เสียสติแล้ว!
หลินเยวียนเสียสติแล้ว!
ผู้ชมเสียสติแล้ว!
ชาวเน็ตก็เสียสติแล้ว!
เวทีนี้ระเบิดแล้ว!
เมื่อเพลงนี้จบลง ประหนึ่งเกิดระเบิดนิวเคลียร์ทำลายล้าง ก่อนหน้านี้ผู้ชมในห้องส่งและผู้ชมหน้าจอนับไม่ถ้วนเคยตะโกนชื่อเทพีแห่งการล้างแค้น ทว่าในเวลานี้ความบ้าคลั่งกลับทบทวีเป็นเท่าตัวแสดงออกผ่านเสียงตะโกนและกรีดร้องชื่อของหลานหลิงอ๋อง เสียงก่นด่า เสียงเชียร์ และเสียงต่อต้านทั้งมวลในห้องส่งล้วนมลายหายไปท่ามกลางความบ้าคลั่ง!
หดหู่…
สับสน…
สิ้นหวัง…
เจ็บปวด…
อันที่จริงเราทุกคนล้วนมีความรู้สึก ทุกคนมีช่วงเวลาแห่งความโกรธ ทุกคนมีวันคืนซึ่งทำได้เพียงฝืนทนและยืนหยัดอย่างเงียบงัน ทุกคนมีค่ำคืนซึ่งไม่อาจข่มตาหลับและสงสัยในตนเอง แต่ในเวลานี้ความรู้สึกของผู้ชมทุกคนล้วนถูกปลดปล่อยเมื่อเสียงกรีดร้องครั้งจนแทบขาดใจในบทเพลงจบลงในท่อนสุดท้าย บนเวทีเช่นนี้ กอปรกับสิ่งที่หลานหลิงอ๋องเผชิญมาตลอดการแข่งขัน พลันได้รับความเห็นใจจากสาธารณชนร่วมกัน
เพลงนี้ทำให้ผู้ที่ได้ฟังล้วนหลั่งน้ำตา !
มาจากก้นบึ้งของจิตใจ!
อย่างแท้จริง!
ซย่าฝานซึ่งอยู่ด้านล่างเวทีกำลังกู่ร้อง ซุนเย่าหั่วเองก็เช่นกัน จ้าวอิ๋งเก้อมองไปยังร่างบนเวทีด้วยแววตาตกตะลึง เธอคิดว่าอีกฝ่ายจะทำให้ทั้งบลูสตาร์เงียบปากทันทีหลังจากถอดหน้ากาก
แต่ว่า
ทำไมต้องถอดหน้ากาก
ถ้าหากทำให้ทุกคนเงียบปากด้วยวิธีถอดหน้ากาก เช่นนั้นจะต่างอะไรกับหยวนซีและแฟนคลับที่เอาแต่เอ็ดอึงต้องการแก้แค้น?
ก็เป็นได้เพียงการแข่งขันว่าใครเหนือกว่าใครอีกครั้ง!
เสียงของใครดังกว่า!
ฉากนั้นคงสร้างความสั่นสะเทือนได้ ทว่าหลานหลิงอ๋องจะหวังให้ผู้คนเบนปลายกระบอกปืนออกไปเพียงเพราะเขาคือเซี่ยนอวี๋น่ะหรือ?
แบบนั้นง่ายเกินไป!
พวกคุณแพ้แล้ว!
แพ้ตั้งแต่ก่อนถอดหน้ากากด้วยซ้ำ!
นี่คือการตอกหน้าของหลานหลิงอ๋อง!
ความแตกต่างของเรื่องนี้อยู่ที่
ไม่ใช่พวกคุณฟังเพลงนี้เพราะหลานหลิงอ๋องคือใคร!
แต่พวกคุณควรฟังเพลงนี้เสียก่อน แล้วค่อนขบคิดดูให้ดีว่าหลานหลิงอ๋องคือใคร!
เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องเกิดขึ้นก่อนถอดหน้ากาก และเมื่อเป็นเช่นนี้ เซี่ยนอวี๋จึงจะไร้ช่องโหว่ให้ถูกโจมตี!
เขาทำได้แล้ว
โน้ตสุดท้ายของบทเพลงนั้นสูงเหลือเกิน สูงจนนักร้องส่วนมากรับมือไม่ไหว!
แต่ทุกคนไม่สนใจความหมายแฝงทางเทคนิคในเสียงสูงนี้อีกต่อไป แต่กลับสนใจอารมณ์ซึ่งอัดแน่นอยู่ในเสียงสูง นั่นคือบทสรุปที่ง่ายที่สุดสำหรับสิ่งที่เขาเผชิญมาโดยตลอดในการแข่งขัน
เสียงหนึ่งร้องเพื่อปลุกใจ!
เสียงหนึ่งร้องจนสะเทือนใจ!
ถ้าหากการร้องเพลงไม่เคยจากไปของหลินเยวียนทำให้จำนวนคอมเมนต์แตะถึงจุดสูงสุด ความรู้สึกซึ่งแทรกซึมอยู่ในบนเพลงก็ทำให้ปริมาณคอมเมนต์บนหน้าจอนั้นท่วมท้นจนบนบังภาพหน้าจอ
ผู้ชมสมองชาวาบ!
‘เพลงอะไรเนี่ย!’
‘ฟังแล้วแทบบ้า!’
‘หลานหลินอ๋องบ้าไปแล้ว!’
‘รู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง!’
‘ท่อนพีคผมนี่น้ำตาไหลเลย นี่ไม่ใช่แค่ความพยายามเบื้องหลังของนักร้องอย่างเดียวที่ไหน คนทั่วไปก็พยายามอย่างหนักวันแล้ววันเล่าเหมือนกัน แต่มีใครเคยสนใจบ้างล่ะ’
‘ขนลุกซู่เลย!’
‘เสียงกรีดร้องในตอนท้ายเหมือนร้องมาจากจิตวิญญาณของฉันจริงๆ ต้องให้หลานหลิงอ๋องเลียนแบบเสียงร้องไห้ของเทพีแห่งการล้างแค้นด้วยเหรอ เสียงร้องไห้คือการแสดงออกของผู้ที่อ่อนแอ เวทีนี้ไม่ได้แข่งขันเรื่องความสะเทือนใจ นักร้องสมัยนี้ทำเหมือนถ้าไม่ร้องไห้ในเพลงของตัวเองสักหน่อยจะไม่มีคนฟัง ใช่แล้วฉันกำลังพูดถึงเทพีแห่งการล้างแค้น มีที่ไหนคนจะแก้แค้นแต่กลับร้องไห้โชว์ ที่คุณประกาศกร้าวว่าจะล้างแค้น ต่อให้แพ้ ฉันก็จะไม่หัวเราะเยาะ แต่คุณร้องเพลงจบแล้วร้องไห้นี่ตีความได้หลายอย่าง จะให้หลานหลิงอ๋องแบกรักคำด่าว่ารังแกผู้หญิงงี้เหรอ? หลังจากหลานหลินอ๋องถอดหน้ากาก ไม่ว่าจะแฟนคลับพวกนั้นจะบุกมายังไงฉันจากทุบให้หมด!’
‘ฟังแล้วได้อารมณ์!’
‘นี่คือเพลงรบที่สมบูรณ์แบบ!’
‘ปกติผมไม่ชอบแสดงความเห็นอะไร แต่ครั้งนี้ทนไม่ไหวแล้ว หลานหลิงอ๋องทำผมทึ่งมาก ตอนดูถ่ายทอดสดกลุ่มผู้สนับสนุนพวกนั้นเหมือนเป็นบ้าไปแล้ว ใครไม่รู้บ้างว่าจ่ายเงินจ้างมาเพื่อแข่งราคา เพลงนี้ร้องแล้วทำให้คนพวกนั้นตระหนักได้!’
ปู้ลั่ว!
บล็อก!
โมเมนต์!
การพูดคุยเกี่ยวกับเพลง ‘เกินจริง’ ปรากฏในทั่วทุกมุมบนโลกออนไลน์!
ส่วนคนที่ยังไม่ชอบหลานหลิงอ๋องพลันหดหัวไปอย่างช่ำชอง!
พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ารอต่อไป!
จนกว่าหลานหลิงอ๋องจะถอดหน้ากาก!
เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะส่งสัญญาณเริ่มโจมตีในทันที!
และช่วงเวลาดังกล่าวก็ใกล้เข้ามาแล้ว!
……
ในขณะนั้น
ในห้องรับรองด้านหลังเวที
หงส์ขาวซึ่งมักมีบุคลิกเย่อหยิ่งอยู่เสมอกล่าวออกมาอย่างจริงใจ
“นี่คือเพลงเดียวที่ฉันไม่มั่นใจว่าจะชนะ เป็นเพลงเดียวที่ฉันไม่กล้าขึ้นไปแข่งบนเวทีกับเขา ไม่ใช่เพราะเทคนิคหรือเนื้อเพลงดี อันที่จริงก็ดีทั้งหมดนั่นแหละ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาใช้ความรู้สึกขับร้องสิ่งที่เผชิญมาตลอดทั้งการแข่งขัน!”
ทันใดนั้นหงส์ขาวก็ฉุกคิดขึ้นได้
เมื่อเธอพบกับหลานหลิงอ๋องก่อนการแข่งขันในวันนี้ คำพูดของอีกฝ่ายนั้นไร้เหตุผลสิ้นดี
ที่แท้ก็มีเค้าลางของเพลงนี้มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ฉันโชคดีมากที่ได้มีส่วนร่วมและเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์เช่นนี้
หากมีโอกาส เธอก็อยากแบ่งปันเรื่องราวเล็กๆ ของการ ‘ไม่สนใจ’ กับโลกภายนอกบ้าง
“ศิลปะ…”
ในห้องรับรองข้างๆ
เอล์ฟเริ่มเอ่ยเสียงเบา
เมื่อกล้องสลับไปในห้องรับรองของมหาราชา มหาราชาไม่ได้พูดอะไร
ไม่รู้ว่าเขาลุกขึ้นยืนตั้งแต่เมื่อไหร่ แววตาจับจ้องไปยังเวทีการแสดงซึ่งฉายผ่านหน้าจอโทรทัศน์บนกำแพง แม้สวมเสื้อผ้าแต่ยังคงสัมผัสได้ว่าขนลุกซู่!
อีกด้านหนึ่ง
ผู้ชมด้านล่างเวทีปรบลุกขึ้นยืนปรบมืออยู่นาน กว่าในห้องส่งจะสงบลงในที่สุด
ระหว่างนั้นเกิดฉากที่น่าสนใจขึ้นอีก
นั่นคืออันหงขึ้นไปบนเวทีและพยายามพูดอยู่หลายครั้ง แต่กลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงปรบมือ
อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่ทำให้เสียงปรบมือสงบลง กลับไม่ใช่เพราะอันหงจงใจควบคุมเวที แต่เป็นเพราะจู่ๆ กล้องก็ฉายไปยังเทพีแห่งการล้างแค้นซึ่งตะลึงงันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เธอทำอะไรไม่ถูก
มือของเธอสั่นเทิ้ม
ชั่วขณะนั้น เธอเองก็เริ่มตกใจกับเพลงนี้ของหลานหลิงอ๋อง
เมื่อหลานหลิงอ๋องร้องเพลงจบ เธอกลับลืมความตกใจไปเสียสนิท ทำได้เพียงยืนอยู่กับที่
เหมือนกับเด็กประถมกำลังเหม่อลอย
ล้างแค้น?
เห็นใจ?
แข่งกันอย่างไร
จะล้างแค้นอย่างไร
ความเห็นใจอยู่ที่ไหน
ถ้าหากในเธอยังไม่ลืมการแสดงของตนเอง ในเวลานี้เธอควรทรุดลงและร้องไห้อีกครั้ง
ทว่าในตอนนี้เธอไม่ได้ตระหนักถึงการแสดง
สีหน้าของเธอภายใต้หน้ากากนั้นนิ่งค้างจนแทบเหมือนกับอิ่นตง
จบแล้ว!
จบสิ้นแล้ว!
สมองซึ่งชะงักงันของเธอพยายามเคลื่อนไหว แต่ทุกเซลล์ในร่างกายกลับบอกเธอว่า
ในการแข่งขันเวทีนี้เธอแพ้ราบคาบแล้ว!
เวทีซึ่งดูคล้ายกับเป็นการล้างแค้นอย่างงดงาม สามารถประกาศความพ่ายแพ้ได้ล่วงหน้าแล้ว!
“ฮู้ว…”
ในที่สุดอันหงก็ผ่อนลมหายใจ
เขาจ้องมองไปยังเทพีแห่งการล้างแค้น ก่อนที่สายตาจะเบนไปยังหลานหลิงอ๋องอย่างเงียบงัน “ที่จริงตอนนี้ผมอยากให้อาจารย์หลานหลิงอ๋องพูดอะไรสักหน่อย คุณมักจะแสดงออกผ่านบทเพลงเสมอ งั้นในครั้งนี้มีอะไรอยากบอกไหมครับ?”
หลินเยวียนส่ายหน้า
อันหงชะงัก ทันใดนั้นจึงคลี่ยิ้ม
“มีความเป็นหลานหลิงอ๋องมากเลยละครับ อย่างนั้นขอเชิญเทพีแห่งการล้างแค้นกลับขึ้นมาบนเวทีของเรา จากนั้นขอเชิญคณะกรรมการตัดสินแสดงความคิดเห็นต่อนักร้องทั้งสองท่านของเราด้วยครับ อาจารย์เจิ้งจิง…”
“เดิมทีฉันไม่อยากแสดงความคิดเห็นหรอก”
เจิ้งจิงเหลือบมองเทพีแห่งการล้างแค้น และมองไปยังหลานหลิงอ๋อง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน “ฉันยอมรับนักร้องที่สูญเสียการควบคุมทางอารมณ์บนเวทีได้ แต่ทุกเรื่องล้วนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพียงแต่การแสดงในวันนี้ ฉันเกลียดพฤติกรรมที่คุณเพิ่มแรงกดดันให้คู่แข่งด้วยเสียงร้องไห้จริงๆ !
เทพีแห่งการล้างแค้นพยายามโต้แย้ง “ฉันคิดว่า…”
เจิ้งจิงเอ่ยตัดบทอย่างไร้ปรานี “คุณคิดว่าอะไรฉันไม่ต้องการ นี่คือสิ่งที่ฉันคิด”
……………………………………………………