ตอนที่ 1052 ไม่ชอบสายตาเช่นนั้น
ตอนที่ 1052 ไม่ชอบสายตาเช่นนั้น
มุมปากของผู้นำหนิงกระตุกสองครั้ง ขณะมองท่าทางมั่นใจของอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋
การขอให้อวี้เฟิงถังเชื่อฟังคำสั่งของเย่ซิวตู๋นั้น… ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ
สุดท้ายเมื่อพูดกันในแง่ของสถานะแล้ว อวี้เฟิงถังถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ โดยพื้นฐานแล้ว หากอวี้เฟิงถังอยู่ข้างฝ่ายใด ฝ่ายนั้นก็จะมีโอกาสชนะมากกว่า
แม้ว่าตอนนี้เขาเลือกจะยืนอยู่ข้างเย่ซิวตู๋ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเชื่อฟังเย่ซิวตู๋ นี่ไม่ได้หมายความว่าเขากลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเย่ซิวตู๋หรอกหรือ?
ผู้นำหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทันได้พูดออกไป เขาก็ได้ยินเย่ซิวตู๋พูดอีกครั้ง “แน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้นำหนิงจะรู้สึกกังวล สุดท้ายเหมิงซินคนทรยศก็เพิ่งถูกกำจัด แต่ยังเหลือลูกสมุนของเขาหลงเหลืออยู่ในอวี้เฟิงถังด้วย ข้าจึงไม่สบายใจหากพวกเขาทุกคนเชื่อฟังข้า เพราะอย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้รู้จักอวี้เฟิงถังดีถึงเพียงนั้น ข้าจึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนของเหมิงซิน ภารกิจเร่งด่วนที่สุดของผู้นำหนิงและผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย คือการสะสางเรื่องภายในก่อน จำนวนคนที่ใช้ได้นั้นมีจำกัด ไม่เช่นนั้นผู้นำหนิงก็หาคนที่ไว้ใจได้สักสองสามคนมาช่วยข้า จึงจะเรียกว่าสมเหตุสมผล”
สมเหตุสมผลอะไร? หมายความว่าอย่างไร?
ผู้นำหนิงขมวดคิ้ว เขาจ้องมองเย่ซิวตู๋ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจยาว แล้วพูดว่า “สิ่งที่ท่านอ๋องซิวพูดก็สมเหตุสมผล ตอนนี้ข้าบาดเจ็บสาหัส จึงยังไม่อาจทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ ส่วนผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายก็ยังต้องแก้ไขปัญหาภายในของอวี้เฟิงถัง จึงยังออกไปไหนไม่ได้ ทว่าอวี้เฟิงถังก็มีคนมีความสามารถมากมาย แม้หลายคนจะหันไปสวามิภักดิ์กับเหมิงซิน แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังภักดีต่ออวี้เฟิงถัง จะมีเพียงสองสามคนได้อย่างไร ท่านอ๋องซิวมีความทะเยอทะยานสูง และมีพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยาก คนที่เชื่อฟังคำสั่งของท่านอ๋องซิวนับว่าได้รับหน้าที่อันใหญ่หลวงแล้ว”
มุมปากของเย่ซิวตู๋โค้งขึ้น ปรากฏเป็นรอยยิ้มอ่อนบนใบหน้า
ผู้นำหนิงรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อเห็นดังนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความขัดแย้งภายในก็เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในขณะนี้ ต้องมีใครสักคนที่สามารถเป็นผู้นำเพื่อเป็นศูนย์รวมใจได้”
เขาพูดจบแล้วก็ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนตะโกน “ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย”
“…” ไม่มีเสียงตอบรับในห้อง ทุกคนหันไปมอง แต่ก็ไม่มีวี่แววของผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายในห้อง
“หนานหนานก็หายไปด้วยเช่นกัน” อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว แต่นางก็ไม่เห็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายและหนานหนาน
นางขมวดคิ้ว จากนั้นมองเย่ซิวตู๋ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
ทันทีที่เดินออกมาจากห้องชั้นใน นางก็เห็นโหวฟางกำลังรีบวิ่งออกไป “ท่าน ท่านผู้นำ ท่าไม่ดีแล้วขอรับ”
ผู้นำหนิงขมวดคิ้วมุ่น เกือบจะลุกขึ้นจากเตียง
เย่ซิวตู๋ที่คอยประคองเขาอยู่ข้าง ๆ บอกให้โหวฟางเข้ามาพูด
โหวฟางสูดลมหายใจ “ท่านผู้นำ ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย… ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายกับซื่อจื่อน้อยอยู่ที่ลานบ้าน… ดูเหมือน ดูเหมือนว่าจะเข้าใจผิดกันขอรับ”
เข้าใจผิดหรือ?
หนานหนานรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด เขายืนอยู่ที่ลานบ้าน รู้สึกตัวสั่นสะท้านอีกครั้งเมื่อผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายมองมาที่เขา อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว จนเท้าเล็ก ๆ เกือบจะชนเข้ากับกระถางต้นไม้ที่อยู่ข้างหลัง เขารีบทรงตัวให้มั่นคง แล้วจ้องเขม็งไปยังผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายตรงหน้าเขา “ท่านหยุดมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นเสียที”
เมื่อถูกมอง เขารู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว ราวกับว่าตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายคนนี้น่ารำคาญเกินไปแล้ว
“สายตาข้าเป็นอย่างไรไม่ทราบ?” ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายยิ้มเย็นขณะมองหนานหนาน
“สายตาของท่านกำลังบอกว่าอยากฆ่าข้าจริง ๆ ท่านต้องการเล่นงานข้า”
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายก้าวไปข้างหน้า “เจ้าเป็นเด็กฉลาดดีนี่”
“ท่าน ท่านอยากจะเล่นงานข้าจริง ๆ ด้วย พวกเราไม่เคยมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกันมาก่อน ปัจจุบันก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน เราเพิ่งพบกันวันนี้เป็นครั้งแรก แล้วข้าไปทำให้ท่านขุ่นเคืองใจตรงไหน?”
