ตอนที่ 542 กินของแสลง
ตอนที่ 542 กินของแสลง
ไม่นานน้ำเสียงนอบน้อมก็ดังลอดเข้ามา “เหนียงเหนียงเพคะ คือว่า…”
นางไม่ทันได้เอ่ยจบ เสียงร้อนรนหนึ่งก็แทรกขึ้น “ซูเฟยเหนียงเหนียง ข้าหว่านเฟยเพคะ ขออภัยที่รบกวนท่านในยามนี้ด้วย ข้ามาหาองค์หญิง นางอยู่ที่นี่หรือไม่เพคะ?”
หว่านเยียนหรือ มาตามหาอวี้ชิงลั่วหรือ
ซูเฟยนิ่งไปชั่วขณะก่อนกลับมานั่งบนเตียง จากนั้นจึงพยักหน้าให้อวี้ชิงลั่วพลางเอ่ย “เข้ามา”
สิ้นเสียงประตูก็ถูกผลักเปิดออกทันที
สองคนในห้องไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด เย่หว่านเยียนก็ร่ำไห้โผไปหาอวี้ชิงลั่ว นางไม่ได้โค้งคำนับซูเฟยด้วยซ้ำ คว้ามืออวี้ชิงลั่วพร้อมสะอึกสะอื้น “ชิงลั่ว ไปช่วยหมู่เฟยข้าที รีบไปช่วยนางที”
ซูเฟยชะงักจนอดลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ รีบบอกให้เค่อเหรินเทน้ำให้แขกและถามเสียงค่อย “หว่านเยียน ใจเย็น ค่อย ๆ พูด เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน มารดาเจ้าเป็นอะไรไป”
“หม่อม…หม่อมฉันไม่รู้เพคะ หม่อมฉันไปหาหมู่เฟยที่ห้อง นางบอกว่าไม่สบายตัวอยากพักผ่อน คิดว่านางจะอาการดีขึ้นหลังได้พัก แต่หลังจากนั้นก็มีหน้าซีดเซียว เหงื่อท่วมตัวไปหมด ทั้งยังกุมท้องร้องปวด หม่อมฉันกลัวมากและไม่รู้จะทำอย่างไร ตั้งท่าจะออกไปเรียกให้คนช่วย แต่ก็นึกได้ว่าชิงลั่วอยู่ที่นี่ด้วยจึงรีบไปหาที่ห้อง”
เย่หว่านเยียนมีท่าทางตกใจสุดขีด นางกุมมืออวี้ชิงลั่วไว้แน่น และดันแก้วน้ำที่เค่อเหรินนำมาวางตรงหน้าให้ไปด้านข้าง ก่อนดึงอีกคนออกไปข้างนอก
“พอไปถึงห้องชิงลั่วกลับไม่พบ ออกไปบังเอิญพบคนบอกว่านางกับเค่อเหรินมาที่นี่กัน ข้าจึงรีบวิ่งมาหา ชิงลั่ว รีบไปดูอาการแม่ข้าที ได้โปรด”
ซูเฟยนิ่วหน้า ทำไมถึงถูกวางยากัน
อวี้ชิงลั่วรู้สึกตงิดใจเช่นกัน ทว่าท่าทางของเย่หว่านเยียนดูไม่ได้โป้ปด
“ชิงลั่ว ให้ข้าคุกเข่าขอร้องก็ได้” เย่หว่านเยียนลากดึงอยู่นานอีกฝ่ายก็ไม่ขยับจึงคิดว่าไม่เต็มใจจะช่วยเหลือ ทำให้รีบคุกเข่าเว้าวอน
อวี้ชิงลั่วสะดุ้งและรีบประคองนางขึ้น เรื่องบ้าอะไรกัน เย่หวานเยียนมาคุกเข่าให้แบบนี้ กลับไปนางไม่ถูกตำหนิแย่หรอกหรือ
ซูเฟยจนปัญญา นางจึงลุกจากเตียงมาช่วยดึงเย่หว่านเยียนให้นั่งลง แต่ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็อยู่ไม่สุขพร้อมน้ำตาไหลพราก
นางไม่อาจทำสิ่งใดได้ สายตาชำเลืองมองอวี้ชิงลั่ว “หรือองค์หญิงจะไปดูเสียหน่อย”
อวี้ชิงลั่วเห็นท่าทางเย่หว่านเยียนก็รู้ว่าไม่ไปคงไม่ได้
นิ่งไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า ปล่อยให้ซูเฟยพักผ่อน แล้วนางจะกลับมาหาภายหลัง
เย่หว่านเยียนเผยยิ้มในทันที นางปาดน้ำตาลวก ๆ ก่อนคำนับลาซูเฟย “เหนียงเหนียง หม่อมฉันขอตัวลาเพคะ”
อย่างไรเสียนางก็อดใจคว้ามืออวี้ชิงลั่วออกไปจากห้องไม่ไหว
ห้องของเย่หว่านเยียนกับมารดาอยู่ห่างออกไป อวี้ชิงลั่วเดินไปพักหนึ่งก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “หว่านเยียน ทำไมห้องท่านถึงได้อยู่ไกลนัก”
อีกฝ่ายชะงักฝีเท้า ก่อนก้มหน้ายิ้มพลางกล่าวเสียงแผ่ว “ท่านแม่ของข้าไม่สู้คนและไม่เป็นที่โปรดปราน ไม่ว่าพวกเขาจะจัดการอย่างไรก็ได้แต่อยู่ตามนั้น”
อวี้ชิงลั่วพลันนึกถึงนางสนมที่พบในตำหนักอี๋ซิ่ง นางดู… สำรวมเรียบร้อยมากทีเดียว
เย่หว่านเยียนนิสัยต่างกับนางลิบลับ ทั้งสดใสและมีชีวิตชีวา คงจะได้เชื้อมาจากฮ่องเต้
