อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 971 แอ่งเลือด

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 971 แอ่งเลือด

ตอนที่ 971 แอ่งเลือด

หลังจากนั้นพักใหญ่ อวี้ชิงลั่วก็ย่อตัวลง มองไปยังบัณฑิตที่อยู่ในระดับเดียวกัน จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจังมาก “เจ้ามาที่นี่เพื่อหาข้อพิสูจน์ว่าท่านอ๋องได้บีบบังคับให้ใต้เท้าอวี๋ตายหรือไม่? และได้ส่งคนไปล้อมตำหนักบรรทมของฝ่าบาทใช่หรือไม่? ดี เช่นนั้นข้าจะบอกให้…ว่าไม่ใช่”

บัณฑิตผู้นั้นผงะ เอ่ยอึกอัก “แต่ แต่ว่า…”

“แต่ว่าอะไร? เจ้ามาหาข้อพิสูจน์ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นข้าก็บอกเจ้าแล้ว” อวี้ชิงลั่วยักไหล่ ยืนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง “หากเจ้ายังมีคำถามอันใดอีก คิดว่าสิ่งที่ข้ากล่าวยังไม่ถูกต้อง เจ้าก็ไปหาข้อพิสูจน์ได้ หลังจากหาหลักฐานได้แล้วก็เอามาตบหน้าข้าเสีย จำไว้ว่าข้าต้องการหลักฐานที่พิสูจน์ว่าท่านอ๋องซิวบีบคั้นให้ใต้เท้าอวี๋ต้องตายและฝ่าบาททรงกริ้ว หากไม่มีอะไรเลย เช่นนั้นทั้งหมดก็เป็นเพียงข่าวลือ เข้าใจหรือไม่?”

บัณฑิตผู้นั้นอ้าปาก ยังคิดจะกล่าวอันใดอีก

อวี้ชิงลั่วกลับหัวเราะเย้ยหยันครั้งหนึ่ง “พวกเจ้าเล่า? พวกเจ้ายังมีคำถามอยากถามอีกหรือไม่? ข้าสามารถตอบได้ทั้งหมด เพียงแต่หากพวกเจ้าได้รับคำตอบแล้วแต่ยังไม่พอใจ ก็สามารถนำหลักฐานหรือคนที่ปล่อยข่าวลือนี้มาเผชิญหน้ากับข้าได้เลย”

ทุกคนจ้องหน้ากัน คำพูดเหล่านี้พวกเขาเพียงแต่ได้ยินมาเท่านั้น จะไปมีหลักฐานได้อย่างไร?

สายตาของอวี้ชิงลั่วมองไปยังใบหน้าของบัณฑิตผู้นั้นอีกครั้ง “เจ้าคงเป็นผู้เข้าสอบราชการในเมืองหลวงกระมัง มีความกระตือรือร้นในการทำสิ่งที่ชอบธรรมเป็นเรื่องดี แต่ในโลกใบนี้นั้น คนที่มีความกระตือรือร้นเช่นนี้จะถูกปลุกปั่นและถูกหลอกใช้ได้ง่าย สถานะของท่านอ๋องซิวในตอนนี้ มีคนมากน้อยเพียงใดที่อิจฉาและต้องการจะทำลายเขา หากเจ้าไม่เคยสืบหาความจริงมาก่อน ก็ไม่มีสิทธิ์จะมากล่าวเช่นนี้ เข้าใจหรือไม่? ต่อไปหากวันไหนสอบติด ได้เป็นข้าราชการ ก็จงจำคำนี้ไว้ ไม่อย่างนั้นในมือของเจ้าจะมีคดีที่วินิจฉัยผิด และต้องมีคนถูกใส่ความอีกมากน้อยเพียงใดก็ไม่อาจรู้ได้”

บัณฑิตผู้นั้นโมโหหน้าดำหน้าแดงเพราะสิ่งที่นางกล่าว ก้มหน้าลงต่ำ ในที่สุดก็ไม่กล่าวอันใดออกมาอีก

จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็กลับเข้าไปในรถม้าอีกครั้ง สั่งโม่เสียน “ไปเถิด”

โม่เสียนยิ้มออกมา ในใจมีความสุขขึ้นมาทันใด “ขอรับ” วิธีการทำสิ่งต่างๆ ของแม่นางอวี้นี้ ดูเหมือนจะชอบทำให้เป็นเรื่องใหญ่เท่าไรยิ่งดี แต่เช่นนี้กลับทำให้ดูเปิดเผยอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ดูมีความลับปิดบังอันใดแล้ว

เพียงแต่อวี๋จั้วหลินตายแล้วจริงๆ หรือ? ฆ่าตัวตายหรือ?

