ตอนที่ 957 เจ้าเป็นบ้าอะไร
ตอนที่ 957 เจ้าเป็นบ้าอะไร
อวี้ชิงลั่วและเย่หลานเฉิงก็ได้ยินความเคลื่อนไหวทางด้านนี้ รีบเดินไปสองสามก้าว มองไปยังเด็กที่ถูกหนานหนานหยิก สีหน้าก็เปลี่ยนไป
นี่มันอะไรกัน นี่คิดจะแต่งตัวเป็นขอทานน้อยเพื่อสัมผัสความลำบากของประชาชนหรือ?
หลังจากหนานหนานปล่อยมือของขอทานน้อยแล้ว เขาก็มองซ้ายขวา ท่าทางประหม่าอย่างมาก “หนานหนาน เราเข้าไปกันเถิด รีบเข้าไป ข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่านอาห้า เร็วเข้าๆ”
ด้วยท่าทางประหม่าของเขา หนานหนานเองก็งุนงงไปด้วย มองไปยังท่านแม่ของตนแวบหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า นำเด็กสามคนเข้าจวนไปด้วยกัน
ขอทานน้อยกลืนน้ำลายอย่างแรง ยังคงมีท่าทางประหม่าและหวาดกลัวอย่างมาก จับมือของหนานหนานเอาไว้แน่น มองซ้ายมองขวา เดินเข้าประตูใหญ่ตามหลังเขาไป แทบจะล้มลงไปข้างหน้า
หนานหนานกระตุกมุมปากครั้งหนึ่ง มือถูกเขาจับเอาไว้ รู้สึกเปียกและสกปรกมาก อยากจะสะบัดทิ้งอย่างรังเกียจ
แต่เห็นท่าทางของเขาแล้ว เหมือนกับว่าถ้าเขาทำท่าสะบัดมือทิ้ง อีกฝ่ายจะต้องร้องไห้ออกมาเป็นแน่
เขาบอกตนเองอย่างเงียบๆ เอาเถิด เขาโตแล้วรู้จักพิจารณา อย่าลดตัวลงไปเป็นเหมือนเขาเลย
เย่หลานเฉิงเม้มปาก นิ่งเงียบไปตลอดทาง จับมืออวี้ชิงลั่วมองขอทานน้อยอย่างระแวดระวัง
จนกระทั่งพวกเขาเข้าไปในเรือนของอวี้ชิงลั่ว อวี้ชิงลั่วก็ปิดประตูห้อง
จากนั้นหนานหนานก็สะบัดมือขอทานน้อยออกในทันใด กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เย่หลานเวย เจ้าเป็นบ้าอะไรกัน? เหตุใดต้องแต่งตัวเป็นขอทานน้อยด้วย หรือว่าเจ้าคิดจะทำเรื่องไม่ดีเพื่อจัดการข้าและเสี่ยวเฉิงเฉิงอีกแล้วหรือ ข้าจะบอกให้นะ วันนี้เจ้าเข้ามาในตำหนักท่านอ๋องซิวแล้ว หากคิดทำเรื่องชั่วร้าย ก็อย่าหวังจะได้ออกไปเลย”
เย่หลานเวยน้ำตาไหลพรากลงมาทันที รีบเดินไปจับมือหนานหนานอีกครั้ง กล่าวพลางร้องไห้ “เปล่านะ ข้าไม่ได้ทำเรื่องไม่ดี ฮือๆ ข้ากลัวเหลือเกิน หนานหนาน ข้ากลัวเหลือเกิน”
หนานหนานสั่นสะท้านไปทั้งตัว มองเย่หลานเวยอย่างสงสัย เขาเป็นอะไรไป?
เขาชะงักไป จากนั้นก็ถามอย่างสงสัย “เจ้ากลัวอะไรกัน?” อย่าทำเหมือนตนเป็นสามีของเขาสิ ใช้สายตาโหยหามองตนเช่นนั้น มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
อวี้ชิงลั่วที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ มองอย่างเย็นชาอยู่ครู่หนึ่ง คิดถึงข่าวที่เย่ซิวตู๋ได้รับ ว่ากันว่าองค์ชายสามและองค์ชายสี่ล้วนไปเข้าร่วมฝ่ายเดียวกับองค์ชายเจ็ดแล้ว กับเย่หลานเวยที่เห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์กับศัตรูแล้ว นางก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ประมาณหนึ่ง
เพียงแต่มองดูท่าทางเช่นนั้นของเขา อีกทั้งการแต่งกายเช่นนี้ หรือว่า… จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นแล้ว?
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ ไปที่อ่างข้างๆ แล้วแช่ผ้าเช็ดหน้า ดึงเย่หลานเวยมาแล้วเช็ดหน้าให้เขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เอ่ยถาม “เจ้าอย่ากลัวไปเลย ค่อยๆ พูด เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
“แม่นม… แม่นมตายแล้ว พวกเขาฆ่าแม่นมของข้า ทั้งยังคิดจะฆ่าแม่ของข้าด้วย มีแต่เลือดเต็มไปหมด ช่างน่ากลัวนักขอรับ” เย่หลานเวยกล่าวเป็นช่วงๆ เห็นท่าทางอ่อนโยนของอวี้ชิงลั่วก็เหมือนว่าได้พบบุคคลที่เป็นเสาหลักสำคัญ รีบจับมือของนางเอาไว้พร้อมน้ำมูกน้ำตาบนใบหน้า ท่าทางน่าสงสารอย่างมาก
หนานหนานและเย่หลานเฉิงที่อยู่ข้างๆ สบตากันแวบหนึ่ง มีการฆ่ากันหรือ?
มุมปากของอวี้ชิงลั่วเม้มตึง ลดเสียงลงต่ำแล้วเอ่ยถาม “ใครฆ่าแม่นมของเจ้า?”
“คนของท่านอาเจ็ดของรับ ทหารองครักษ์ของท่านอาเจ็ด” เย่หลานเวยตัวสั่นอย่างแรง ถึงแม้ปกติเขาจะเย่อหยิ่งและชอบออกคำสั่ง แต่เมื่อได้พบเรื่องโหดร้ายของจริงเช่นนี้แล้ว เขากลับหวาดกลัวและรับไม่ไหวเป็นที่สุด
อวี้ชิงลั่วเบิกตากว้างในทันใด เย่ฮ่าวถิงฆ่าแม่นมของเย่หลานเวย ทั้งยังจะฆ่าแม่ของเขาด้วยหรือ ทำไมกัน พวกเขาเป็นพวกเดียวกันไม่ใช่หรือ? หรือว่า… ขัดแย้งกันเสียแล้ว
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าต้องแต่งตัวเป็นขอทานน้อยด้วย ใครให้เจ้ามาที่นี่หรือ?” อวี้ชิงลั่วถามอีกครั้ง
เย่หลานเวยริมฝีปากสั่น จากนั้นก็เช็ดน้ำตา กล่าวเสียงเบา “ท่านพ่อให้ข้ามาขอรับ ท่านพ่อข้าให้ข้ามาบอกท่านอาห้า บอกว่า บอกว่าท่านอาเจ็ดจะฆ่าเสด็จปู่ ให้ข้ามาบอกท่านอาห้า ให้รีบส่งคนไปปกป้องเสด็จปู่ ใช่ ให้รีบส่งคนไป ท่าน ท่านน้าชิง ท่านรีบไปบอกท่านอาห้าเถิดขอรับ ไม่อย่างนั้นเสด็จปู่จะต้องตกอยู่ในอันตราย”
สีหน้าของอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนไปในทันใด เสียงของหนานหนานดังเข้ามาในหู “ที่มือสังหารที่ลอบปลงพระชนม์เสด็จปู่ก็คือคนขององค์ชายเจ็ดนี่เอง ท่านแม่ เสด็จปู่เป็นบิดาของเขาแท้ๆ เหตุใดเขาจึง…”
อวี้ชิงลั่วเปิดปากเล็กน้อย ไม่กล่าวอะไรอยู่พักใหญ่
เย่หลานเวยกลับดันนางอย่างกระวนกระวาย “รีบบอกท่านอาห้าเร็วขอรับ ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันการ ท่านพ่อข้าบอกว่าอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ท่านพ่อบอกว่า บอกว่าถึงแม้เขาจะเป็นคนไม่ดี แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายเสด็จปู่เลย ไม่เคยคิดจะทำเรื่องที่ผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้เลย แต่ว่า แต่ว่าท่านอาเจ็ดจะให้เขากระทำด้วยให้ได้ อาเจ็ดให้คนไปคอยดูท่านแม่ข้า ทั้งยังมีข้า และน้องสาวข้า ยังมีคนอีกมามายที่ตำหนัก ขู่ท่านพ่อของข้า ท่านพ่อของข้าไม่มีทางเลือก ยากเย็นนักกว่าจะหาโอกาสให้ข้าปลอมตัวเป็นขอทานน้อยแล้วรีบมาหาท่านอาห้าได้ ข้า ข้ารอนานมากขอรับ…”
เย่หลานเวยยิ่งกล่าว น้ำเสียงก็ยิ่งเบาลง เขาโตเพียงนี้แล้ว แต่ยังไม่เคยพบเรื่องที่อันตรายถึงชีวิตเช่นนี้มาก่อน
ท่านพ่อบอกว่า หากไม่ระวังเพียงนิด ก็อาจจะไม่เหลือแม้แต่ชีวิต
ไม่เพียงแต่เขาจะต้องตายเท่านั้น แม้แต่ท่านแม่เองก็จะต้องตาย เขากลัวอย่างมาก นั่งรออยู่ด้านนอกตำหนักอ๋องซิวอยู่นาน รู้สึกราวกับว่าท้องฟ้าจะถล่ม
แม่นมตายแล้ว ตายไปต่อหน้าเขา องค์ชายเจ็ดกล่าวว่าหากท่านพ่อไม่เชื่อฟัง คนต่อไปที่จะตายก็คือท่านแม่
ตอนนี้เขาไม่มีแผนอะไรเลย เขารู้ว่าท่านอาห้าเก่งมาก หากเป็นท่านอาห้า จะต้องช่วยแม่ของเขาออกมาได้เป็นแน่ แล้วก็ยังมีหนานหนาน หนานหนานมีวรยุทธ์สูงส่ง เขาทำได้เพียงฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่เขาแล้ว
มือของเขาเริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ถึงหัวใจอันหวาดกลัวของเขา
นางรีบจับมือของเย่หลานเวยเอาไว้อย่างแรง อีกฝ่ายเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา มุมปากเม้มแน่น
“เสด็จปู่ของเจ้าไม่เป็นไรแล้ว เจ้าวางใจเถิด เรื่องนี้พวกเรารู้แล้ว ข้าจะบอกท่านอาห้าของเจ้าให้ เจ้าอย่ากลัวเกินไปเลย รอมาทั้งวันแล้ว ไปกินอะไรเสียก่อนเถิด”
เย่หลานเวยริมฝีปากสั่นเทา ผ่านไปครู่ใหญ่ก็พยักหน้า
แต่ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ยอมออกจากห้องนี้ อวี้ชิงลั่วทำได้เพียงสั่งเยว่ซินให้นำของกินเข้ามาในห้อง
เย่หลานเวยหิวมาทั้งวันแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้มัวแต่ประหม่าและหวาดกลัว จึงไม่รู้สึกว่าท้องว่าง ตอนนี้เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วและหนานหนานล้วนอยู่ที่นี่ก็วางใจ รู้สึกได้ว่าทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง จึงเริ่มกินอย่างตะกละตะกลามในทันที
เขากินด้วยท่าทางจนตรอกอย่างมาก หนานหนานมองดูอยู่ข้างๆ ด้วยความประหลาดใจ “เจ้าทำตัวเป็นขอทานก็ไม่จำเป็นต้องแสดงให้เหมือนเพียงนี้ก็ได้กระมัง”
เย่หลานเวยหน้าแดง การเคลื่อนไหวที่มือก็ช้าลง
เย่หลานเฉิงรินน้ำใส่แก้วให้เขา “ดื่มน้ำเสียก่อนเถิด กินเร็วเกินไปจะไม่ดี”
เย่หลานเวยหันหน้าไปมองเขา หางตายังคงมีน้ำตา อาหารเต็มปาก มองแก้วที่ใส่น้ำอยู่ตรงหน้า ผ่านไปครู่หนึ่งก็กลืนอาหารในปากลงคออย่างสุดแรง ถามเขาเบาๆ “เจ้า เจ้าไม่โทษข้าหรือ?”
“หืม”
“เมื่อก่อนนี้ข้า ข้าทำไม่ดีกับเจ้า รังแกเจ้า ข้าขอโทษ เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ” เขาหลุบตาลงเล็กน้อย ท่าทางน่าสงสาร
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ภัยมาถึงตัวแล้วล่ะสิ ถึงได้กลับตัวกลับใจกะทันหันแบบนี้
ไหหม่า(海馬)