ตอนที่ 772 คุกเข่า
ตอนที่ 772 คุกเข่า
ทุกคนเงยหน้ามองไปทางต้นเสียง ก็เห็นผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้วยืนอยู่ด้านนอก จ้องมองความวุ่นวายภายในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ซื่อเอ๋อร์รีบเปลี่ยนทิศทาง โค้งคำนับผู้อาวุโสสกุลเยว่อย่างหนัก เอ่ยละล่ำละลัก “ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อย ข้าน้อยเพียงจะช่วยคุณหนูเล็กหวีผมเท่านั้นเจ้าค่ะ คิดไม่ถึงว่า…”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้ว ซื่อเอ๋อร์ผู้นี้เป็นสาวใช้ที่เรือนของเขา ปกติแล้วเป็นคนซื่อสัตย์และรับผิดชอบ จะทำร้ายคนได้อย่างไร
เขาเดินมาหยุดข้างกายอวี้ชิงลั่ว ถามด้วยเสียงเบา “แม่นางถัง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
สายตาของอวี้ชิงลั่วเบนไปทางหนานหนาน เด็กน้อยก้าวไปข้างหน้าเพื่ออธิบายทันที
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ยิ่งฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น ปกติแล้วซื่อเอ๋อร์มักจะเป็นคนเงียบขรึม คิดไม่ถึงว่านางจะช่างเจรจาถึงขั้นประจบสอพลอได้เพียงนี้
ซื่อเอ๋อร์ฟังหนานหนานกล่าวจนจบก็รีบสั่นศีรษะ “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยทำตามคำสั่งท่านผู้อาวุโส นำน้ำแกงมาให้คุณหนูเล็ก จากนั้นเห็นว่าคุณหนูเล็กต้องการจะแต่งตัว ข้าน้อยเห็นว่าเสี่ยวเหลียงไม่อยู่ จึงจะช่วยรับหน้าที่แทน คิดไม่ถึงว่าเมื่อกำลังจะช่วยปักปิ่นให้คุณหนูเล็ก นายน้อย นายน้อยท่านนี้จู่ๆ ก็พุ่งเข้ามา ทั้งยังเตะข้าน้อยออกมาอีก บอกว่า บอกว่าข้าน้อยคิดจะลอบสังหารคุณหนูเล็ก ข้าน้อยถูกใส่ร้ายจริงๆ เจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าตอนที่จะปักปิ่นนั้นข้ายกสูงขึ้นไปก็เท่านั้นเอง”
คำกล่าวนี้ก็มีเหตุผลเช่นกัน อาจจะเป็นไปได้ว่าต่อให้การกระทำของนางดูแปลกไปเล็กน้อย ก็ไม่ได้ถือว่ามีความต้องการจะสังหารเสี่ยวอวี้
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มองซื่อเอ๋อร์อย่างพิจารณาครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาสิ่งใดที่ดูสมเหตุสมผลเพื่อมาลงโทษนางได้ เพียงแต่แม่นางถังเป็นคนฉลาดและระมัดระวัง ไม่น่าจะกล่าวใส่ร้ายผู้อื่นส่งเดชได้
อวี้ชิงลั่วแค่นหัวเราะ เพียงแค่อยากจะช่วยปักปิ่นมุกอย่างนั้นหรือ เพียงแค่ยกมือสูงไปเล็กน้อยเท่านั้นหรือ คิดว่านางและหนานหนานตาบอดหรือไร ยกมือขึ้นด้วยสีหน้าดุร้าย ทั้งยังกำมือแน่นสุดแรงเพียงนั้นน่ะหรือ?
นางมองเหมิงหลัวอวี้แวบหนึ่ง อีกฝ่ายพยักหน้า แสดงออกว่าเชื่อมั่นในตัวท่านน้าชิงมากจริงๆ
นางเองก็คิดว่าซื่อเอ๋อร์ผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เม้มริมฝีปาก เหมิงหลัวอวี้เหลือบตาขึ้นมองซื่อเอ๋อร์ เห็นสีหน้านางโศกเศร้า แววตาของนางจับจ้องไปยังสาวใช้แก่ๆ ที่เดินเข้าประตูตามมาภายหลัง
สาวใช้แก่ผู้นั้นมองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร เห็นได้ชัดว่าเชื่อคำพูดของซื่อเอ๋อร์ ดูท่าปกติแล้วซื่อเอ๋อร์ผู้นี้จะมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่นมากทีเดียว
เหมิงหลัวอวี้เงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เดินไปตรงหน้าผู้อาวุโสสกุลเยว่ กล่าวเสียงเบา “ท่านปู่เจ้าคะ ซื่อเอ๋อร์จะมีความตั้งใจทำร้ายข้าหรือไม่นั้น ไปดูที่ชามน้ำแกงก็เป็นใช้ได้แล้วเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าซื่อเอ๋อร์ได้อย่างชัดเจนเมื่อได้ยินสิ่งนั้น นางค่อยๆ หรี่ตาแล้วยิ้มออกมา
แน่นอน ซื่อเอ๋อร์ผู้นี้เดิมทีคิดจะวางยาในน้ำแกง เพียงแต่เสี่ยวอวี้ไม่ยอมดื่ม ที่เสี่ยวอวี้ต้องการแต่งตัวนั้นเป็นแผนการเฉพาะหน้า และเชื่อว่าที่ซื่อเอ๋อร์คิดจะลอบสังหารนางด้วยปิ่นมุกนั้นเป็นเพียงแผนที่เข้ามากะทันหัน
ดังนั้น หากซื่อเอ๋อร์ต้องการจะทำร้ายเสี่ยวอวี้มาตั้งแต่แรก จะต้องมีวิธีอื่น วิธีที่ทำได้โดยตรงก็คือวางยาในน้ำแกง
เมื่อเห็นว่านางเลือกใช้ปิ่นมุกโดยไม่กลัวว่าจะมีใครจับได้คาหนังคาเขา ก็คงเพราะมีความคิดจะตายไปพร้อมกัน ดังนั้นการวางยาในน้ำแกงจึงเป็นทางลัดที่ดีที่สุด
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองซื่อเอ๋อร์ จากนั้นก็ชักปิ่นเงินออกมาจากมวยผม มองไปยังหยดน้ำแกงเล็กๆ ที่เหลืออยู่ในเศษชามที่แตกไปแล้ว นำปิ่นเงินวางลงไปเพื่อทดสอบ
ในไม่ช้า ปิ่นเงินก็ค่อยๆ ปรากฏรอยสีดำ
อวี้ชิงลั่วหัวเราะออกมา ส่งปิ่นเงินไปตรงหน้าผู้อาวุโสสกุลเยว่ “ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ท่านดูสิเจ้าคะ…”
สีหน้าผู้อาวุโสสกุลเยว่เปลี่ยนไปอย่างมาก มองซื่อเอ๋อร์ด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวดุร้าย “นังทาสชั้นต่ำผู้นี้ยังกล้าหาข้ออ้างอีก น้ำแกงในชามนี้มียาพิษ เป็นชามที่เจ้ายกมาเองกับมือ เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่คิดจะทำร้ายคุณหนูเล็กอีกหรือ?”
“ไม่นะเจ้าคะ ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยไม่รู้ว่าในแกงชามนั้นมียาพิษ จะต้องมีคนใส่ร้ายข้าเป็นแน่ ท่านผู้อาวุโส จะต้องมีคนวางยาในชามน้ำแกงเพื่อใส่ร้ายข้าเป็นแน่เจ้าค่ะ”
“ใส่ร้ายเจ้าหรือ เช่นนั้นที่เจ้ามัดข้า ก็เพราะมีคนบังคับเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ” ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนแรงดังออกมาจากนอกประตู
ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นสาวใช้อายุสิบสามถึงสิบสี่ปี เดินกะเผลกเข้ามาพร้อมเลือดที่หน้าผาก ด้านหลังนางยังมีอูเหมี่ยนเซิงที่สีหน้าเคร่งขรึม
เหมิงหลัวอวี้แปลกใจ “เสี่ยวเหลียง”
เสี่ยวเหลียงคุกเข่าให้นาง รู้สึกละอายใจ “คุณหนูเล็ก ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยไม่ได้ปกป้องคุณหนูเล็กให้ดี ให้คนร้ายหาโอกาสเข้ามาได้”
อูเหมี่ยนเซิงก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง เหลือบมองซื่อเอ๋อร์ กล่าวเสียงดัง “ท่านผู้อาวุโส เสี่ยวเหลียงถูกคนมัดมือและเท้าแล้วขังไว้ในห้องเล็กๆ ข้าผ่านไปแล้วได้ยินเสียง จึงช่วยนางออกมาได้”
“ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยถูกซื่อเอ๋อร์ทำให้หมดสติและจับมัดไว้ ตอนนั้นข้าน้อยกำลังรีบกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าตัดใหม่ของคุณหนูเล็ก บังเอิญพบซื่อเอ๋อร์ระหว่างทาง ถูกนางใช้ก้อนหินทุบหัวแล้วสลบไป หากท่านรองอูไม่ผ่านมา ข้าน้อยอาจจะถูกฆ่าด้วยก็เป็นได้เจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่หรี่ตา ทันใดนั้นก็มองซื่อเอ๋อร์ “เจ้ายังกล้าบอกว่าถูกใส่ร้ายอีกหรือ เข้ามา นำตัวซื่อเอ๋อร์ออกไปแล้วโบยนางให้ตาย”
รูม่านตาซื่อเอ๋อร์หดลง นางรีบลุกจากพื้นโดยไม่สนว่าร่างกายจะยังเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำแกง ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าใส่เหมิงหลัวอวี้ “สมควรตาย เจ้ามันสมควรตาย หากไม่มีเจ้า ฮูหยินน้อยคงจะไม่ลงเอยเช่นนี้ ฮูหยินน้อยเป็นผู้ช่วยชีวิตของข้า ชีวิตนี้ข้าเป็นคนของฮูหยินน้อย นังสารเลว วันนี้ข้าจะตายไปพร้อมกับเจ้า ล้างแค้นให้ฮูหยินน้อย!”
เหมิงหลัวอวี้ตกใจอย่างมาก ถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว
ผู้อาวุโสสกุลเยว่สีหน้าโกรธเกรี้ยว อูเหมี่ยนเซิงไม่กล่าวอันใดแต่ตรงเข้าไปบีบคอนางไว้ เพื่อไม่ให้นางต้องถูกตีจนตาย จึงออกแรงในทันที
ต่อจากนั้นก็เห็นซื่อเอ๋อร์เบิกตากว้าง รูม่านตาขยายแล้วหยุดหายใจ
อูเหมี่ยนเซิงให้คนมานำร่างของซื่อเอ๋อร์ออกไปแล้วโยนลงไปในหลุมฝังศพ จากนั้นก็หันกลับมามองผู้อาวุโสสกุลเยว่ “ท่านผู้อาวุโส ดูท่าในจวนนี้ยังมีอันตรายอยู่อีกมาก เสี่ยวอวี้นั้น…”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มองไปยังเสี่ยวอวี้ด้วยสายตาสงสาร ลูบศีรษะนาง ถอนหายใจแล้วกล่าว “ล้วนเป็นความผิดของข้า หลายปีมานี้ปล่อยให้เหมิงเคอคอยจัดการจวนใหญ่เช่นนี้ คนทั้งจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ ล้วนกลายเป็นคนของนางทั้งหมด เสี่ยวอวี้เพิ่งกลับมาก็ต้องพบเรื่องเช่นนี้อีกแล้ว นี่ช่าง…”
ขณะกล่าว ดวงตาเฉียบคมก็กวาดมองสาวใช้ ณ ที่นั้น พวกนางพากันตกใจและรีบคุกเข่าลง “ท่านผู้อาวุโส พวกข้าน้อยไม่ได้สนิทสนมกับฮูหยินน้อย ปกติก็เพียงทำหน้าที่ของตนให้ดีเท่านั้นเจ้าค่ะ ไม่มีความคิดเช่นเดียวกับซื่อเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย ขอท่านผู้อาวุโสโปรดตรวจสอบด้วยเจ้าค่ะ”
ซื่อเอ๋อร์ต้องการฆ่าคน ตนอยากแก้แค้นก็แล้วไปสิ ตอนนี้กลับมาลากพวกนางลงน้ำไปด้วย หากท่านผู้อาวุโสไร้ปรานี เปลี่ยนคนรับใช้ในจวนทั้งหมด เช่นนั้นพวกนางจะทำอย่างไรเล่า จะมีที่ไหนให้ซุกหัวนอนได้อีก
ตอนนี้มีข่าวแพร่ออกไปถึงเมืองหลวง ใครๆ ก็รู้ว่าคนรับใช้ที่ถูกไล่ออกจากจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่สองสามวันมานี้ล้วนเป็นคนรับใช้ชั่วร้ายที่ไม่ให้เกียรติคุณหนูเล็ก จะมีจวนเศรษฐีที่ไหนต้องการพวกนางอีกเล่า
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่ได้กล่าวอันใด คนพวกนี้เป็นอย่างไร ยังต้องคอยดูให้ดีอีกครั้ง
เหมิงหลัวอวี้เม้มปาก เมื่อครู่ซื่อเอ๋อร์พุ่งเข้าหาตน นางยังตระหนกอยู่ ตอนนี้ซื่อเอ๋อร์ตายไปแล้ว ในห้องก็ยังมีคนที่นางเชื่อใจอย่างท่านน้าชิงและหนานหนาน
แววตาของนางแน่วแน่ในทันที รีบคุกเข่าลงเสียงดังปึกต่อหน้าผู้อาวุโสสกุลเยว่
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชัดเจนเลยว่าเป็นสมุนนังเหมิงเคอ ต้องกำจัดให้หมดสิ้น เสี่ยวอวี้จะได้ไม่มีอันตราย
ไหหม่า(海馬)