ตอนที่ 671 คิดเข้าข้างตัวเอง
ตอนที่ 671 คิดเข้าข้างตัวเอง
เย่ซิวตู๋ฟังถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะคว่ำปาก
มีฝีมือการแพทย์ หน้าตาสะสวย ทั้งยังฉลาด มีความสามารถ ชื่อลั่วลั่ว มีลูกชาย
คนที่หมอเฒ่าฉยงซานพูดถึงนี้ คือชิงเอ๋อร์ของเขาสินะ
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสายตาของเขาและหมอเฒ่าฉยงซานจะตรงกันเพียงนี้
แต่ว่า…
สีหน้าของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงซีดไป ขัดจังหวะคำพูดเขา กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “พูดอะไรของเจ้า? มีลูกชายหรือ? นี่เจ้าหาสตรีมีลูกแล้วมาให้ลูกศิษย์ข้าอย่างนั้นหรือ”
หมอเฒ่าฉยงซานอึ้งงัน เพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองปากไวเกินไปแล้ว
แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วก็คงคืนคำไม่ได้ เขาเชิดคางขึ้นทันที กล่าวฮึดฮัด “มีลูกแล้วอย่างไร เด็กคนนั้นฉลาดมากนัก ทั้งยังหน้าตาหล่อเหลา ลั่วลั่วก็เหมือนซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ซิวตู๋ตามีแวว จะต้องชอบลั่วลั่วเป็นแน่ และเขาก็ไม่มีทางสนใจเรื่องพรรค์นี้หรอก”
“เฮอะ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงโกรธมากในครั้งนี้ “หญิงมีลูกแล้วเพียงคนหนึ่ง หากไม่ใช่ว่าสามีตายก็คงไม่รู้จักสำรวมตน ซิวเอ๋อร์เป็นคนอย่างไร คนระดับอย่างเขา แม้จะไม่ได้หญิงงามชั้นสูง อย่างน้อยก็ต้องได้แต่งกับหญิงงามจากตระกูลเล็กๆ จะมาครองคู่กับสตรีที่มีลูกแล้วได้อย่างไร คิดอะไรของเจ้า ฝันไปเถอะ”
เย่ซิวตู๋มุ่นคิ้ว เขาไม่พอใจจริงๆ ที่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงกล่าวว่าชิงเอ๋อร์ไม่รู้จักสำรวมตน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้แน่ชัดก็ตาม
หมอเฒ่าฉยงซานโกรธจัด “ข้าจะฝันไปได้อย่างไร ข้าจะบอกให้นะ เจ้ามันคนคร่ำครึ ขอเพียงลั่วลั่วเป็นคนดี จะสนสถานะของนางทำไมกัน หญิงสาวสูงศักดิ์มีดีอย่างไร พวกจอมปลอม ต่อสู้ชิงดีชิงเด่น ทำให้จวนวุ่นวายเสียจนคนเขาขยาด นี่ๆๆ ดูอย่างเจ้าสิ จวนเจ้าเคยสงบด้วยหรือ”
เย่ซิวตู๋ประหลาดใจยิ่งนัก คำพูดของหมอเฒ่าฉยงซานผู้นี้ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าพูดความคิดเช่นเขาออกมาแน่
ไม่สิ ความคิดเหล่านั้นของชิงเอ๋อร์ บางครั้งก็คล้ายคลึงกับเขาเช่นกัน
หรือเป็นเพราะเดินทางไปทั่ว ได้เห็นโลกภายนอกมามากอย่างนั้นหรือ หรือว่าพวกเขาที่เรียกตนว่าเป็นหมอ จะมีความคิดที่คล้ายกันอย่างมากกันนะ
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงรับไม่ได้ รับทฤษฎีไร้สาระของเขาไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะเมื่อนำเรื่องในจวนของตนมาเปรียบเทียบ
ใช่ เขาแต่งงานกับหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ อีกทั้งการต่อสู้ชิงดีชิงเด่นก็มีมากมาย อุบายก็ยังล้ำลึก ก่อนหน้านี้ยังเคยทำให้ชายาอีกคนของตนต้องตาย เพียงแต่นางตายเพราะคลอดบุตรชาย แต่นางก็ได้สั่งสอนบุตรสาวที่อายุไม่กี่ขวบอย่างลึกซึ้ง