อย่างไรโม่เสียนก็ไม่เชื่อ

รถม้าออกเดินทางอีกครั้ง ชาวบ้านรอบๆ ก็เริ่มถอยออกไปสองด้านอย่างช้าๆ ในที่สุดด้านหน้าก็โล่งแล้ว

อวี้ชิงลั่วเอนกายบนหมอนอย่างเกียจคร้าน โม่เสียนกำลังคิดจะเร่งความเร็ว ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งโผล่ออกมาด้านหน้า ชี้ไปที่รถม้าแล้วตะโกน “เป็นพวกเจ้านั่นแหละ เป็นท่านอ๋องซิวที่บีบคั้นให้ลูกของข้าตาย ฮือๆ ลูกของข้าตายอย่างโหดร้าย เป็นเพราะท่านอ๋องซิวบีบคั้นจนตาย สวรรค์ บุตรชายของข้าทำอะไรผิดหรือ? ชีวิตนี้เขาอุทิศให้กับการรับใช้บ้านเมือง สุดท้ายกลับถูกคนชั่วบีบบังคับจนตาย แล้วต้องจบชีวิตเช่นนี้หรือ จะทำให้คนมากน้อยเพียงใดต้องผิดหวังกัน?”

เพียงอวี้ชิงลั่วได้ยินเสียงที่คุ้นหู เปลือกตาก็กระตุก

กลุ่มคนที่เพิ่งจะแยกย้ายออกไปกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง มองไปยังฮูหยินใหญ่ของตระกูลอวี๋แล้วชี้นิ้ว

อวี้ชิงลั่วเปิดม่านรถในทันที มองไปยังฮูหยินใหญ่ที่นั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ที่พื้น

นางหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา “ฮูหยินใหญ่ บุตรชายของท่านตายแล้วจริงๆ หรือ?”

“ใช่ เป็นเพราะท่านอ๋องซิวบีบบังคับจนตาย” ฮูหยินใหญ่จ้องมองอวี้ชิงลั่วอย่างดุร้าย แววตานั้นเฉียบคมราวกับจะทิ่มแทงนางเสีย

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว “อย่างนั้นหรือ? ใต้เท้าอวี๋ถูกขังอยู่ในคุกหลวงมาโดยตลอด แม้แต่ท่านอ๋องซิวก็ยังไม่รู้ข่าวการตาย แล้วท่านรู้ได้อย่างไรเล่า? ใครบอกท่านหรือ? แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าใต้เท้าอวี๋ถูกคนบีบบังคับจนตายหรือว่าถูกคนลอบสังหาร? อย่างไรใต้เท้าอวี๋ก็เป็นแม่ทัพหนุ่ม คนเกลียดชังย่อมมีไม่น้อย อีกอย่าง หากใต้เท้าอวี๋ตายแล้วจริงๆ เสนาบดีศาลต้าหลี่และกรมราชทัณฑ์จะต้องสืบสวนเรื่องราวนี้เป็นแน่ ฝ่าบาทก็จะต้องแสดงความสนพระทัย แต่นี่ข่าวเรื่องใต้เท้าอวี๋ตาย ทั้งเสนาบดีแห่งศาลต้าหลี่ กรมราชทัณฑ์ รวมไปถึงฝ่าบาทนั้น ล้วนไม่มีใครรู้เลย แล้วเหตุใดฮูหยินใหญ่กลับรู้ดีถึงเพียงนี้เล่า?”

ฮูหยินใหญ่หน้าซีด มองอวี้ชิงลั่วอย่างหวาดกลัว

อวี้ชิงลั่วส่งเสียงเย็นชา “ฮูหยินใหญ่ หากท่านใส่ร้ายท่านอ๋องซิวอีก ท่านจะมีโทษร้ายแรงนะ”

เสนาบดีศาลต้าหลี่และกรมราชทัณฑ์นั้นเป็นคนขององค์ชายหกและเย่ซิวตู๋ หากมีคนต้องการใช้การตายของอวี๋จั้วหลินมาสร้างความวุ่นวาย ก็ขอเพียงคนในกรมราชทัณฑ์บอกว่าอวี๋จั้วหลินยังไม่ตาย ประชาชนเหล่านี้คงวิ่งไปดูที่คุกหลวงเพื่อพิสูจน์ไม่ได้หรอกกระมัง?

อวี้ชิงลั่วขี้เกียจแม้แต่จะมองฮูหยินใหญ่สักชั่วเสี้ยวหนึ่ง ปิดผ้าม่านลง กล่าวกับโม่เสียน “เปลี่ยนเส้นทางแล้วไปได้ หากฮูหยินใหญ่ยังกล้าพูดจาไร้สาระอีก ก็ส่งนางไปอยู่เป็นเพื่อนบุตรชายของนางในคุกเสีย”

ฮูหยินใหญ่ตัวสั่น มองดูรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปไกลทีละนิด แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ใช้เวลาอยู่นานก่อนจะมีคนมานั่งลงตรงหน้านาง พยุงนางขึ้นอย่างระมัดระวัง “ฮูหยิน ลำบากท่านแล้ว”

ฮูหยินใหญ่เช็ดน้ำตา ส่ายหัวเบาๆ “ขอเพียงล้างแค้นให้บุตรชายของข้าได้ ลำบากเช่นนี้เสียหน่อยจะเป็นไรไป?”

