\ตอนที่ 705 จุดลงทะเบียน (2)
นักข่าวตื่นเต้นอย่างมาก ทำการสัมภาษณ์หลินม่ายทันที
ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ หลินม่ายห่อตัวเองด้วยผ้าพันคอให้เห็นเฉพาะดวงตา
ใครกันที่บอกว่าอากาศหนาวทางภาคเหนือไม่ทำร้ายร่างกาย? ใครที่บอกว่ามีเพียงความหนาวเย็นทางใต้ที่โจมตี?
หลินม่ายอยากเห็นหน้าคนที่พูดคำนี้เหลือหลาย เธอสัญญาว่าจะบีบคอเขาให้ตายทันทีที่ได้เห็น
หลินม่ายสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศที่เปียกชื้นและหนาวเย็นในเจียงเฉิงได้ แต่เธอไม่สามารถทนต่อความแห้งแล้งและหนาวเย็นทางตอนเหนือได้เลย
หลังจากรับการสัมภาษณ์ประมาณสิบห้านาที เท้าของเธอก็ชาจากความหนาวเย็น
หลินม่ายกระทืบเท้าของเธอเพื่อฟื้นความรู้สึกที่เท้าก่อนจะหมุนตัว
ก่อนสังเกตเห็นว่าท่ามกลางสาวสวยในสนาม มีหญิงสาวสูงมากคนหนึ่งยืนเด่นออกมาจากฝูงชน
ผู้หญิงคนนั้นสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร รูปร่างดีมาก แต่หน้าตาเธอไม่สวยจนเรียกได้ว่าน่าเกลียดด้วยซ้ำ
เธอมีตาเหล่ ใบหน้าเล็กแบน
โชคดีที่ใบหน้าหล่อนไม่ได้บานมาก จมูกยังตรงได้รูปอยู่ ไม่อย่างนั้นหล่อนต้องน่าเกลียดกว่านี้แน่
แต่ผิวของหญิงสาวนั้นแห้งและหยาบกร้าน ทำให้หล่อนดูไม่น่ามอง และรับรู้ได้ทันทีว่าหล่อนมาจากชนบท
เด็กหญิงชนบทคนนั้นผ่านการทดสอบด่านแรก
ทั้งส่วนสูง ลักษณะขา และตัวชี้วัดอื่น ๆ ของหล่อนล้วนผ่านเกณฑ์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ต้องการให้เธอผ่านการทดสอบ
หลินม่ายได้ยินพนักงานคนหนึ่งพูดกับพนักงานอีกคน “ผู้หญิงคนนี้สูงเกินไป น่าเกลียด และมาจากชนบทด้วย ถ้าจะฝึกหล่อนมันคงลำบากเกินไป คัดหล่อนออกไปดีกว่า”
พนักงานอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย
หญิงที่อยู่ด้านหลังขอให้หญิงจากชนบทหลีกทางเพื่อที่พวกเขาจะได้ทำการทดสอบ
หญิงหลายคนเยาะเย้ยหญิงจากชนบทคนนั้นที่ทั้งน่าเกลียดและสูงยาว หล่อนกล้าที่จะเข้าร่วมการแข่งขันนางแบบโดยปราศจากความตระหนักรู้ในตนเองได้อย่างไร?
หญิงสาวชนบทหน้าแดง แต่ยังคงเถียงเจ้าหน้าที่อย่างกล้าหาญ หล่อนผ่านมาได้ทุกด่านแต่กลับไม่เข้ารอบได้อย่างไร?
พนักงานเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างกระวนกระวายเพื่อไล่หล่อนออกไป แต่หญิงสาวชนบทไม่ยอมออกไป
หลินม่ายเดินไปยืนเคียงข้างหญิงสาวจากชนบท
เธอทวนสิ่งที่หญิงสาวในชนบทถามเจ้าหน้าที่อีกครั้ง และถามเจ้าหน้าที่ “หล่อนผ่านเกณฑ์ชี้วัดทั้งหมดแล้ว ทำไมไม่ปล่อยให้หล่อนผ่านเข้ารอบ?”