โชคดีที่ตอนนั้นเขาแก้ไขได้ทันเวลา ไม่ปล่อยให้บุตรสาวต้องหลงทาง
แต่นี่ก็เป็นความเจ็บปวดของเขามาหลายปี เจ้าหมอเฒ่าฉยงซานผู้นี้กลับพูดในเรื่องที่ไม่ควร เขาเกลียดอีกฝ่ายมากจริงๆ
หมอเฒ่าฉยงซานเห็นว่าเขาไม่กล่าวอันใด ก็หัวเราะเยาะออกมา “เป็นอย่างไรเล่า ข้าบอกแล้ว ลั่วลั่วของข้าน่ะแข็งแกร่งกว่าหลานสาวของเจ้าที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนตั้งมากโข”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงสูดหายใจลึกๆ ตะโกนเรียกคนจากด้านนอก “พ่อบ้าน ส่งแขก”
หมอเฒ่าฉยงซานถลึงตา “เจ้านี่ช่างไร้เหตุผลนัก”
“เจ้าต่างหากไม่รู้จักกฎเกณฑ์ มาเป็นแขกบ้านคนอื่นเขา ก็ควรทำตัวเป็นแขกสิ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแค่นหัวเราะ เมื่อเห็นพ่อบ้านเขามาก็โบกไม้โบกมือ “ไปเสียๆ จวนข้าไม่ต้อนรับเจ้าอีกแล้ว ไปเสีย”
หมอเฒ่าฉยงซานโกรธเสียจนนิ้วสั่น “ได้… ได้ต่อไปเจ้าไม่ต้องมาอ้อนวอนข้าล่ะ ไม่ต้องมาขอร้องข้าก็แล้วกัน”
เหมิงจื่อเชียนเห็นทั้งสองฝั่งทะเลาะกันก็ลอบถอนหายใจ ตอนที่หันไปมองเย่ซิวตู๋ ก็ยังเห็นเขามีทีท่าสงบนิ่งอยู่ แสดงออกว่าไม่ข้องเกี่ยวด้วย นี่ช่าง… ชวนให้คนเข็ดฟันเสียจริง
เขาเห็นหมอเฒ่าฉยงซานจากไปด้วยความโกรธก็รีบลุกไปส่ง ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร อีกฝ่ายก็เป็นหมอฝีมือดี ทำให้ขุ่นเคืองเข้าคงไม่ดี
ว่านเผิงหลงและเถาเหวินฮั่นพูดอะไรไม่ออก จากนั้นไม่นานก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วคำนับผู้อาวุโสเผ่าเหมิง “อาจารย์ของข้าเป็นคนตรงไปตรงมา ขอท่านผู้อาวุโสอย่าถือสา”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงทำเสียงฮึดฮัด กับหมอเฒ่าฉยงซานเขายังไม่ไว้หน้า นับประสาอะไรกับพวกเขา ส่ายหน้าทันที “เชิญ”
ว่านเผิงหลงถอนหายใจ หันหลังกลับไป จนกระทั่งเดินไปถึงตรงประตูก็เห็นว่าเย่ซิวตู๋ยังคงนั่งดื่มชานิ่งๆ อยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน อดไม่ได้ที่จะโคลงศีรษะ
ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาล้วนกระตือรือร้นกันฝ่ายเดียว คนเขาไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ นายน้อยเย่ผู้นี้อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีคนในใจหรือภรรยาและลูกแล้วก็เป็นได้
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงผู้นั้นและท่านอาจารย์ดูเหมือนจะคิดเข้าข้างตัวเองกันไปเอง
จนกระทั่งพวกว่านเผิงหลงทั้งสองคนเดินไปไกลแล้ว ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงจึงหันหน้ากลับมา ครั้นมองเห็นเย่ซิวตู๋ทำท่าทางราวกับไม่ใช่เรื่องของตน ในใจก็นึกขุ่นเคืองขึ้นมา
แต่เขาก็อดกลั้นเอาไว้ เขามองอีกฝ่ายแวบหนึ่งแล้วกล่าว “ต่อไปเจ้าไม่ต้องไปมาหาสู่กับหมอเฒ่าฉยงซานผู้นั้นอีก เขาผู้นั้นพูดจาไร้สาระ ไม่รู้จักกฎเกณฑ์ ถึงวันหนึ่งพาเจ้าไปเจอปัญหา เจ้านั่นแหละจะลำบาก”