นางส่ายหน้าสลัดความเศร้าสร้อย ขณะเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อย “แต่ก็ดีไปอย่าง อยู่ห่างไกลสะอาดสะอ้าน ท่านแม่ข้าชอบแบบนั้น แต่ว่า แต่…”
เมื่อนางพูดถึงตรงนี้ก็อดอยากร้องไห้ออกมาไม่ได้ “ชิงลั่ว ท่านแม่ข้าจะเป็นอะไรไหม อยู่ ๆ นางป่วยแบบนี้ เพราะที่พักสกปรกหรอกหรือ”
“อย่าเพิ่งคิดแบบนั้นเลย ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะไปตรวจดูให้ก่อน”
“อืม”
เย่หว่านเยียนพยักหน้า ทั้งคู่พูดคุยกันระหว่างเดินลัดป่าไผ่เล็ก ๆ ในที่สุดก็มาหยุดหน้าห้องสุดปีกอาคารทางใต้ของวัด
ไม่ทันได้เข้าไปเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดด้านในก็ดังลอดออกมาจาง ๆ
เย่หว่านเยียนปล่อยมืออวี้ชิงลั่วทันที นางวิ่งพรวดพราดเข้าไป ทันทีที่ไปถึงเตียงก็เห็นสภาพน่าสงสารของพระมารดา อารมณ์ที่อดกลั้นมานานพรั่งพรู น้ำตาที่เอ่อคลอไหลพรากออกมา
“หมู่เฟย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ต้องห่วงนะ ชิงลั่วอยู่ที่นี่แล้ว นางเชี่ยวชาญการแพทย์มาก ต้องรักษาท่านได้แน่”
อวี้ชิงลั่วรีบก้าวเข้าไป ภาพสตรีนางหนึ่งนอนบนเตียงด้วยท่าทางเจ็บปวดปรากฏสู่สายตา
นางขมวดคิ้วขณะก้าวไปจับชีพจรให้ ตรวจปลายลิ้น หลังจากนั้นจึงสั่งให้เย่หว่านเยียนไปนำอ่างน้ำมา
ไม่มีใครอยู่ที่นี่ พวกนางต้องลงมือทำกันเอง
เย่หว่านเยียนค้างไปขณะหนึ่ง ก่อนรีบไปคว้าอ่างน้ำบนชั้นมาให้
อวี้ชิงลั่วพยุงคนป่วยนั่งลงกับพื้น ก่อนลูบหลังให้เฉินเฟยอาเจียนออกมา
เฉินเฟยที่หน้าซีดเซียวอาเจียนปริมาณมากออกมาเสียงดัง พระธิดาที่อยู่ด้านข้างถึงกับผงะแทบเผลอก้าวถอย แววตาเบิกกว้างและถามขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“อวี้ อวี้ชิงลั่ว ท่านแม่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง นางเป็นอะไรไป”
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้าขณะมองเฉินเฟยอาเจียนออกมาอีกครั้ง นางบอกเสียงเบา “อาหารเป็นพิษน่ะ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ไปเทน้ำจากกามาให้แม่เจ้าเสีย”
เย่หว่านเยียนพยักหน้าแม้ไม่เข้าใจ นางรีบไปรินน้ำจากกามาป้อนให้โดยให้มารดาพิงตัวตนเองไว้
และเหมือนนึกได้หลังจากนั้น “อาหารเป็นพิษหรือ ไม่ร้ายแรงหรือ อวี้ชิงลั่ว เจ้ามียาแก้หรือไม่”
อวี้ชิงลั่วงุนงงเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง มีพิษหลายชนิด เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอก เดี๋ยวเฉินเฟยก็จะหายดีเอง”
เมื่อได้ยินคำยืนกรานของอีกฝ่าย นางก็พยักหน้าและถอนหายใจโล่งอก
เฉินเฟยดื่มน้ำไปหลายแก้วจนรู้สึกแน่นท้อง นางผลักพระธิดาออกพลางส่ายหน้าปฏิเสธ
เย่หว่านเยียนเห็นแบบนี้จึงนำกาน้ำไปเก็บ
“ใช้น้ำชำระล้างต่อไป อย่าเพิ่งหยุด” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยปรามเมื่ออีกคนลุกขึ้น
เย่หว่านเยียนชะงักแต่ไม่กล้าทักท้วง ต่อให้พระมารดาไม่อาจดื่มน้ำไหวอีกนางก็ยังคอยป้อนต่อไป ถึงอย่างไรอวี้ชิงลั่วก็เป็นหมอ คงไม่มีเรื่องเสียหายแน่ แม้พระมารดาจะทรมานมากก็ตาม
“อวี้ชิงลั่ว เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดหมู่เฟยถึงได้อาหารเป็นพิษ”
อวี้ชิงลั่วเม้มปากพลางเหลือบมองกองอาเจียนของเฉินเฟย ก่อนบอกเสียงเข้ม “ข้าเกรงว่าคงไปทานของแสลงมา”
“อะไรนะ ของแสลงหรือ” เฉินเฟยอ้าปากเอ่ยถามเสียงอ่อนแรง “ข้าไม่ได้กินสิ่งใดผิดแปลกเข้าไปเลย”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ใครแอบใส่ยาสั่งหรือยาอะไรให้เฉินเฟยกินหรือเปล่านี่
ไหหม่า(海馬)