ไม่มีพนักงานคนใดรู้ว่าหลินม่ายเป็นเจ้าของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
แต่เป็นเพราะเธอแต่งตัวดี จึงไม่มีใครกล้าพูดจาหยาบคาย
พวกเขาแค่บอกว่าใครจะได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้ารอบ อำนาจก็อยู่ในมือของพวกเขา
ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติสามารถถูกกำจัดได้แม้ตัวบ่งชี้ทั้งหมดจะเป็นไปตามมาตรฐานก็ตาม
หลินม่ายได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
เธอมาหาหัวหน้าแผนกฝูและขอให้เขาปลดพนักงานที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบออกตอนนี้
สำหรับหญิงชนบท เนื่องจากตัวชี้วัดทั้งหมดตรงตามมาตรฐาน หล่อนจึงได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้ารอบเป็นธรรมดา
หลินม่ายจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้วจึงหันหลังจากไป
หญิงสาวสบตากับเธอ โค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง และกล่าวขอบคุณด้วยน้ำตาคลอเบ้า
หลินม่ายโบกมือ “ยินดีด้วยนะ หากฉันไม่เข้ามาช่วยเหลือเธอ ฉันคงรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต ต้องขอบคุณความกล้าหาญและจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของเธอ จำไว้ให้ดีว่า แม้คนนับพันจะต่อต้านเธอ แต่เธอต้องยืนหยัดเพื่ออุดมการณ์ของตัวเอง!”
หญิงสาวชนบทพยักหน้า
ขณะหลินม่ายกำลังเฝ้าดูสถานการณ์ ทันใดนั้นเสียงของ ‘เพื่อนร่วมชั้น’ ของหลินม่ายก็ดังขึ้นจากทางด้านซ้ายของเธอ
หลินม่ายหันศีรษะมองและเห็นว่าเป็นตู้เจวียนซึ่งยืนอยู่กับสาวสวยที่กำลังเข้าแถวรอคัดเลือก
หลินม่ายทักทายตู้เจวียนด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะรุ่นพี่ พี่และเพื่อนก็มาสมัครด้วยเหรอคะ?”
ตู้เจวียนพยักหน้าด้วยความลำบากใจ
“เรายืนดูนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์สัมภาษณ์เธออยู่ที่ข้างสนาม ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าห้องเสื้อจิ่นซิ่วเป็นของเธอ!”
หล่อนมองหลินม่ายอย่างมีความหวัง
หลินม่ายเข้าใจความหมายในดวงตาของหล่อนทันที
ตู้เจวียนและเพื่อนของหล่อนอยู่ที่ปลายแถวต้องการใช้สิทธิพิเศษจากหลินม่ายเพื่อให้ตนได้ทำการคัดเลือกก่อน
หลินม่ายและตู้เจวียนไม่ใช่เพื่อนกันด้วยซ้ำ
แต่ถึงแม้จะเป็น เธอก็จะไม่ใช้สิทธิพิเศษของตนเพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกหล่อน
มิฉะนั้นจะเป็นการไม่ยุติธรรมกับผู้เข้าแข่งขันรายอื่นที่มาสมัคร
ผู้คนเข้าแถวกันเป็นเวลานานท่ามกลางพายุหิมะ
หลินม่ายแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายในดวงตาของตู้เจวียนและยิ้มให้หล่อนอย่างสุภาพ ก่อนจะสังเกตการณ์ต่อไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ตู้เจวียนก็รู้สึกผิดหวัง
กงเสวี่ยฉินที่อยู่ข้าง ๆ หน้าด้านกว่าตู้เจวียนมาก และหล่อนเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้ตู้เจวียนอ้อนวอนหลินม่ายในตอนนี้
เมื่อเห็นว่าตู้เจวียนรู้สึกอายที่จะขอให้หลินม่ายใช้สิทธิพิเศษของเธอเพื่อให้ทั้งสองได้รับการคัดเลือกก่อน หล่อนจึงเอ่ย “คุณหลิน ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ? เราขอคัดเลือกก่อนได้ไหม? วันนี้อากาศหนาวมาก!”
หล่อนกล่าวพลางเอามือลูบร่างกายด้วยท่าทางจริงจัง
หลินม่ายหันศีรษะของเธอพลางกล่าว “ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก็หนาวมากเหมือนกัน”
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายไม่เห็นด้วย กงเสวี่ยฉินก็รู้สึกรำคาญมาก
หล่อนมองไปยังตู้เจวียนพลางกล่าว “ไหนเธอบอกว่าหลินม่ายเป็นคนดีไง แล้วนี่อะไร? เราขอให้หล่อนช่วยเพราะอากาศหนาวเกินไป แต่หล่อนกลับปฏิเสธ”
แม้ตู้เจวียนจะผิดหวังที่หลินม่ายไม่ช่วยเหลือพวกหล่อน แต่หล่อนก็รู้ดีกว่าการกระทำของตนไม่เหมาะสม
หล่อนขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ “หลินม่ายทำอย่างนั้นเพื่อความเป็นธรรม ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนหยิ่งยโสและไร้ยางอายขนาดนี้ได้? เอาล่ะ เข้าแถวแล้วรอต่อไปเถอะ”
กงเสวี่ยฉินกระตุกริมฝีปากด้วยความดูถูกเหยียดหยามพลางคิดในใจ ‘งี่เง่า ยึดความยุติธรรมจนตัวเองเสียเปรียบ’
หลินม่ายเดินไปยังห้องทะเบียนเพื่อดูเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผู้เข้าแข่งขันและลงทะเบียน
เธอเห็นหญิงสาวร่างสูง สวย ผิวขาวที่เพิ่งผ่านการคัดเลือกในรอบแรก
หลินม่ายแอบยกนิ้วให้ หล่อนสวยมาก!
เธออ่านประวัติย่อของหญิงสาว พบว่าหล่อนชื่อเหมาเซียงเอ๋อร์จากเมือง H มณฑล H
ไม่แปลกใจที่หล่อนจะเป็นคนผิวขาว สวย และขายาว เพราะหล่อนเป็นสาวจากมณฑล H
เมือง H อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสาว ๆ จะสูงโปร่ง อีกทั้งฤดูหนาวก็ยาวนาน ฤดูร้อนเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ
เมื่อสังเกตการณ์มาจนถึงเที่ยงก็ได้เวลาเดินทางกลับ
หลินม่ายเดินไปที่รถของเธอ
เธอเห็นเหมาเซียงเอ๋อร์พูดคุยกับสาว ๆ หลายคนที่เข้าร่วมการประกวด
สาว ๆ ถามว่าเหมาเซียงเอ๋อร์มาจากไหน
เหมาเซียงเอ๋อร์พูดภาษาจีนกลางด้วยสำเนียงท้องถิ่น “ฉันมาจากเมืองหลวง”
หลังพูดคุยกันเล็กน้อย พวกหล่อนทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปทันที
หล่อนกำลังโกหก คนพูดจีนกลางด้วยสำเนียงนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาจากเมืองหลวง
ในสายตาของหลินม่าย คนที่ไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับบ้านเกิดของตนนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นคนทรยศ
เธอมองไปยังเหมาเซียงเอ๋อร์ด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อถึงเวลาที่เหมาเซียงเอ๋อร์ต้องตรวจสรีระ หล่อนก็สังเกตเห็นว่าหลินม่ายขึ้นรถและออกไปแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อย่าเล่นตุกติกเชียวนะ คัดโหดอยู่เหมือนกันนะ คุณสมบัติด้านร่างกายผ่านแล้วต้องผ่านคุณสมบัติทางจิตใจด้วย
ไหหม่า(海馬)