เย่ซิวตู๋ดื่มชาอึกสุดท้ายจนหมด ค่อยๆ วางถ้วยชาลงบนโต๊ะตรงหน้า กล่าวเสียงต่ำ “ท่านอาจารย์ เปลี่ยนชาที่เอาไว้รับแขกเสียหน่อยเถอะ รสชาติธรรมดาจริง”
เขาตะขิดตะขวงใจที่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงกล่าวว่าชิงเอ๋อร์ของเขา ‘ไม่รู้จักสำรวมตน’ ดังนั้นเมื่อพูดจบก็จากไปทันที
ใบหน้าของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงตึงเครียด พูดไม่ออกไปพักใหญ่ จนกระทั่งเสียงของเขาหายไปนอกประตู จึงกัดฟันแล้วตะโกนออกไปตรงประตู “ชาไม่ดี ชาไม่ดีแล้วเจ้ายังดื่มอยู่อีกหรือ ไม่กล่าวอะไรสักอย่าง ตอนอาจารย์ของเจ้าต้องอับอายขายหน้า เจ้ากลับไม่กล่าวอันใดสักคำหรือ ไอ้เจ้าคนไร้ประโยชน์ ทำตระกูลเสื่อมเสีย เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้นะ มาพูดกับข้าให้รู้เรื่อง…”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงยิ่งกล่าวยิ่งคล่องปาก เพียงคิดถึงการแสดงออกอย่างเย็นชาของเย่ซิวตู๋ คำสบถก็พ่นพรูออกมาอย่างหยุดไม่ได้
เย่ซิวตู๋แคะหูตนเอง เร่งฝีเท้ารวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
จนกระทั่งสลัดเสียงของเขาออกไปจนหมด เขาจึงหยุดฝีเท้า มองไปยังเผิงอิงที่รออยู่ไม่ไกล ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “หงเย่ไปแล้วหรือ?”
“ขอรับ ข้าน้อยพานางไปส่งทางฝั่งแม่นางอวี้แล้ว เดิมทีแม่นมเซียวเองก็ต้องการไปด้วย แต่คิดดูแล้วที่นี่คือดินแดนเหมิง จึงกลัวว่าจะไปถ่วงแม่นางอวี้แล้วทำให้นางเสียเรื่อง จึงให้อยู่ที่โรงเตี๊ยมไปขอรับ”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า ชิงเอ๋อร์มีหงเย่อยู่ข้างๆ บางเรื่องก็จะได้จัดการง่ายขึ้นหน่อย
ในด้านความปลอดภัยก็ยังมีเสิ่นอิง ถึงแม้หนานหนานและชิงเอ๋อร์จะมีความสามารถปกป้องตัวเองได้ แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่มีความสามารถนี่
อย่างไรเสีย บนร่างของนางก็มีปานรูปดอกไม้ของเผ่าเหมิง สำหรับชาวเหมิงแล้วเป็นเรื่องใหญ่ ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนใจเรื่องในดินแดนเหมิงมากนัก แต่อย่างไรก็มาที่นี่แล้ว ในเมื่อชิงเอ๋อร์และหนานหนานไม่ยินดีที่จะปล่อยนางไปไม่สนใจ เช่นนั้นก็ช่วยเสียหน่อยเถิด
“ฮัดเช้ย…” เหมิงหลัวอวี้สูดจมูก วันนี้นางดูเหมือนจะจามหลายครั้งแล้ว แปลกจริง
หนานหนานหันหน้ามาถามนาง “เมื่อคืนเจ้าเป็นหวัดหรือ เจ้ารอเดี๋ยวนะ ข้าจะเอายาให้เจ้า”
กล่าวจบ เขาก็ลุกจากเก้าอี้แล้วรีบเปิดประตู
ใครจะคิดว่าเพียงยื่นหน้าออกไปก็เบิกตากว้าง ทันใดนั้นก็ถอยหลังมาสองสามก้าวแล้วปิดประตูดัง ‘ปัง’
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนอื่นเดือดร้อนจนจวนแทบไหม้ แต่คนที่เป็นเป้าหมายกลับดื่มชาสบายใจเฉิบ ถ้าได้รู้ว่าซิวตู๋กับชิงลั่วเป็นของกันและกันและมีลูกแล้วจะทำหน้ากันยังไงเนี่ย
ไหหม่า(海馬)