ผู้มาเยือนโค้งมุมปากขึ้น แววตามองไปยังรถม้าของอวี้ชิงลั่วที่เลื่อนจากไป รอยยิ้มกว้างขึ้นไปอีก

อวี้ชิงลั่วรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าจู่ๆ หัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้น

นางขมวดคิ้วอย่างรุนแรง กัดริมฝีปากเบาๆ แล้วกล่าวกับโม่เสียน “ไปเร็วอีกหน่อย”

โม่เสียนตะลึง เหตุใดน้ำเสียงของแม่นางอวี้จึงดูผิดปกติเล็กน้อย เขาเองก็ไม่กล้าถามมาก รีบหวดแส้ใส่หลังม้าในทันที

โชคดีที่ถนนเส้นนี้ไม่มีคนมากนัก ถนนกว้างขวาง ไร้สิ่งกีดขวางรถม้าไปตลอดทาง

รถม้าหยุดลงอย่างรวดเร็วที่หน้าประตูใหญ่ของจวนอวี้ พ่อบ้านเห็นนางลงมาก็รีบมาต้อนรับ “คุณหนูใหญ่”

อวี้ชิงลั่วโบกมือ แววตามองไปยังจวนอวี้ เห็นว่าคนรับใช้ในจวนดูเป็นระเบียบเรียบร้อยและเงียบเชียบ ไม่ได้เกิดเรื่องอันใดขึ้น จากนั้นก็ลอบถอนหายใจ หันกลับมาถามพ่อบ้าน “เป่าเอ๋อร์เล่า?”

“นายน้อยอยู่ที่ห้องตำราขอรับ” พ่อบ้านตอบพลางนำอวี้ชิงลั่วเดินไปด้านใน “วันนี้มีคนจากที่ร้านส่งสมุดบัญชีมาให้นายน้อย นายน้อยเลยอยู่ที่ห้องตำราแล้วคุยกับเขาขอรับ”

“อืม” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เดินมุ่งหน้าไปยังห้องตำรา “เป่าเอ๋อร์จะไปอยู่ที่จวนท่านอ๋องซิวกับข้าสองสามวัน พวกข้าสองพี่น้องจะอยู่ด้วยกันอย่างดี เรื่องในจวนนี้ต้องรบกวนพ่อบ้านหน่อยแล้ว”

“คุณหนูใหญ่พูดอะไรกันขอรับ? สองสามเดือนที่คุณหนูใหญ่ไม่อยู่เมืองหลวง นายน้อยคิดถึงคุณหนูใหญ่มากขอรับ ตอนนี้คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว นายน้อยก็ย่อมอยากอยู่กับคุณหนูใหญ่ให้มากขึ้นเป็นธรรมดาขอรับ”

อวี้ชิงลั่วเห็นเขากล่าวอย่างเคารพมาก ปฏิบัติกับอวี้เป่าเอ๋อร์ก็เคารพเป็นอย่างมากเช่นกัน ดูแล้วช่วงหลายเดือนนี้ถึงแม้เป่าเอ๋อร์จะลำบาก แต่ก็ได้รับอะไรมากมาย

ขณะพูดคุย สองสามคนก็เดินมาถึงด้านนอกห้องตำราแล้ว

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว “เหตุใดที่นี่จึงไม่มีคนคอยเฝ้าเล่า?”

พ่อบ้านเองก็มีสีหน้าแปลกใจเช่นกัน “เป็นไปได้อย่างไร? ต้องมีเด็กรับใช้สองคนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องตำราจึงจะถูก ไปไหนเสียแล้วเล่า?”

สีหน้าของอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบเดินไปข้างหน้าแล้วผลักประตูห้องตำราออกทันที

ต่อจากนั้นก็มีกลิ่นเลือดโชยคลุ้งมา ส่วนที่พื้นก็มีแอ่งเลือดสีแดงสด

ที่มุมห้องตำรามีเด็กรับใช้สองคนนอนอยู่ รวมถึงพ่อบ้านหนึ่งคน และอีกคน… เป็นผู้พิทักษ์ทมิฬที่เย่ซิวตู๋ส่งมาคุ้มครองอวี้เป่าเอ๋อร์อย่างลับๆ

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ใครกันนะที่เป็นคนทำงานให้เหมิงกุ้ยเฟย ฝีมือขนาดโค่นคนของท่านอ๋องซิวได้นี่แสดงว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท