บทที่ 679 เจ้าหลวง ‘พี่ใหญ่ช่างทรงอำนาจ!’
ต้นหลิวนั้นไร้คู่ต่อกร ขอบเขตที่แท้จริงสูงจนไม่อาจหยั่งถึง
มันไม่ได้จงใจทิ้งพลังเอาไว้ในอาณาจักรอวี้ซวี แต่เพราะมันเดินท่องไปมาในอาณาจักรอวี้ซวีทำให้หลงเหลือร่องรอยไว้ และก็ยังคงไม่เลือนหายแม้ผ่านมานานแล้ว ด้วยร่องรอยที่มันหลงเหลือเอาไว้เหล่านั้นทำให้มันสามารถสัมผัสได้ถึงการรุกรานเข้ามาของสิ่งมีชีวิตพิศวง
“อะไรนะ!”
หลังจากมัจฉาสัตมายาได้ยินต้นหลิวเอ่ยออกมา มันก็ตกใจจนกระโจนออกมาจากบ่อน้ำ
สิ่งมีชีวิตพิศวงกลับมาอีกครั้งหรือ?
มันอดโมโหไม่ได้ ช่างไม่ยอมจบยอมสิ้นเสียจริง!
บนตัวมันมีของที่เปล่งแสงออกมา ตามด้วยเสียงของท่านพ่อดังขึ้น บอกเล่าให้มันฟังว่าเหล่าสิ่งมีชีวิตพิศวงได้กลับมาอีกครั้งแล้ว
มันรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้!”
“ไม่เป็นไร ข้าจัดการเอง จะไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
ต้นหลิวเอ่ยปาก “พวกมันเพิ่งมาถึง ข้าจะส่งพวกเจ้าไปที่นั่นเอง”
หลังจากนั้น ต้นหลิวก็แผ่กิ่งก้านทะลุฟากฟ้า สร้างทางเชื่อมสองอาณาจักรขึ้นมาในพริบตา มัจฉาสัตมายากระโจนขึ้นไปทันใดพร้อมกับร่างที่เปล่งแสง ก่อนจะกลายเป็นเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาคนหนึ่ง
“ไปกันเถิดเหล่าพี่น้อง! ไปเล่นสนุกกัน!”
“ไป ไป ไป!”
เหล่าสมบัติตื่นเต้นกันขึ้นมา ทั้งหม้อ จาน กระบวย กระถาง และเหล่าเครื่องเรือนอื่น ๆ ต่างพากันทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ฝีมือของต้นหลิวนั้นลึกล้ำเกินหยั่งถึง เพียงแค่พริบตาเดียว มันก็ส่งมัจฉาสัตมายาและเหล่าสมบัติไปถึงอาณาจักรอวี้ซวีด้วยความเร็วที่ทำให้คนไม่อยากจะเชื่อ
“พี่ต้นหลิวไร้เทียมทาน เป็นอันดับหนึ่งรองจากคุณชาย!”
ปากของมัจฉาสัตมายาหวานยิ่ง แม้จะเอ่ยประจบประแจง แต่คำพูดเหล่านั้นก็ออกมาจากใจ
ยกเว้นคุณชายแล้ว มันก็ไม่คิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่สามารถเอาชนะพี่ต้นหลิวได้ ภายในใจของมันพี่ต้นหลิวนั้นไร้เทียมทานอย่างถึงที่สุด!
“เอาล่ะ พวกเจ้าไปเล่นเถิด ข้าจะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย”
ต้นหลิวจากไป มันเบื่อหน่ายเกินกว่าจะอยู่ที่นี่ เพียงแค่ทิ้งใบหลิวลงมาส่ง ๆ ก็สามารถกวาดล้างสิ่งมีชีวิตพิศวงทั้งหมดได้แล้ว ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจ
“ไป”
มัจฉาสัตมายากับเหล่าสมบัติออกเดินทาง ก่อนจะมาถึงจุดที่เหล่าสิ่งมีชีวิตพิศวงอยู่อย่างรวดเร็ว
“มากันแล้ว”
เจ้าหลวงผ่อนคลายเป็นอย่างมาก หลังจากเห็นมัจฉาสัตมายากับเหล่าสมบัติแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของมัจฉาสัตมายา มันรู้ดีว่ามัจฉาสัตมายาจะต้องมาอย่างแน่นอน
พวกมันเองก็เพิ่งมาถึงที่นี่ ยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด มัจฉาสัตมายาพร้อมทั้งเหล่าสมบัติก็โผล่ออกมาแล้ว
“นี่ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!”
จ้าวหลานมองเหล่าสมบัติที่ลอยอยู่ ดวงตาของมันเปล่งประกาย ก่อนมามันคิดว่าตนเองประเมินเหล่าสมบัติเอาไว้สูงมากแล้ว แต่หลังจากมันได้เห็นเหล่าสมบัติก็รู้ทันทีว่า ตนเองยังคงประเมินต่ำเกินไปก่อนหน้านี้ สมบัติเหล่านี้เหนือชั้นพิเศษยิ่งกว่าที่มันคิด!
สมบัติเหล่านี้สร้างขึ้นมาจากวัสดุอันใด?
มันมองไม่ออกโดยสิ้นเชิง
แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ วัสดุเหล่านั้นจะต้องหายากและไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ผู้ใดกัน!
ทั้งฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเช่นนี้ ถึงกับใช้วัสดุหายากและไม่ธรรมอย่างถึงที่สุดมาทำเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน สิ่งนี้ทำให้หัวใจของมันแทบหลั่งเลือดออกมา หากวัสดุเหล่านี้ถูกเปลี่ยนนำมาหลอมเป็นอาวุธ ไม่รู้ว่าพลังของมันจะน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นใด!
อย่างน้อยก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเหล่านี้เป็นเท่าตัว!
และเนื่องจากเป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน นั่นหมายความว่าย่อมมีเจ้าของอยู่เบื้องหลัง และเจ้าของสิ่งเหล่านี้ย่อมไม่ธรรมดา ทั้งยังต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแน่นอน
ทว่ามันก็ไม่ได้มีความกังวลใจอยู่แม้แต่น้อย
มันไม่สนว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร ต่อให้แข็งแกร่งก็จะแข็งแกร่งได้สักเพียงใดกันเชียว? เบื้องหลังของมันนั้นคือความพิศวง กระทั่งภพเซียนก็ยังเกรงกลัวไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกมัน จนต้องหนีออกไป!
“เป็นเจ้าอีกแล้ว ไม่คิดกลัวตายบ้างหรือไร?!”
มัจฉาสัตมายาจับจ้องไปทางเจ้าหลวงด้วยประกายตาเย็นชา “เจ้าหนีไปได้ในครั้งก่อน แต่เจ้ายังคิดหรือว่าครั้งนี้จะหนีไปได้?”
“หนี? เหตุใดข้าจึงต้องหนีด้วย?”
เจ้าหลวงส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะพูดต่อ “พี่ใหญ่ของข้ามาแล้ว เหตุใดข้าต้องหนีด้วย คราวนี้เป็นพวกเจ้าที่ต้องเกรงกลัว!”
“พรืด! เจ้านี่น่าสนใจจริง ๆ ครั้งก่อนก็ขุดหลุมใส่พี่ชาย ครั้งนี้เจ้าจะขุดหลุมใส่พี่ใหญ่อีกหรือไม่?”
ถังขยะหัวเราะ กลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาจนเหล่าสมบัติทั้งหมดถอยหนี กลิ่นมันเกินจะทนจริง ๆ!
“เจ้าเก็บกลิ่นไปเสีย!”
“ยังไม่ทันจะสู้กับพวกมัน เจ้ากลับโจมตีพวกเราก่อนเสียแล้ว!”
เหล่าสมบัติจำนวนมากต่างตะโกนใส่ถังขยะ
“ขออภัย ขออภัย ข้าลืมตัวไปหน่อย ข้าจะเก็บคืนมา!”
