อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 485 ย่อมมีหลักฐาน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 485 ย่อมมีหลักฐาน

ตอนที่ 485 ย่อมมีหลักฐาน

“ท่านอ๋อง เรื่องในวันนี้ อันที่จริงแล้วเป็นแผนของฮูหยินกับคุณหนูรองเพคะ”

เรื่องในวันนี้? องค์ชายสามถึงกับขมวดคิ้วมุ่น นางหมายถึงเรื่องที่เขาปรากฏตัวขึ้นและเจอกับอวี้ชิงลั่วที่นี่?

ชิวหลานเบี่ยงแขนจนหลุดออกจากมือขององค์ชายสาม ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวอย่างเงียบ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเกิดอารมณ์ขึ้นจนเข้ามาจับแขนของตนเองอีกครั้ง

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเป็นคนรับใช้ของจวนอวี้แห่งนี้มาหลายปีแล้ว ย่อมรู้เรื่องที่อยู่ในจวนแห่งนี้เป็นอย่างดี สถานที่ต่าง ๆ ภายในจวนก็รู้แจ้งแจ่มชัด ช่วงเช้าของเมื่อวานที่ผ่านมา ตอนที่หม่อมฉันกลับมาจากด้านนอก กลับพบว่ามีสตรีนางหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นภายในจวนแห่งนี้กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในจวน ช่วงนี้จวนอวี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย หม่อมฉันเกรงว่าอาจมีคนคิดจะทำอะไรแผลง ๆ จึงตัดสินใจไปหาฮูหยินเพื่อนำเรื่องนี้ไปรายงาน”

อวี้ชิงลั่วจิบน้ำชาหนึ่งคำ รายงานกับเฉินจีซิน? เรื่องประเภทนี้ ดูเหมือนว่าหากเป็นรายงานกับเหลียงจิ่วที่เป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันภายในจวนยังจะสะดวกและรวดเร็วยิ่งกว่า ทั้งยังได้ผลกว่าด้วย ชิวหลานผู้นี้เป็นสาวรับใช้ขั้นสองมาหลายปีแล้ว คงกระหายอยากได้รับความดีความชอบ ถึงได้ตัดสินใจไปเข้าพบเฉินจีซินด้วยตนเองกระมัง

เฉินจีซินใบหน้าขาวซีด คนคนนั้นที่เข้ามาเมื่อวานตอนเช้า…ถูกชิวหลานเห็นเข้าแล้วรึ?

บัดซบ คนคนนั้นบอกว่าตนเองมีวรยุทธ์ชั้นยอด ไม่มีใครรู้ว่าตนเองปรากฏตัวขึ้นภายในจวนอวี้มิใช่รึ?

คาดว่าคงรู้สึกได้ถึงสายตาดุร้ายของเฉินจีซิน ชิวหลานจึงหดคอรีบก้มหน้าพูดต่อไปว่า “แต่ตอนที่หม่อมฉันเดินไปตามถนนเส้นเล็กเพื่อไปที่เรือนของฮูหยิน ตอนที่เดินผ่านเรือนร้างแห่งนั้นที่คุณหนูใหญ่เคยอาศัยอยู่ กลับได้ยินเสียงของฮูหยิน หม่อมฉันรู้สึกประหลาดใจจึงคิดจะเข้าไปดู คิดไม่ถึงเลยว่าในนั้นกลับมีเสียงเครื่องแก้วแตกกระจาย หม่อมฉันกลัวมาก แต่ก็อดไม่ไหวจึงแอบเดินเข้าไปในเรือนซ่อนตัวอยู่ใต้หน้าต่าง”

อวี้ชิงโหรวรูม่านตาหดเล็กลง ตอนนั้น…ตอนนั้นชิวหลานอยู่ด้านนอกรึ? เช่นนั้นนางก็ได้ยินคำพูดทั้งหมดของพวกนางแล้วน่ะสิ?

นัยน์ตาของอวี้ชิงโหรวปรากฏความวิตกกังวล คิดอยากหยุดชิวหลานอยู่หลายหน ทว่าจินหลิวหลีที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับทำตัวราวกับเป็นกำแพงมีตาอยู่ด้านหลังคอยขวางตรงหน้านาง ทำให้นางมิอาจก้าวเท้าออกไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว

ชิวหลานยังคงพูดต่อไปว่า “หม่อมฉันได้ยิน ได้ยินเสียงของสตรีแปลกหน้าคนหนึ่งพูด พูดว่าหากฮูหยินคิดจะจัดการกับองค์หญิงเทียนฝู ต้องร่วมมือกับพวกนาง ตอนนั้นหม่อมฉันตกใจมาก จัดการกับองค์หญิงเทียนฝู? ฮูหยินคิดจะทำร้ายองค์หญิงได้อย่างไรกัน? เช่นนั้นมิเท่ากับทำความผิดมหันต์โทษฐานฆ่าล้างตระกูลหรอกหรือเพคะ?”

“หม่อมฉันกลัวมาก หดตัวอยู่ใต้หน้าต่างไม่ขยับเขยื้อน แต่ก็ทำให้ได้ยินพวกนางพูดแผนการกันต่อไป คนคนนั้นพูดว่า ขอแค่ฮูหยินไปเจอกับนายน้อยระหว่างทาง บอกนายน้อยว่านายท่านป่วยหนัก นายน้อยเป็นคนกตัญญูย่อมไม่มีทางไม่เอ่ยถาม ข้างกายของเขามีหมอปีศาจผู้มีชื่อเสียงใต้หล้า ย่อมต้องพาตัวมาด้วยเป็นแน่”

อวี้ชิงลั่วแค่นหัวเราะหนึ่งเสียง ในคำพูดของชิวหลานดูเหมือนมีความคิดจะเอาอกเอาใจนางเสียด้วย อะไรกัน คิดว่ากำลังอันเข้มแข็งเกรียงไกรของจวนอวี้เสื่อมโทรมจนแผ่วปลายแล้ว จึงคิดอยากแสดงท่าทางเป็นมิตรกับนาง เพื่อป้องกันไม่ให้นางไปคิดบัญชีเรื่องที่เคยทำไว้กับอวี้เป่าเอ๋อร์รึ?

ชิวหลานกลืนน้ำลาย กล่าวต่อไปว่า “คนคนนั้นยังพูดอีกว่า ขอแค่องค์หญิงเทียนฝูเดินทางมาถึง ฮูหยินก็ใช้โอกาสเพื่อสร้างปัญหาให้ ชี้นำให้องค์หญิงพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา เช่นนี้ก็สามารถนำเรื่องขององค์หญิงไปฟ้องต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทได้แล้ว โดยบอกไปว่าองค์หญิงเป็นคนลวงโลก หลอกลวงราชวงศ์ ถือโอกาสทำให้ท่านอ๋องซิวอับอายไปด้วย แต่ลำพังแค่สถานะของใต้เท้าและฮูหยินอวี้ไม่เพียงพอที่จะเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้ และคงไม่มีวิธีทำให้ฝ่าบาทเชื่อในคำพูดของนาง”

องค์ชายสามเข้าใจความหมายในคำพูดของนางทันใด จริงสิ เฉินจีซินคิดจะเล่นงานอวี้ชิงลั่ว ย่อมต้องมีคนที่มีน้ำหนักมากพอเพื่อช่วยเหลือถึงจะดี และคนคนนั้นก็คือเขา

ชิวหลานเห็นองค์ชายสามมีสีหน้าดูไม่เป็นมิตรจึงเริ่มเกิดความหวาดกลัว คิดอยากจะหยุด ทว่าองค์ชายสามกลับพูดเสียงสูงว่า “พูดต่อไป”

“เพคะ” ชิวหลานรีบก้มหน้าลง “คนคนนั้นบอกฮูหยินว่า วันนี้ท่านอ๋องจะเดินทางไปที่ร้านหยกทางประตูฝั่งบูรพาหลังเลิกประชุมราชสำนัก ฮูหยินแค่ไปที่นั่นก็จะได้เจอกับท่านอ๋อง คนคนนั้นยังกล่าวอีกว่า ท่านอ๋องเป็นคนมีนิสัยผลีผลาม ง่ายที่จะถูกฮูหยินควบคุม…”

องค์ชายสามถึงกับสีหน้าดำทะมึน เป็นคนที่ถูกควบคุมได้ง่ายกระนั้นรึ

“พูดเช่นนี้” ครั้นได้ฟังมาจนถึงตรงนี้ หลีจื่อฟานก็วางแก้วน้ำชาลงบนโต๊ะด้วยท่วงท่าสง่างาม เอ่ยถามเคล้ารอยยิ้มว่า “ข้าเองก็อยู่ในแผนของคนคนนั้นด้วยน่ะสิ?”

“เปล่าเจ้าค่ะ…” ชิวหลานส่ายหน้า “คนคนนั้นต้องการให้ฮูหยินพาท่านอ๋องมาเท่านั้น ท่านเสนาบดีมาที่นี่ อาจเป็นเพราะ…อาจเป็นเพราะความต้องการของฮูหยินและคุณหนูเจ้าค่ะ หม่อมฉันเดาว่า ฮูหยินและคุณหนูคิดจะทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเทียนฝูต่อหน้าท่านเสนาบดี”

ถือโอกาสสร้างภาพลักษณ์อันสูงส่งที่ดูเป็นคนอ่อนโยนของอวี้ชิงโหรวด้วย อืม ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ถือว่าไม่เลว

อวี้ชิงลั่วจับมือ ยิ้มตาหยีมองไปยังอวี้ชิงโหรวที่กำลังโกรธจนหน้าแดงก่ำ น่าเสียดายนัก ขโมยไก่ไม่ได้ยังต้องเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ

หากพวกนางสองแม่ลูกทำตามที่คนคนนั้นบอกจริง ๆ บางที พวกนางอาจสร้างความวุ่นวายไปถึงฝ่าบาทอีกครั้งจริง ๆ ก็เป็นได้ ถึงอย่างไรหากไม่มีหลีจื่อฟาน องค์ชายสามคงทำตัวเหิมเกริมไร้มารยาทยิ่งกว่าตอนนี้

“ชิวหลาน เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า? ใครสอนให้เจ้าพูดสิ่งเหล่านี้? เจ้าแต่งเรื่องใส่ร้ายพวกเรา เจ้าได้ผลประโยชน์อะไรกันแน่?” สีหน้าของอวี้ชิงโหรวดูเหี้ยมโหด ทว่าตอนที่เห็นว่าหลีจื่อฟานกำลังมองมาที่ตนเอง กลับกลายเป็นเศร้าโศกเสียใจสุดจะทน

“ชิวหลาน ตระกูลอวี้ปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี พวกเราสองแม่ลูกก็ไม่เคยเอาเปรียบเจ้า เจ้าทำตัวเนรคุณเช่นนี้ไม่กลัวฟ้าผ่าตายหรืออย่างไรกัน?” ในเวลานี้ คำพูดของอวี้ชิงโหรวยังคงเตือนว่า “หา นี่เจ้าเห็นว่าท่านพ่อของข้าป่วยแล้วใช่หรือไม่ เจ้าคิดว่าจวนอวี้ของเรากำลังจะล้มแล้วใช่หรือไม่? เจ้าคิดว่าจวนอวี้พึ่งพิงไม่ได้แล้วใช่หรือไม่? ดังนั้นจึงทรยศหักหลัง เจ้าถูกคนซื้อตัวใช่หรือไม่?”

“เหอะ ยังมาพูดว่ามีสตรีแปลกหน้า? ทั้งที่คนที่เจ้าแต่งขึ้นมาไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง เหตุใดเจ้าถึงได้มีความคิดชั่วร้ายถึงเพียงนี้?”

อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ เหตุใดมาถึงเวลานี้ นางยังแสดงละครอีก?

องค์ชายสามขมวดคิ้วมุ่น คำพูดของอวี้ชิงโหรวก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล อีกอย่างสิ่งที่ชิวหลานพูดเมื่อครู่ก็ดูคล้ายกับที่อวี้ชิงลั่วพูดไว้ก่อนหน้านี้ ไม่สามารถเหมารวมได้ว่าพวกนางทั้งสองคนเป็นพวกไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่

องค์ชายสามมีอาการไขว้เขว อวี้ชิงโหรวจึงเริ่มบริภาษรุนแรงมากยิ่งขึ้น “ชิวหลาน คนที่ไม่จงรักภักดีเช่นเจ้า สุนัขที่พร้อมจะหักหลังเจ้านายเพื่อเงินได้ตลอดเวลา เจ้าคิดว่าคำพูดของเจ้าเชื่อถือได้รึ? คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนฉลาด ใครจะเชื่อคำพูดไร้สาระเหล่านั้นของเจ้า?”

“ใช่แล้ว” อวี้ชิงลั่วพูดต่อด้วยท่าทางเกียจคร้าน “คำพูดเช่นนี้ไม่ได้มีหลักฐาน ไม่มีใครเชื่อหรอก”

อวี้ชิงโหรวชะงัก องค์ชายสามก็ประหลาดใจเช่นกัน อวี้ชิงลั่วเห็นด้วยกับคำพูดของอวี้ชิงโหรว?

มีแค่หลีจื่อฟานที่ยังคงรินน้ำชาให้ตนเองต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เติมความชุ่มชื้นจนริมฝีปากนุ่มลื่น ขณะแย้มยิ้มรอประโยคถัดไป

บนใบหน้าของชิวหลานประกายความภาคภูมิใจและเฉียบขาดเล็ก ๆ “สิ่งเหล่านี้ที่หม่อมฉันพูด ย่อมไม่ได้พูดเพียงลมปาก หม่อมฉันมีหลักฐานเพคะ”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ใครกันนะสตรีลึกลับคนนั้น

มีหลักฐานด้วย หลักฐานอะไรกันหนอ

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท