อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 440 ข้าจะให้คนจับตัวไว้

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 440 ข้าจะให้คนจับตัวไว้

ตอนที่ 440 ข้าจะให้คนจับตัวไว้

อวี้เป่าเอ๋อร์ส่งเสียง ‘อื้อ ๆ’ สองเสียง ออกแรงสะบัดหน้า จนกระทั่งมือที่ปิดปากของตนเองถูกปล่อย เขาจึงถอยผงะออกไปสองก้าว มองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง “เหตุใดเจ้าถึงมาปรากฏตัวที่นี่?”

“ข้าออกมาเดินเล่น”

“สถานะขององค์ชายสิบสามสูงส่งนัก คนเดินขวักไขว่อยู่บนท้องถนน หากชนเข้ากับองค์ชายสิบสาม เกรงว่าคงมีเด็กทุกข์ทรมานอีกเป็นแน่ องค์ชายกลับเรือนรับรองไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ” อวี้เป่าเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก เมื่อนึกถึงฉากก่อนหน้านี้ที่ตนเองถูกองค์ชายผู้เย่อหยิ่งคนนี้จับตัวเข้าไปทำร้ายร่างกายในเรือนรับรอง ภายในใจก็เกิดความแสลงใจขึ้นมาและไม่รู้สึกชมชอบคนคนนี้เอาเสียเลย

ฉีหานเทียนแค่นเสียงสองเสียง “นี่ เจ้ายังเกลียดข้าที่จับตัวเจ้าวันนั้นอีกรึ”

อวี้เป่าเอ๋อร์ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายมากไปกว่านี้ เขามิอาจสร้างความขุ่นเคืองให้องค์ชายเช่นนี้ได้ ถึงเวลานั้นคงได้ทำให้พี่สาวเดือดร้อนไปด้วย

“เป่าเอ๋อร์ยังมีธุระ ต้องขอตัวกลับก่อน เชิญองค์ชายสิบสามตามสบาย” เขามองฉีหานเทียนปราดหนึ่ง หมุนกายเดินออกไป

ฉีหานเทียนชะงัก รีบเข้ามาขวางตรงหน้าเขาอีกครั้ง “อวี้เป่าเอ๋อร์ อย่าเพิ่งไป ข้ายังมีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

อวี้เป่าเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่น ทำได้เพียงแค่หยุดเดิน “องค์ชายสิบสามอยากพูดสิ่งใด?”

“เอ่อ…คือว่า…ก็คือ…ข้าได้ยินมาว่า…โอ๊ย…ข้าก็แค่อยากถามเจ้าว่า พี่สาวของเจ้าแต่งงานมีครอบครัวมีลูกแล้วจริง ๆ รึ?” อาจเป็นเพราะรู้สึกลำบากใจและพูดไม่ค่อยออก ฉีหานเทียนจึงทำตัวอึก ๆ อัก ๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหลับตาลงและเอ่ยถามออกไปราวกับทุ่มสุดตัว

อวี้เป่าเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็นึกถึงวันนั้นที่อยู่ในเรือนรับรอง สายตาที่องค์ชายสิบสามมองพี่สาวแอบแฝงด้วยความชื่นชมเล็ก ๆ ทั้งยัง…พูดว่าอยากจะสู่ขอพี่สาวเป็นชายาด้วย

ไม่หรอกกระมัง องค์ชายสิบสามยังคิดเรื่องนี้อีกหรือ ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้พี่สาวและท่านอ๋องซิวไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกัน ต่อให้พี่สาวไม่มีลูก ก็ไม่มีทางที่จะอยู่กับองค์ชายสิบสามได้ อีกฝ่ายยัง…เป็นเด็กเหมือนกับตนเองอยู่เลย

อีกอย่าง นิสัยของท่านอ๋องซิวแม้จะเฉยเมยมาก แต่ก็สนใจพี่สาวมาก นับตั้งแต่เขาวางแผนให้พี่สาวยอมรับว่าตนเองคือองค์หญิงเทียนฝูและตกปากรับคำเรื่องแต่งงานต่อหน้าธารกำนัล เขาก็แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างมาก หากท่านอ๋องซิวรู้ว่าองค์ชายสิบสามปรารถนาในตัวพี่สาว คาดว่า…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ อวี้เป่าเอ๋อร์ก็หนาวสั่นไปทั้งตัว ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องกลัวองค์ชายสิบสามแล้ว เขารีบพยักหน้าหงึก ๆ ตอบอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพี่มีลูกแล้ว เด็กคนนั้นมีวรยุทธ์ยอดเยี่ยมด้วย แถมยังฉลาดมาก ปีนี้อายุห้าขวบแล้ว อีกอย่างท่านพี่กับท่านอ๋องซิวก็รักกันดี อีกไม่นานก็จะแต่งงานกันแล้ว”