ถังขยะรีบเก็บกลิ่นกลับไป ก่อนเอ่ยขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า
“โอกกก!”
อีกด้านหนึ่ง เจ้าหลวงที่เพิ่งได้กลิ่นเหม็นเน่ารู้สึกทนไม่ได้จนต้องอาเจียนออกมาทันที มันเคยถูกถังขยะทรมานมาก่อน ทำให้ไม่อาจทนกลิ่นเหม็นเน่าได้อีกแล้ว แม้จะเป็นเพียงกลิ่นเล็กน้อยก็ตาม
“พี่ใหญ่โปรดลงมือแก้แค้นให้ข้าด้วย!”
มันร้องไห้พลางเอ่ยกับจ้าวหลาน
“วางใจได้”
จ้าวหลานเอ่ยกับเจ้าหลวง “ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าย่อมล้างแค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน”
จากนั้นมันก็หันไปมองสิ่งมีชีวิตพิศวงที่มันพามาด้วยแล้วออกคำสั่ง “ไป จัดการพวกมันทั้งหมดให้ข้าเสีย!”
“รับทราบ!”
สิ่งมีชีวิตพิศวงนับไม่ถ้วนเหล่านั้นรับคำสั่ง พวกมันต่างพุ่งไปทางเหล่าสมบัติด้วยความดุดันอย่างพร้อมเพรียง ลมหายใจพิศวงแผ่กระจายไปทั่ว ปิดกั้นดวงตะวันที่อยู่เหนือสวรรค์ทั้งเก้าชั้นขึ้นไป ทำให้ทั้งอาณาจักรอวี้ซวีมืดลง ประหนึ่งวันโลกาวินาศกำลังจะมาเยือน
“มาเลย!”
“ฆ่า!”
เหล่าสมบัติต่างตื่นเต้น หายากที่จะมีโอกาสให้พวกมันได้ลงมือ ส่วนใหญ่แล้วพวกมันทำได้เพียงแต่อยู่ด้านในลานเล็ก ๆ
นครพิศวงของจ้าวหลานนั้นแข็งแกร่งกว่านครพิศวงที่จ้าวตะเข้สร้างขึ้นมา สิ่งมีชีวิตพิศวงที่มันพาด้วยนั้นเหนือชั้นกว่าจ้าวตะเข้ไปไกล
ฝ่ายของจ้าวตะเข้นั้นมีสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำอยู่เพียงไม่กี่ตัว ทว่าจ้าวหลานนั้นมีสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำมากถึงห้าสิบกว่าตัว อีกทั้งพลังต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำเหล่านี้ล้วนแข็งแกร่งกว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวตะเข้
แต่พวกมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับเหล่าสมบัติ
ชามกระเบื้องเคลือบทั้งแปดเปล่งแสง ด้านในมีญาณศาสตราพี่สาวน้องสาวอยู่แปดตน คลื่นแสงกวาดล้างสิ่งมีชีวิตพิศวงจำนวนมากจนหมดสิ้น!
กระทั่งสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำตัวหนึ่งที่อยู่ตรงก็ทนไม่ได้ ถูกกำจัดสลายหายไปอย่างไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย
แผ่นหินปูพื้นทุ่มตัวด้วยความน่ากลัวสะท้านฟ้า ไม่มีสิ่งมีชีวิตพิศวงตนใดสามารถหยุดยั้งมันได้ ต่างถูกกำจัดทิ้งภายในพริบตาเดียว!
ไม้เขี่ยฟืนเองก็มีเปลวเพลิงลุกโชน ทำให้ผู้มองหวาดผวา เพลิงนี้เกรงว่าอาจล้างผลาญได้กระทั่งสวรรค์!
กระบวยไม้ เครื่องมือแกะสลักครบชุดและเหล่าสมบัติอื่น ๆ ก็มีพลังต่อสู้เกินต้านทานได้เช่นนั้น กวาดล้างสิ่งมีชีวิตพิศวงทั้งหมดทิ้งไปในเวลาเพียงชั่วอึดใจ!
“วิถีแห่งความเที่ยงธรรมส่องลงมาบนโลก โปรดเรียกข้าว่าแสงแห่งวิถีความเที่ยงธรรม!”
การโจมตีของจอบเซียนนั้นดุดันน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่า เพียงหนึ่งจอบฟาด สิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำนับสิบตัวก็ถูกสังหารในทันที สสารพิศวงแตกกระจาย!
เมื่อเหล่าสมบัติสำแดงพลัง จ้าวหลานก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด นี่มันบ้าอันใดกัน!? เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเหล่านี้ดุร้ายเป็นอย่างมาก เพียงแค่ชั่วอึดใจกองทัพสิ่งมีชีวิตพิศวงก็ถูกสังหารเป็นชิ้น ๆ หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด!
ในตอนนั้นเอง ใบหน้าของมันก็ซีดเซียวลง ยับย่นเสียจนราวกับสามารถบีบน้ำออกมาได้
บัดซบ!
คำพูดของถังขยะก่อนหน้านี้เหมือนจะถูกต้อง มันถูกขุดหลุมใส่จริง ๆ!
มันไม่มีความมั่นใจเหมือนตอนมาถึงอีกต่อไป ต่อให้เริ่มลงมือสู้กลับ มันก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดการสมบัติเหล่านั้นได้
“ไม่…ไม่ใช่แบบนี้สิ!”
อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของเจ้าหลวงไม่น่าดูเสียยิ่งกว่า มันไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าเหล่าสมบัติจะดุร้ายถึงเพียงนี้ ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีดำห้าสิบกว่าตัว แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตพิศวงขนสีน้ำเงินถูกกวาดล้างไปด้วย
สีน้ำเงินนั้นเป็นสสารพิศวงที่อยู่เหนือยิ่งกว่า พลังของมันนั้นเหนือยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตพิศวงสีดำ สามารถจัดการพลังระดับราชันแห่งเซียนลงได้
ทว่าพลังที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าสมบัติกลับช่างเปราะบาง ถูกสังหารทิ้งในชั่วพริบตา
มันกลัวมากจริง ๆ กลัวจนทั้งร่างสั่นสะท้าน ครั้งนี้มันมาแก้แค้นเสียที่ไหน มันมาเพื่อส่งตัวเองสู่หนทางตายต่างหาก!
จ้าวหลานนั้นแข็งแกร่งที่สุด หยิบยืมพลังพิศวงจนสามารถต่อกรกับขั้นยอดเซียนได้ ทว่าเมื่อดูจากภาพเบื้องหน้าที่สิ่งมีชีวิตพิศวงส่วนใหญ่มลายสิ้นไม่ใช่คู่ต่อกรกับเหล่าสมบัติแล้ว
‘สู้ไม่ค่อยได้ โอกาสชนะมีไม่มาก!’
จ้าวหลานคิดขึ้นมาในใจ เตรียมตัวฉีกความว่างเปล่าหนีไปจากที่นี่
แต่เมี่อมันกำลังจะส่งมือฉีกความว่างเปล่า ก็พบว่ารอบบริเวณนี้ถูกปิดกั้นเอาไว้!
เหล่าสมบัติได้เรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งก่อนแล้ว จึงปิดกั้นความว่างเปล่าทั่วบริเวณเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหลวงและสิ่งมีชีวิตพิศวงหนีไปได้
‘จบสิ้นแล้ว!’
เจ้าหลวงร้องไห้ แม้มันต้องการหนีในตอนนี้ก็ไม่สามารถหลบหนีได้!
ไม่ต้องกล่าวเลยว่ามันรู้สึกเสียใจภายหลังมากเพียงใด หากรู้เร็วกว่านี้ ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้มันก็จะไม่มาด้วย!
ความแข็งแกร่งของพี่ใหญ่ที่มันเชื่อมั่นอย่างไม่ลืมหูลืมหา ต่อหน้าสมบัติเหล่านี้ไม่อาจนับได้ว่าเป็นสิ่งใดเสียด้วยซ้ำ!
‘หากข้ามีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะไม่คิดแก้แค้นอีกแล้ว ข้าจะออกห่างไปเสียให้ไกล!’
มันร่ำไห้เอ่ยออกมาภายในใจ ไม่คิดแก้แค้นอีกต่อไป
ทว่าคิดสิ่งเหล่านี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้มันได้ตายแน่ ไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว
“คิดว่าจะจัดการข้าได้จริง ๆ อย่างนั้นรึ?!”
ในตอนนั้นเอง จ้าวหลานก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงเย็นชา ก่อนจะเรียกกระจกทองแดงบานหนึ่งออกมา บนตัวของมันเต็มไปด้วยพลังพิศวงอันไม่อาจจินตนาการถึงกำลังแล่นพล่านอยู่
“ฆ่า!”
มันกระตุ้นพลังของกระจกทองแดง เตรียมพร้อมจะสู้ฝ่าออกไป
นี่คือสมบัติล้ำค่าที่มันได้รับมาโดยคาดไม่ถึง ยามนั้นมีพลังพิศวงปะทุออกมา ตามด้วยยอดฝีมือผู้หนึ่งที่อาจออกมาจากแดนบรรพโกลาหล ได้เข้ามาสยบพลังพิศวงทั้งหมดเอาไว้
ตอนนั้นเองที่สมบัติพิศวงลอยออกมาด้านนอก
มันได้รับกระจกทองแดงนี้มาโดยบังเอิญ จากที่ศึกษาดูแล้ว กระจกทองแดงนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าของมันได้!
กระจกทองแดงนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ภายใต้การเรียกใช้ด้วยความพยายามอย่างสุดชีวิตของจ้าวหลาน มันก็ระเบิดพลังที่เหนือเกินกว่าจินตนาการออกมา ทำลายการปิดล้อมพื้นที่ของเหล่าสมบัติ!
“พี่ใหญ่ทรงอำนาจยิ่งนัก!”
เจ้าหลวงตอบสนองรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทันทีที่การปิดล้อมรอบบริเวณเปิดออก มันก็หนีออกไปทันที เร็วเสียยิ่งกว่าจ้าวหลานด้วยซ้ำ!
“!!!”
จ้าวหลานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เจ้าหลวงที่แสนน่าตายผู้นี้ เอ่ยคำหนึ่งก็เรียกพี่ใหญ่ อีกคำก็เรียกพี่ใหญ่ ปากหวานประจบเสียยิ่งกว่าผู้ใด ทว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นกลับวิ่งหนีเร็วที่สุด!
“หนีได้เก่งนัก!”
“น่าเสียดาย ปล่อยให้มันหนีไปได้อีกแล้ว!”
เหล่าสมบัติพากันอารมณ์เสีย พวกมันไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายเช่นนี้ พวกมันยังอยากจะ ‘เล่น’ กับเจ้าหลวง!
จ้าวหลานน่าเวทนาอย่างมาก แม้มันเองก็สามารถตอบสนองอย่างรวดเร็ว ลงมือฉีกความว่างเปล่าในทันที แต่ก็ยังคงช้าเกินไป!
พลังของเหล่าสมบัติพุ่งเข้ามาในพริบตา จับกุมตัวมันเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถหนีไปได้แม้ต้องการ!
“นี่มันบ้าอันใดกัน!”
มันสบถสาปแช่งครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต้องกล่าวเลยว่าความเกลียดชังที่มีต่อเจ้าหลวงมากมายเพียงใด
ถ้ามันยังมีโอกาสได้พบเจ้าหลวงอีกครั้ง มันจะต้องฉีกเจ้าหลวงออกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน!
เจ้าหลวงฉกฉวยโอกาสหลบหนีของมันไป!