เขาเป็นพระอิฐพระปูนหรือ? แม้ว่าเขาจะตัวเล็ก แต่ก็กล้าหาญมากนะ หากชายคนนี้กล้าก้าวเข้ามาอีกครั้ง เขาก็จะเคลื่อนไหว
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายกลับหยุดอยู่กับที่ แล้วมองไปทางด้านหลังของหนานหนาน แล้วสีหน้าเย้ยหยันของเขาก็หายไป กลายเป็นความอ่อนโยนใจดีทันที “ซื่อจื่อน้อย ท่านไม่ควรมาวิ่งเล่นตรงนี้นะขอรับ แม้ว่าลานแห่งนี้จะเล็ก แต่ก็รายล้อมไปด้วยผู้คนจากอวี้เฟิงถัง หากเขาไม่รู้จักท่าน และปฏิบัติต่อท่านในฐานะคนไม่ดีโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเผลอทำร้ายท่านขึ้นมา มันจะแย่นะขอรับ”
เมื่อเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วมาถึง พวกเขาก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนของผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย
ทั้งคู่อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงหนานหนานพูดด้วยความหงุดหงิด “ท่านไม่ต้องมาพูดด้วยน้ำเสียงเสแสร้งเช่นนั้น ข้าได้ยินแล้วขนหัวลุก น่าขยะแขยงยิ่งนัก”
“…” มุมปากของผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายกระตุก แล้วมองไปที่เย่ซิวตู๋อย่างเสียไม่ได้
เย่ซิวตู๋พยักหน้าเล็กน้อยให้กับผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย แต่ก็ไม่ได้ตอบสนองต่อคำพูดของหนานหนาน ทั้งไม่ได้ตำหนิเรื่องความไม่สุภาพ
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋องซิวหารือกับท่านผู้นำเสร็จแล้วหรือขอรับ?”
“แน่นอน ตอนนี้ผู้นำหนิงกำลังมองหาผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายอยู่ เขาคงมีอะไรจะพูดกับผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย ชิงเอ๋อร์กับข้าจะกลับไปก่อน แล้วจะกลับมาหาท่านผู้นำ เพื่อรับคำปรึกษาและติดตามผลในวันอื่น”
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายครุ่นคิด ก่อนพยักหน้าหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “เช่นนั้นกระหม่อมจะไปพบท่านผู้นำก่อน ท่านอ๋องโปรดเสด็จกลับเถิด โหวฟาง ไปส่งท่านอ๋องให้ข้าที”
“ขอรับ” โหวฟางที่อยู่ข้างหลังเขาเดินนำทางไปอย่างรวดเร็ว
หนานหนานหน้ามุ่ย ดูไม่มีความสุข
อวี้ชิงลั่วจับมือเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรตลอดทาง
จนกระทั่งทั้งสามเข้าไปในรถม้า และโหวฟางกลับไปที่ลานบ้านแล้ว หนานหนานก็กลิ้งไปมาในรถม้าอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าไม่ชอบผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายคนนั้นเลย”
“อืม” อวี้ชิงลั่วตอบ แล้วหันไปมองเย่ซิวตู๋ “ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายมองหนานหนานแปลก ๆ?”
“ใช่ ๆๆ” หนานหนานดูเหมือนจะพบคนเข้าข้างแล้ว เขาหยุดกลิ้งไปมาทันที แล้วทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของอวี้ชิงลั่ว “เมื่อผู้พิทักษ์คนนั้นมองมาที่ข้า สายตาของเขาเย็นชา ราวกับว่ากำลังพยายามหาช่องโหว่โจมตีข้าอยู่ ท่านแม่ ข้าจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว”
เย่ซิวตู๋ยกยิ้มและกอดเขา “ก็ได้ ถ้าเจ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมา แค่ไม่ต้องเจอผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายคนนั้นอีก พ่อก็ไม่ชอบสายตาของเขาเหมือนกัน”
“อืม พอลับหลังท่านพ่อท่านแม่ เขาก็เยาะเย้ยข้า พอได้ยินเสียงฝีเท้าท่านพ่อท่านแม่ สีหน้าและน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป ทำราวกับว่าพูดดีกับข้า อันที่จริงเขาก็อายุเท่าไหร่แล้ว ยังจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้อยู่อีก ฮึ่ม เหล่านางสนมในวังของอาณาจักรเทียนอวี่ยังไม่ใช้กลอุบายเช่นนี้เลย”
อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ใช่ ๆๆ เจ้าฉลาดที่สุด”
“นั่นไม่จริงเลย ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ฉลาดเหมือนกัน ถึงได้เข้าใจสิ่งที่ข้าบอกเมื่อครู่นี้ ฮึ่ม ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายคนนั้นคงยังไม่เคยถูกพ่อด่ามาก่อน ไม่อย่างนั้นสีหน้าของเขาคงเหมือนคนท้องผูกแล้ว”
เย่ซิวตู๋ส่ายศีรษะอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะพิงผนังรถม้าและจมอยู่ในห้วงความคิด
หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าก็หยุดอยู่หน้าประตูตำหนักอ๋องซิว
โม่เสียนรีบออกมาอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋อง เผิงอิงฟื้นแล้ว ท่านอ๋องต้องการไปพบหรือไม่…”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายคิดจะทำอะไรหนานหนานเหรอ?
จะจัดการกับเผิงอิงยังไงบ้างน้า
ไหหม่า(海馬)