ่ที่รู้เพียงการเย็บปักถักร้อยและอ่านตำราเท่านั้น หาได้เข้าใจสิ่งใดไม่ นางทั้งโง่และหลอกง่าย ทว่าแม่นางชิงในตอนนี้ พลังบนตัวของนางช่างน่าทึ่ง ดวงตาคู่นั้นสว่างไสว ทักษะทางการแพทย์ก็ล้ำลึกยากแท้หยั่งถึง สตรีเช่นนี้จะเป็นอวี้ชิงลั่วจากตระกูลอวี้ ผู้ที่แยกคนดีและคนเลวไม่ออกได้อย่างไรกัน?

ต่อให้ผ่านมาหกปีแล้ว แต่นิสัยก็ไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงมากขนาดนั้นมิใช่รึ? คนคนหนึ่ง จะประสบความสำเร็จเช่นนี้ภายในระยะเวลาแค่หกปีสั้น ๆ ทั้งยังมีทักษะทางการแพทย์ที่แม้แต่หมอหลวงภายในพระราชวังก็มิอาจเทียบชั้นได้อย่างไรกัน?

ไม่มีทาง

อวี๋จั้วหลินสูดหายใจเข้าลึก สายตายังคงทอดมองไปยังเรือนกายของอวี้ชิงลั่ว

การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของอวี๋จั้วหลินทำให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ถึงสายตาอันแกร่งกล้ากำลังจับจ้องมองมาที่นางโดยไม่คิดปิดบัง

ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นที่รู้สึก เย่หว่านเยียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นางก็ยังรู้สึกได้

หลายวันมานี้ เย่หว่านเยียนทำตัวราวกับว่าสนิทสนมกับนาง ทันทีที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น อีกฝ่ายก็ทำตัวติดหนึบอยู่ข้างกายอวี้ชิงลั่ว ทั้งยังพูดฉอด ๆ เกี่ยวกับการแสดงออกของผู้เข้าแข่งขันเหล่านั้นภายในสนามแข่ง

ทว่า นอกจากวันแรกที่มีการแข่งขันของหนานหนานและเย่หลานเฉิงที่ค่อนข้างน่ามหัศจรรย์ สองสามวันหลังจากนั้นก็ค่อนข้างน่าเบื่อแล้ว แม้แต่ผลแพ้ชนะของการแข่งขันก็ยังคาดเดาได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เย่หว่านเยียนก็ยังดูการแข่งขันด้วยความตื่นเต้น อีกทั้งยังมีอารมณ์ร่วมไปกับการแข่งขัน

และตอนนี้นางย่อมสังเกตได้ถึงสายตาของอวี๋จั้วหลิน

เย่หว่านเยียนเหลือบมองไปฝั่งอวี๋จั้วหลินปราดหนึ่ง เอื้อมมือออกไปชนกับอวี้ชิงลั่วพลางเอ่ยถาม “เจ้ารู้จักกับใต้เท้าอวี๋นั่นหรือไม่?”

“อืม รู้จัก ข้าเคยรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา” อวี้ชิงลั่วตอบกลับอย่างง่าย ๆ

“อ๋อ” เย่หว่านเยียนพยักหน้า เหลือบมองไปยังอวี๋จั้วหลินอีกหน ผ่านไปครู่หนึ่งนางกลับขมวดคิ้วและกระทุ้งแขนของอวี้ชิงลั่วอีกครั้ง “แต่สายตาของใต้เท้าอวี๋ผู้นั้นดูแปลกนัก ในเมื่อเจ้าเคยรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา เขาก็ควรขอบคุณเจ้าถึงจะถูก เหตุใดสายตาเช่นนี้ ถึงได้คล้ายกับ…คล้ายกับ…คล้ายกับ…”

เย่หว่านเยียนอธิบายไม่ถูก นางรู้สึกได้ว่าสายตาของอวี๋จั้วหลินช่างซับซ้อนนัก ทั้งยังมีสายตาที่ดูร้อนแรงเกินไปด้วย

สายตาเช่นนี้ทำให้คนที่ถูกมองรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย ราวกับว่าเส้นขนทั่วทั้งร่างกายลุกชันก็มิปาน

อวี้ชิงลั่วยักไหล่แล้วกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ระยะห่างขนาดนี้ท่านยังมองเห็นสายตาของเขาอีกรึ?”

“นี่คือความรู้สึกของข้า ความรู้สึกของข้าแม่นยำมาโดยตลอด” เย่หว่านเยียนแค่นเสียงเบา ๆ บนใบหน้าฉายแววภาคภูมิใจราวกับว่าตนเองช่างเก่งกาจนัก

อวี้ชิงลั่วยิ้มออกมาอีกหน ทว่าสายตากลับจ้องมองไปยังสนามแข่งขันโดยมิได้กล่าวสิ่งใดอีก

การละเล่นชู่จวีเป็นกีฬาที่มีมาช้านาน ทั้งยังเป็นที่นิยมในกลุ่มชาวบ้านและกองทัพทหารของอาณาจักร ในสายตาของอวี้ชิงลั่วนั้นมันดูคล้ายกับการแข่งขันฟุตบอลในยุคปัจจุบัน

ทางสองฝั่งมีประตูรับบอลหนึ่งจุด ลานประลองแข่งวรยุทธ์ก่อนหน้านี้ถูกถอนออกไปแล้ว เหลือเพียงพื้นที่กว้างขวางขนาดใหญ่ สามารถยืนรวมกันได้ถึงสามสิบสองคน

ผู้เข้าแข่งขันจากสองอาณาจักรมีจำนวนคนฝั่งละสิบหกคน ช่างบังเอิญยิ่งนัก ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของอาณาจักรเฟิงชางยังคงเป็นอาณาจักรจิงเหลย

การแข่งขันตัดสินด้วยการจับฉลาก สนามแรกในตอนเช้าคือคู่ของอาณาจักรเฟิงชางและอาณาจักรจิงเหลย ส่วนสนามที่สองเป็นคู่ของอาณาจักรเทียนอวี่และหลิวอวิ๋น ส่วนการแข่งขันรอบตัดสิน เกรงว่าคงต้องลากยาวไปถึงวันพรุ่งแล้ว

สายตาของอวี้ชิงลั่วกวาดมองไปยังผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยรอบหนึ่ง ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย ควรจะพูดว่าโลกกลมหรือไม่เล่า? เพราะในบรรดาผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยรอบนี้ มีผู้เข้าแข่งขันที่เคยแอบพกงูพิษเข้าไปในการแข่งวรยุทธ์ครั้งนั้นด้วย

เขาและหนานหนานช่างมีดวงสมพงศ์กันจริง ๆ

ไม่รู้ว่าครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นจะแอบใช้วิธีการร้ายกาจอะไรอีกหรือไม่

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมุ่น สายตามองไปยังผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรเฟิงชางอีกหน ดูเหมือนว่าเผิงอิงคงลงมือใส่ยาให้เย่หลานเวยแล้วจริง ๆ เพราะตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงกลางสนามไม่มีเด็กที่แสดงท่าทีหยิ่งผยองคนนั้นแล้ว

คาดว่าตอนนี้คนที่ร้อนใจคงไม่ได้มีแค่เย่หลานเวย แต่ยังมีองค์ชายสามด้วย

เมื่อไม่กี่วันก่อนได้เห็นการแสดงออกของเย่หลานเฉิงไปแล้ว ทั้งยังได้คว้าชัยอีกด้วย ในใจขององค์ชายสามย่อมรู้สึกไม่ดีนัก เขาคิดหวังพึ่งเย่หลานเวยเพื่อเอาชนะให้ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเหยียบย่ำรัชทายาทให้จงได้

หลายวันมานี้รัชทายาทอารมณ์ดีนัก หน้าจวนรัชทายาทมีคนแวะเวียนไปหาไม่ขาดสาย ทุกคนต่างก็มองเขาด้วยสายตาที่ดี ฮ่องเต้ก็ให้ความสำคัญกับเย่หลานเฉิง มีคนจำนวนมากเริ่มพิจารณารัชทายาทที่แสนจะธรรมดาใหม่อีกครั้งแล้ว

องค์ชายสามที่มองเห็นทุกสิ่งเหล่านี้ย่อมเกิดความอิจฉาและกดดันอยู่ ในใจกำลังร้อนราวกับไฟที่ลุกโชน และแผดเผามากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะมัวรอให้พระราชโอรสของตนเองได้เข้าสู่สนามและเผยให้เห็นความโดดเด่น

คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่เพิ่งจะเข้าสนามได้ไม่นาน สีหน้าของเขากลับต้องแข็งทื่อ อีกทั้งยังรู้สึกไม่สบายตัว และเริ่มมีอาการท้องเสียตามมา

องค์ชายสามทั้งร้อนใจและนึกชังที่มิอาจหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ แต่ก็มิอาจปล่อยให้เย่หลานเวยกุมท้องเข้าร่วมการแข่งขันได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องข่มความโกรธไว้ในใจ ยอมถอนชื่อของเย่หลานเวยไปชั่วคราวและให้คนอื่นเข้าไปแทนที่

ตอนที่เห็นรายชื่อผู้เข้ามาแทนที่ อวี้ชิงลั่วถึงกับหลุดยิ้มออกมา

ดูเหมือนว่า คนที่มีดวงสมพงศ์กับหนานหนาน คงมิได้มีแค่คนเดียวหรอกกระมัง

หนานหนานเองก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก โดยเฉพาะตอนเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างกาย เขาจึงเริ่มแค่นเสียงชิชะออกมาจากจมูก “เหตุใดเจ้าถึงได้เข้าร่วมการละเล่นชู่จวี? มีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ข้าลงชื่อสมัครเข้าแข่งวรยุทธ์และการละเล่นชู่จวี เจ้าเองก็เหมือนกัน เจ้าบอกมา เจ้าเลียนแบบข้าใช่หรือไม่?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ทำไมดวงสมพงศ์กันแบบนี้ล่ะหนานหนาน คู่ปรับในสนามเก่ามาทั้งคู่เลย

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท