ตอนที่ 750 เจ้าคอยรั้งท้าย
ตอนที่ 750 เจ้าคอยรั้งท้าย
“เจ้ามีแผนอันใดหรือ?” เหมิงลู่ถาม
เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ไป๋อีเฟิงเป็นคนของอาณาจักรเทียนอวี่ อวี้ชิงลั่วเป็นองค์หญิงจากอาณาจักรเทียนอวี่ เช่นนั้นสองคนนี้ก็ต้องอยู่ฝ่ายเดียวกัน
ดูจากการแสดงออกและคำพูดของไป๋อีเฟิงเมื่อก่อนหน้านี้ ก็เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้าไปที่เหมิงเคอ
หากเป็นเช่นนี้แล้ว อวี้ชิงลั่วต้องการจัดการเหมิงเคออย่างนั้นหรือ? นางและเหมิงเคอมีความแค้นอะไรต่อกันเล่า?
เหมิงเคอเป็นชาวดินแดนเหมิง ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ก็ไม่ควรให้คนนอกอย่างอวี้ชิงลั่วมาจัดการ หากเป็นสถานการณ์ปกติ เขาก็คงไม่มีทางร่วมมือกับอวี้ชิงลั่วเพื่อจัดการคนของดินแดนเหมิงเป็นแน่
แต่ครั้งนี้เหมิงเคอได้ทำร้ายเด็กที่บนร่างมีปานรูปดอกไม้อยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ตอนนี้จึงทำได้เพียงทำตามที่อวี้ชิงลั่วจัดการ ดำเนินการไปทีละก้าวเท่านั้น
นอกจากนี้ หากทำตามแผนของอวี้ชิงลั่วในครั้งนี้ หญิงคนนี้ก็จะถือว่าเป็นหนี้บุญคุณเขาแล้ว
ต่อไปหากมีเรื่องอันใดก็จะคุยง่ายหน่อย อย่างเช่น… เรื่องเกี่ยวกับหนานหนาน
สุดท้ายแล้วเหมิงลู่ก็ยังไม่เข้าใจอวี้ชิงลั่ว นี่ถือว่าเป็นน้ำใจหรือ นางไม่ได้กล่าวอะไรทั้งนั้น จะยอมรับได้อย่างไร
“เราไปแอบดูกันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านประมุขชำนาญการต่อสู้ การจะทำให้ผู้อารักขาพวกนั้นสลบไปคงไม่ใช่เรื่องยากใช่ไหมเจ้าคะ” อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว แววตาฉายแววยั่วยุ
เหมิงลู่หรี่ตา “แม่นางชิง เหมิงเคอเป็นคนดินแดนเหมิงของข้า…” เขายังลังเลที่จะแสดงออก ต้องให้อวี้ชิงลั่วยอมรับในน้ำใจที่นี่เลย
แต่ทว่า…
“อ้อ ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เดินผ่านเขาไปตรงหน้าผู้อาวุโสสกุลหมิง กล่าวคำพูดเมื่อครู่ซ้ำอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสกุลหมิงตอบรับโดยไม่กล่าวอันใดทั้งสิ้น “วางใจเถิด ข้ารับรองว่าด้านในจะไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”
เขากล่าวจบก็พยักหน้าให้เหมิงลู่ ราวกับว่าเหมิงลู่เป็นคนสั่งเขาอย่างไรอย่างนั้น ยกเท้าขึ้น ทั้งร่างราวกับเหมือนสายลม พุ่งเข้าใส่ผู้อารักขาสองสามคนตรงหน้าประตูอย่างรวดเร็ว
“…” เหมิงลู่แทบกระอักเลือด อวี้ชิงลั่วผู้นี้เก่งกาจนัก เขาคำนวณเรื่องนี้ไว้ดีแล้ว แต่ผู้อาวุโสสกุลหมิงกลับอยากจะลองดีใช่หรือไม่
ไม่แปลกใจเลยที่นางอยากจะพาผู้อาวุโสสกุลหมิงมาด้วย เห็นได้ชัดว่าวางแผนเอาไว้หมดแล้ว
ผู้อาวุโสสกุลหมิงมีทักษะต่อสู้แข็งแกร่ง การจะทำให้ผู้อารักขาสองสามคนตรงประตูหมดสติ ก็เป็นเพียงเรื่องที่ทำได้ในพริบตา ไม่นานก็สำเร็จ
เพียงครู่เดียวเขาก็ปัดมือ ปรากฏตัวที่หน้าทุกคนอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็ว ไม่ทำให้คนในห้องไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
อวี้ชิงลั่วหันมากล่าวกับคนอื่นๆ “ข้าคิดว่าเรื่องนี้น่าสงสัยนัก ตอนนี้เสี่ยวอวี้อยู่ในเงื้อมมือของคนอื่น ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับชีวิตของนาง เราต้องไปอย่างเงียบๆ เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ดูสถานการณ์ก่อนค่อยเข้าไปช่วยเจ้าค่ะ”
สองสามคนได้แต่มองหน้ากันไปมา ด้วยสถานะเช่นนี้ของพวกเขา ได้ยินหญิงสาววัยเยาว์กล่าวเช่นนี้ก็รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย
แต่ผู้อาวุโสสกุลเยว่และผู้อาวุโสสกุลหมิงที่อยู่ด้านข้างก็รีบพยักหน้า “พวกข้ารู้แล้ว ตอนนี้เด็กคนนั้นสำคัญที่สุด จะให้เกิดเหตุเสียหายไม่ได้เด็ดขาด เรารู้ถึงความเสี่ยงของเรื่องนี้ดี”
แม้แต่ผู้อาวุโสสกุลหมิงก็กล่าวเช่นนี้ เมื่อดูท่าทางของท่านประมุขที่เงียบมาโดยตลอดเหมือนว่าไม่ได้คัดค้านอันใด คนอื่นๆ ก็ยิ่งไม่มีอะไรจะขัด
มุมปากเหมิงลู่กระตุก ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากคัดค้าน ตอนนี้เขากล่าวอะไรไม่ออกแล้ว อวี้ชิงลั่วเรียกประมุขอย่างเขามา แท้จริงแล้วจะทำอะไรกันแน่
เขาเหลือบตาขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นคนคนหนึ่งหลบอยู่ตรงหลังคา และเมื่อมองไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าเป็นหนานหนาน
ในใจของเหมิงลู่ สถานะของหนานหนานนั้นอยู่สูงส่งอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นเหมิงเคอหรือผู้อาวุโสสกุลลี่ ตอนนี้เด็กที่มีปานรูปดอกไม้ทั้งสองคนอยู่ตรงหน้า อาจจะพบกับอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเองก็ไม่กล้าที่จะประมาท ไม่ให้เสียเวลาอีกต่อไป โบกนิ้วมือแล้วให้ทุกคนกลั้นหายใจแล้วเดินไปข้างหน้า
วรยุทธ์ของผู้อาวุโสที่อยู่ที่นี่สูงส่ง ระหว่างการเคลื่อนไหวไม่ส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองไป๋อีเฟิงอย่างเหยียดหยาม โบกมือแล้วบอก “เจ้ารออยู่ตรงนี้ คอยรั้งท้ายไว้”
“ข้า…” ไป๋อีเฟิงชี้ตนเอง จ้องมองอวี้ชิงลั่วอย่างไม่พอใจ วรยุทธ์ของเขาก็สูงส่งนะ ถึงเทียบกับเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าคนที่ไม่มีกำลังภายในอย่างอวี้ชิงลั่วมาก ทั้งยังสามารถซ่อนวรยุทธ์ของตนได้ด้วย
“เช่นนี้มันไม่เกินไปหรือ ไม่อย่างนั้น เรามาประลองกัน ใครแพ้ต้องรั้งท้าย”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วมองเขา เท้าข้างหนึ่งหยุดอยู่ที่พื้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าแน่ใจหรือ… ว่าอยากจะประลองกับข้า เจ้าต้องรู้เอาไว้นะ ว่าหากเจ้าแพ้ อาจจะไม่เหลือแม้แต่ชีวิตก็ได้”
จู่ๆ ไป๋อีเฟิงก็นึกถึงการใช้ทุกวิถีทางของอวี้ชิงลั่วเพื่อให้ได้ชัยชนะ นึกถึงเข็มพิษและยาพิษที่นางพกติดตัวไว้ ในใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง และทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ “ตอนนี้เวลากระชั้นชิด ไม่ประลองดีกว่า ทว่าให้ข้าไปด้วย จะต้องไม่มีใครรู้แน่นอน ท่านไม่ต้องกังวลหรอก”
อวี้ชิงลั่วไม่ชอบเขาเอามากๆ เห็นว่าเหล่าผู้อาวุโสเริ่มก้าวไปข้างหน้าแล้ว นางเองก็ไม่อยากจะมัวชักช้าอยู่กับไป๋อีเฟิงอีกต่อไป กล่าวออกมาในทันที “บนร่างของเจ้ามีกลิ่นเหล้า”
เขาอยู่ในร้านสุรามาตลอดชีวิตและจัดการกับสุรา ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยเพียงไหนก็ไม่อาจปกปิดกลิ่นสุราไว้ได้ หากไป๋อีเฟิงเข้าใกล้ จะต้องเปิดเผยที่อยู่ของพวกเขาอย่างแน่นอน
“…” ไป๋อีเฟิงไม่กล่าวอะไรอีก เขาเม้มปาก ในใจขุ่นเคือง
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายแผนของอวี้ชิงลั่ว เขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม กัดฟันยิ้มให้อวี้ชิงลั่ว ต่อไปจะต้องมีการคิดบัญชีแน่ ไม่เจอกันเสียนาน หญิงผู้นี้ยังน่าเกลียดชังเหมือนเดิม
การเคลื่อนไหวของอวี้ชิงลั่วเบามาก นางตามหลังผู้อาวุโสสกุลหมิงอยู่หนึ่งก้าว เดินตามไปติดๆ
ในห้องนั้นมีผู้อาวุโสสกุลลี่ ที่ทักษะการต่อสู้ไม่ได้ต่ำต้อย นางเป็นเพียงหญิงอ่อนแอ ไม่เหมาะจะอยู่เป็นแนวหน้า หาที่ที่ปลอดภัยเสียหน่อยเพื่อซ่อนตัวจะดีกว่า
เหมิงลู่ผู้นั้นลึกซึ้งเกินคาดเดา ความคิดล้ำลึก ใครจะรู้ว่าเขายังจดจำเรื่องการวางยาครั้งก่อนเอาไว้และหาโอกาสแก้แค้นอยู่หรือไม่ ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะตั้งความหวังไว้กับเขา หลบอยู่หลังผู้อาวุโสสกุลหมิงจึงจะไว้ใจได้หน่อย อย่างไรเขาก็เป็นท่านตาของเย่ซิวตู๋ เป็นท่านตาทวดของหนานหนาน
เมื่อเข้าใกล้ห้องนั้น ผู้อาวุโสสองสามคนจู่ๆ ก็หยุดฝีเท้า
อวี้ชิงลั่วงงงวย แต่ก็หยุดเช่นกัน แต่ผู้อาวุโสสกุลหมิงยังคงเกรงใจนาง หันหน้ากลับมาบอกนางเงียบๆ “ข้างหน้ามีเสียงคนคุยกัน”
หน้าผากของอวี้ชิงลั่วปรากฏรอยย่น เอาเถิด หูของนางไม่ได้ดีเท่าคนพวกนี้ นั่นทำให้นางรู้สึกละอายใจ
เหมือนว่าสองสามคนนั้นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากในห้อง สีหน้าเคร่งขรึมไปอย่างเห็นได้ชัด
อวี้ชิงลั่วเดาว่าพวกเขาน่าจะฟังออก ว่าคนที่กำลังพูดนั้นเป็นใคร
ขณะคิด คนทั้งกลุ่มก็เข้าใกล้ห้องนั้นอีกครั้ง
จนกระทั่งพวกเขาทั้งหมดเข้าใกล้มุมห้อง ทุกคนจึงหยุด เงี่ยหูเข้าไปใกล้เล็กน้อย
ตอนนี้เอง อวี้ชิงลั่วจึงได้ยินอย่างชัดเจน นางนั่งลงยองๆ ในห้องก็มีเสียงตะโกนเสียงหนึ่งดังออกมา “ท่านพ่อ ท่านทำอะไรน่ะเจ้าคะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แผนนี้จะสำเร็จหรือจะผิดแผนกันนะ ตัวแปรเยอะเหลือเกิน
ไหหม่า(海馬)