ตอนที่ 735 ปรากฏว่าเขาเป็นกรรมการ
ตอนที่ 735 ปรากฏว่าเขาเป็นกรรมการ
การแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรสิ้นสุดลงแล้ว เขาควรจะกลับไปที่อาณาจักรจิ้งเหลยไม่ใช่หรือ?
ฟังจากที่เย่ซิวตู๋พูดถึงเรื่องที่เขาถูกลอบสังหารครั้งล่าสุด ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะเหตุผลภายในของอาณาจักรจิ้งเหลย เขาควรจะกลับไปหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แล้วฉีกร่างคนผู้นั้นให้เป็นชิ้น ๆ ไม่ใช่หรือ?
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดซ่างกวนจิ่นถึงมาปรากฏตัวที่เทศกาลชิมสุราของเผ่าเหมิง
สายตาของนางเปลี่ยนไปจับจ้องเย่ซิวตู๋เงียบ ๆ
คนหลังดูเฉยเมยและดื่มชาอย่างไม่แยแส ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งวี่แววของความประหลาดใจ
ดูเหมือนเย่ซิวตู๋จะรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาอยู่ในเผ่าเหมิง และมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยวิธีเช่นนี้
เย่ซิวตู๋รู้ตั้งแต่ตอนที่เขากินอาหารเย็นกับหนานหนานครั้งล่าสุด จากนั้นเขาก็เห็นองครักษ์ส่วนตัวของซ่างกวนจิ่น ในตอนนั้นหนานหนานยังบอกว่าจะสอนบทเรียนให้กับคนที่เขาไม่ชอบอยู่เลย
ในเวลานั้นเขารู้แล้วว่าซ่างกวนจิ่นอยู่ในเผ่าเหมิง
ต่อมาเขาให้คนไปสอบถาม และได้ความว่าเขาเป็นหนึ่งในห้าของกรรมการตัดสินในเทศกาลชิมสุรา
อวี้ชิงลั่วละสายตามองไปทางอื่นช้า ๆ นางมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กับซ่างกวนจิ่นคนนี้เสมอ ไม่ดีและไม่เลว
พฤติกรรมของชายผู้นี้ช่างโหดร้ายและอารมณ์แปรปรวนยิ่งนัก แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นคนมีพิษมีภัย มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
เฮ้อ สิ่งต่าง ๆ ดูเหมือนจะซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย และนางก็รู้สึกปวดหัว
“นั่นคือซ่างกวนจิ่น อุปราชแห่งอาณาจักรจิ้งเหลย ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นกรรมการของงานเทศกาลครั้งนี้ด้วย” หมอเฒ่าฉยงซานที่อยู่ข้างเขาพูดด้วยเสียงเบา เหมือนเป็นการแนะนำอวี้ชิงลั่ว
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก “อ๋อ”
นางรู้ดีอยู่แล้ว
เหมิงเคอยังพูดเสียงเบาตามมาว่า “ที่ท่านพ่อบอกว่าท่านอุปราชไปเยี่ยมคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลลี่ครั้งล่าสุดเป็นเรื่องจริง”
นางพูดเช่นนั้นอย่างแผ่วเบา และจงใจพูดให้อวี้ชิงลั่วได้ยินโดยเฉพาะ ผู้อาวุโสสกุลเยว่นั่งอยู่แถวแรก จึงยังคงมีระยะห่างอยู่บ้าง และนางไม่ได้สนใจว่าคนข้างหลังจะได้ยิน
อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ นางกำลังทำอะไรอยู่? นี่เป็นการบอกนางว่าอุปราชมีความสนิทสนมกับผู้อาวุโสสกุลลี่ และคิดว่าเขาจะอยู่ฝ่ายของนางด้วยงั้นหรือ?
ช่างน่าขันนัก นางยังคงเป็นผู้ช่วยชีวิตของซ่างกวนจิ่น หากไร้ซึ่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เขาจะช่วยนางจัดการผู้มีพระคุณของตนหรือ
และอุปราชแห่งอาณาจักรจิ้งเหลยนั้นยิ่งใหญ่นักหรือ? อย่างไรเสียนางก็ยังคงเป็นองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ และนางก็ยังเป็นสมาชิกของราชวงศ์อยู่ดี
อวี้ชิงลั่วแอบกลอกตา เหมิงเคอช่างไม่รู้อะไรเลยเสียจริง
ทว่าเหมิงหลัวอวี้ที่อยู่ข้างนางกลับรู้สึกประหม่าอีกครั้ง แม้ว่าที่ผ่านมานางจะไม่ได้จากโรงเตี๊ยม แต่นางก็ยังติดตามข่าวเกี่ยวกับคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่เสมอ
โดยเฉพาะเรื่องราวของคนที่มีชื่อเสียงในสี่อาณาจักรเหล่านี้ และนางยังเคยได้ยินมาว่าอุปราชของอาณาจักรจิ้งเหลยเป็นจอมยุทธ์ผู้มีนิสัยแปลก ๆ หากเขาไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับผู้อาวุโสสกุลลี่ มันก็จะยิ่งเป็นอันตรายต่อน้าชิงหรือไม่?
แต่นางเพิ่งเห็นว่าพ่อของหนานหนานอยู่กับผู้อาวุโสสกุลหมิง และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้อาวุโสสกุลหมิงจะไม่ธรรมดา
อวี้ชิงลั่วไม่รู้ว่าเหมิงหลัวอวี้คิดอะไรอยู่ในใจ นางเงยหน้าขึ้นเห็นคนที่สามเป็นชายวัยกลางคนที่ไม่คุ้นเคย เขาดูมีเมตตา ยิ้มและพยักหน้าให้ทุกคน
หมอเฒ่าฉยงซานเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “นั่นคือเหมิงจู๋ซั่ง ประมุขคนก่อนของเผ่าเหมิง จู่ ๆ เขาก็สละตำแหน่งเมื่อห้าปีก่อน”
หากพูดด้วยเหตุผลแล้ว ประมุขของเผ่าเหมิงมักจะดำรงตำแหน่งไปจนกว่าหมดอายุขัย และไม่เคยมีผู้ใดสมัครใจสละราชสมบัติเพื่อหลีกทางให้กับผู้มีคุณธรรม อดีตประมุขของเผ่าคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจ เขาปฏิบัติต่อผู้คนอย่างมีเมตตา และมีบารมีสูงส่งนัก เขาอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสของเผ่า แต่ชื่อเสียงของเขาเป็นรองเพียงผู้อาวุโสสกุลหมิงเท่านั้น
หากเขาไม่สละตำแหน่งอย่างกะทันหัน และบอกว่าเขาต้องการเดินทางท่องไปในโลกกว้าง เขาอาจจะมีบารมีเหนือกว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงก็เป็นได้
อวี้ชิงลั่วค่อนข้างประหลาดใจ “ท่านหมอ ท่านรู้จักคนเยอะนัก”
“เป็นสหาย” หมอเฒ่าฉยงซานตอบง่าย ๆ เมื่อเหมิงจู๋ซั่งเดินทางท่องไปในโลกกว้าง ทั้งสองได้พบกันและมีความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อ เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ได้เจอกันมาสองปีแล้ว ตอนนี้เมื่อมาเจอกันอีกครั้งก็พบว่ารูปร่างหน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าด้วยความเข้าใจ จากนั้นมองไปยังคนที่สี่
ชายคนนั้นดูเย็นชาและเคร่งขรึม และดูไม่ใช่คนที่ควรจะผูกมิตรด้วย
ตอนนี้หมอเฒ่าฉยงซานพูดไม่ออก เขาไม่รู้จักคนผู้นี้
ผู้อาวุโสสกุลเยว่หัวเราะเบา ๆ เมื่อไม่ได้ยินหมอเฒ่าฉยงซานพูด เขาก็เริ่มอธิบายว่า “ชายคนนี้เป็นสหายของท่านประมุข เขาติดสุรายิ่งนัก งานเทศกาลชิมสุราเช่นนี้ย่อมมีเขามาปรากฏตัวอยู่แล้ว”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า จากนั้นมองไปยังคนสุดท้ายที่เดินออกมา แล้วหรี่ตาลง เหตุใดคนผู้นี้ถึงดูคุ้นหน้านัก ราวกับว่านางเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน แต่… นึกไม่ออก
คราวนี้ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่ได้อธิบายต่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาไม่รู้จักคนผู้นี้ หรือเขาไม่ต้องการอธิบาย แต่สายตาของเขามองตามคนผู้นั้นไป
กรรมการทั้งห้ารีบนั่งบนที่นั่งด้วยสีหน้าจริงจัง
เจ้าภาพก้าวออกมากล่าวเล็กน้อย ซึ่งน่าจะเกี่ยวกับกฎและข้อห้ามบางประการของงานเทศกาลชิมสุราครั้งนี้ หลังจากพูดไปสักพักก็ถึงตาของเหมิงลู่ที่จะต้องพูด
“ทุกท่านเดินทางหลายพันลี้มายังเผ่าเหมิงเพื่อเข้าร่วมเทศกาลชิมสุรา ขอบคุณสำหรับความพยายามของทุกคน เทศกาลชิมสุราเป็นประเพณีเก่าแก่หนึ่งศตวรรษของชาวเหมิง ซึ่งชาวเหมิงให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นการแข่งขันในงานจะต้องเข้มงวด ยุติธรรม และโปร่งใสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตราบเท่าที่เป็นร้านสุราที่ยอดเยี่ยม ก็ไม่ยากที่จะผ่านเข้ารอบคัดเลือกและคว้ารางวัลได้ ประมุขขอประกาศว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
ทันทีที่คำพูดของเหมิงลู่จบลง ก็มีเสียง ‘ตึ้ง’ ของฆ้องและกลองดังขึ้น
แก้วหูของอวี้ชิงลั่วสั่นไปชั่วขณะ และมุมปากของนางก็กระตุก
น่าจะแจ้งให้ทราบก่อน นางทนไม่ได้ที่จู่ ๆ ก็ดังสนั่นขึ้นมาเช่นนี้
การแข่งขันในเทศกาลชิมสุราได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว คนแรกที่เข้าร่วมแข่งขันย่อมถูกตัดกำลังแน่นอน แม้ว่าเหมิงลู่จะบอกว่ามันยุติธรรมและโปร่งใส แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ายิ่งเริ่มเข้าใกล้รอบชิงชนะเลิศมากเพียงใด ก็ยิ่งมีโอกาสชนะการแข่งขันมากขึ้นเท่านั้น
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจเรื่องเช่นนี้ หากหนานหนานอยู่ใกล้ ๆ เขาอาจจะยังคงพูดไม่หยุด
นางค่อนข้างเบื่อเล็กน้อย สายตาของนางเปลี่ยนไปจับจ้องร่างของเย่ซิวตู๋ จากนั้นมองไปยังเหมิงลู่แล้วมองไปยังซ่างกวนจิ่น
ดูเหมือนว่าซ่างกวนจิ่นจะรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของนาง เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขณะมองมาทางนางและส่งยิ้มให้
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ไม่มีความประหลาดใจบนใบหน้าของซ่างกวนจิ่น แสดงว่าเขารู้อยู่แล้วว่านางอยู่ในเผ่าเหมิง
ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจของนาง นางจึงไม่มองซ่างกวนจิ่นอีก
เมื่อหันไปอีกทางหนึ่งก็เห็นผู้อาวุโสสกุลลี่ที่อยู่ตรงข้าม
แต่นางพบว่าผู้อาวุโสสกุลลี่ไม่ได้สนใจอาหารบนโต๊ะกลม แต่เขากำลังพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาด้วยเสียงแผ่วเบา
ผู้ใต้บังคับบัญชาพยักหน้าบ่อย ๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ออกไปอย่างเงียบเชียบ
อวี้ชิงลั่วกำมือของตนเบา ๆ ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสสกุลลี่กำลังจะทำเรื่องไม่ดี ขณะที่นางกำลังคิดหาข้ออ้างที่จะตามไป นางก็พบว่าเผิงอิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเย่ซิวตู๋กำลังลุกขึ้นเดินตามเขาไปช้า ๆ
อวี้ชิงลั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปมองเย่ซิวตู๋ที่อยู่อีกฝั่ง
เย่ซิวตู๋แอบพยักหน้าให้อย่างแนบเนียนเพื่อให้นางวางใจ
………………………………………………………………………………