ฉีหานเทียนถึงกับหน้าเขียว อารมณ์จมดิ่งลงภายในพริบตาเดียว ทว่ากลับจ้องอวี้เป่าเอ๋อร์ตาไม่กะพริบ

อวี้เป่าเอ๋อร์ถูกอีกฝ่ายจ้องมองจนเริ่มขนลุกซู่อยู่ภายในใจ เขาไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย เหตุใดอีกฝ่ายถึงได้แสดงสีหน้าราวกับจะกินเขาด้วย

ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันแบบงง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ฉีหานเทียนจึงเอ่ยอย่างชั่วร้ายด้วยน้ำเสียงแฝงความโกรธขึ้งเล็ก ๆ “แต่งงานกันแล้วยังไง? ท่านอ๋องซิวแก่ขนาดนั้นแล้ว คงได้ตายตรงหน้าแม่นางชิงเป็นแน่ ถึงเวลานั้นข้าก็แต่งงานกับนางได้เช่นกัน”

ฉีหานเทียนรู้สึกทุกข์ใจ เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรเท่าไรนัก ดังนั้นหลายวันมานี้จึงเอาแต่เล่นสนุกอยู่บนถนนและในเรือนรับโรงของเมืองหลวงมาโดยตลอด สัมผัสถึงประเพณีของชาวเมืองแห่งอาณาจักรเฟิงชาง รู้สึกสดชื่นอย่างมาก

ทว่าหลังจากที่ฉีหานเว่ยกลับมาที่เรือนรับรองและเล่าเรื่องเหล่านั้นให้เขาฟังในวันนั้น อารมณ์ของเขาจึงกลายเป็นความหงุดหงิดอย่างมาก สตรีที่เขาชมชอบคนนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นภรรยาและแม่ของคนอื่นแล้ว จะให้เขาทนกับความรู้สึกนี้ได้อย่างไร

“…” อวี้เป่าเอ๋อร์อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ความคิดขององค์ชายสิบสาม…เหตุใดถึงได้บิดเบี้ยวน่าประหลาดแบบนี้? หรือว่าเขาไม่เคยคิดว่า อนาคตเมื่อท่านอ๋องซิวแก่ พี่สาวของเขาก็ต้องแก่เช่นกัน ถึงเวลานั้นองค์ชายสิบสามก็อายุไม่น้อยแล้ว คงมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองไปนานแล้ว ยังจะคุยเรื่องแต่งหรือไม่แต่งอะไรอีก?

อวี้เป่าเอ๋อร์ถึงกับกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว แอบไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดแค่องค์ชายสิบสามเจอหน้าพี่สาวครั้งเดียว ก็…ก็มีความคิดเช่นนั้นกับพี่สาวแล้ว ทั้งยังดื้อรั้นถึงเพียงนี้อีก

“องค์ชายสิบสาม…ท่านพูดถูก อนาคตท่านอ๋องซิวก็ต้องแก่ แต่พี่สาวข้าเป็นคนรักเดียวใจเดียว นางคงยอมตายดีกว่าที่จะเปลี่ยนใจไปชอบบุรุษอื่นง่าย ๆ ต่อให้ในอนาคต…ในอนาคตท่านอ๋องซิวไม่อยู่แล้ว ภายในใจของพี่สาวก็จะมีแค่เขาเท่านั้น”

อวี้เป่าเอ๋อร์กำลังเลือกคำพูดโน้มน้าวใจอีกฝ่ายที่ฟังดูเหมาะสม แม้แต่เขาก็รู้ดี ระหว่างองค์ชายสิบสามและพี่สาวไม่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้แม้แต่หนึ่งในหมื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่มีท่านอ๋องซิวและหนานหนานคั่นกลางอยู่ในนั้น

ฉีหานเทียนเริ่มถลึงตามองเขาอีกครั้ง ถลึงตามองด้วยสายตาชั่วร้าย

อวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกได้ว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาก็แค่พูดความจริงเท่านั้น องค์ชายสิบสามไม่เข้าใจคำว่าคำเตือนที่เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแต่ฟังแล้วขัดหูหรืออย่างไรกัน?

“อวี้เป่าเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากให้ข้ากับพี่สาวของเจ้าอยู่ด้วยกันใช่หรือไม่?”

“เอ่อ…” เขาทายถูกจริง ๆ ด้วย อวี้เป่าเอ๋อร์ครุ่นคิด เกี่ยวกับเรื่องของพี่สาวองค์ชายสิบสามทำราวกับเจาะเข้าไปในเขาโค [1] ทว่าเรื่องอื่นกลับฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก “องค์ชายสิบสาม ข้าก็แค่บอกสิ่งที่รู้ให้ท่านฟังก็เท่านั้น”

“เหอะ” ฉีหานเทียนยกนิ้วชี้หน้าเขา กล่าวด้วยความขุ่นเคืองว่า “ข้าบอกไว้เลย ข้าไม่ยอมแพ้หรอก”

อวี้เป่าเอ๋อร์เริ่มกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง “องค์ชายสิบสาม ข้าจะบอกอะไรให้นะ พี่สาวของข้า…”

เขายังคิดจะพูดโน้มน้าวใจอีกฝ่ายต่อไป ทว่าตอนที่เขาเพิ่งจะอ้าปากพูด เงาผอมบางตรงหน้าก็ดึงดูดความสนใจของเขา ร่างกายของเขาถึงกับแข็งทื่ออย่างไร้เหตุผล ราวกับลมหนาวพัดผ่านศีรษะไปจนถึงฝ่าเท้าของเขาก็มิปาน

ความรู้สึกประเภทนี้…ไม่เคยมีมาก่อน

อวี้เป่าเอ๋อร์ช้อนสายตาจ้องคนคนนั้นอย่างเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกคุ้นหน้าคนคนนั้น ราวกับเคยเห็นที่ใดมาก่อน

เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า อวี้เป่าเอ๋อร์จึงก้าวเท้าเดินตามไปโดยไม่รู้ตัว

ใครจะไปคิดว่าแขนของเขากลับถูกจับโดยพลัน ข้างหูมีเสียงไม่พอใจของฉีหานเทียนดังขึ้น “นี่ เหตุใดถึงพูดจาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ประโยคหลังจะพูดอะไร? เจ้าพูดมาให้ชัดเจนสิ พี่สาวของเจ้าทำไม?”

อวี้เป่าเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่น สายตาจ้องมองคนคนนั้นที่เดินเลี้ยวและหายไปแล้ว ทว่าเขาก็สะบัดฉีหานเทียนไม่ได้ จึงพูดด้วยความเป็นกังวลว่า “เจ้าตามข้ามา ข้าจะบอกเจ้า”

ฉีหานเทียนมองเขาปราดหนึ่งด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า

อวี้เป่าเอ๋อร์แอบเดินตามไปก็พบว่ามีคนอีกสองคน ทำให้เขาถึงกับสูดลมเย็นเข้าปอดทันใด

เขา…ไม่ผิด…เป็นเขาแน่ ๆ

ฉีหานเทียนรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายทำตัวแปลก ๆ จึงหันมาถาม “นี่ เจ้าเป็นอะไร? พวกเราจะตามคนคนนั้นทำไม เจ้า…”

“ชู่…” อวี้เป่าเอ๋อร์รีบยกมือขึ้นมาปิดปากอีกฝ่าย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและประหม่า

ฉีหานเทียนกะพริบตาปริบ ๆ ทำได้เพียงแค่กดเสียงให้เบาลง “คนคนนั้นเป็นคนไม่ดีรึ? ไม่เห็นจะยากเลย ผู้อารักขาของข้าอยู่ด้านหลัง ข้าสั่งให้คนจับตัวเขาได้”

“อย่า…อย่าทำให้เขาแตกตื่น” อวี้เป่าเอ๋อร์รีบปฏิเสธ คนคนนั้นกำลังจะหันกลับมาแล้ว เขาจึงรีบลากฉีหานเทียนให้ย่อตัวลงด้านหลังก้อนหินใหญ่

ทว่าภายในใจกลับเกิดความรู้สึกพลุ่งพล่าน

เขาถูกจับตัวไปแล้วมิใช่รึ? เหตุใดถึงออกมาได้อีกแล้ว? เหตุใดถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่?

…………………………………………………………………………………………………………………………

[1] เจาะเข้าไปในเขาโค เป็นคำอุปมาอุปไมย หมายถึง การดึงดันทำสิ่งใดโดยที่ไม่มีวันเป็นไปได้ ทำเรื่องที่ไม่มีวันเกิดประโยชน์ เหมือนกับการเจาะมุดเข้าไปในเขาโคที่ถูกปิดตายไว้ มีแค่หนทางเดียวคือต้องถอยออกมาถึงจะเจอทางออก

สารจากผู้แปล

ชอบของสูงด้วยสิองค์ชายสิบสาม รอไปก่อนสิบปีนะคะแล้วมาคิดทบทวนดูใหม่

ใครโดนปล่อยตัวออกมาอะ

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท