[ข้าต้องสงบสติก่อน]ผู้อาวุโสเจ็ดสูดหายใจและตรวจสอบสภาพแวดล้อม
เขาพบว่าการเอาทรายเพชรคืนกลายเป็นเรื่องปวดหัว และเมื่อเขารู้ว่าทั้งสามวิ่งเข้าเขตสอง เขาก็ยืนยันได้
ด้วยประสบการณ์ของเขา เขาสามารถพบพลังบ่มเพาะที่ด้อยกว่าของพวกเขาได้ และด้วยคนที่แข็งแกร่งสุดอย่างผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นเจ็ด มันจึงไม่ต่างอะไรกับการบี้มดแมลง
สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ หนึ่งในนั้นกลับรู้จักค่ายกลเป็นอย่างดี แถมยังมีความคิดเจ้าเล่ห์ ไม่เหมือนท่าทางบุ่มบ่าม
นี่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ ด้วยทั้งสามที่ร่วมมือกันควบคุมค่ายกล เขาไม่มีวันเหนือกว่า
แต่ทว่า เขาคิดถึงบางสิ่งและดวงตาของเขาก็ฉายแววชั่วร้ายออกมา
“เจ้าคือคุณหนูสามของตระกูลเสวี่ย!’
ผู้อาวุโสเจ็ดเมินจั๋วฝานและเปลี่ยนเป้าหมาย สำรวจเสวี่ยหนิงเซียงด้วยรอยยิ้ม”ข้าจำได้ว่าเจอเจ้าตอนห้าปีก่อน เจ้ายังเป็นแค่เด็กอยู่เลยตอนนั้น ตอนนี้เจ้ากลับโตขึ้นเป็นสาวสวยแล้ว”
หัวใจของเสวี่ยหนิงเซียงเต้นกระหน่ำ ลดหัวลงเพื่อหลบสายตาทิ่มแทง
จั๋วฝานตะโกน”ผู้อาวุโสเจ็ด ถ้ามีอะไรจะพูด ก็พูดกับข้า อย่าไปทำให้เด็กกลัว!”
แต่ดวงตาของผู้อาวุโสเจ็ดยังจับจ้องเสวี่ยหนิงเซียง”หนิงเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงต่อต้านข้า?ตระกูลเสวี่ยเป็นบริวารของโหยวหมิงกู่ เรามักดูแลตระกูลเสวี่ยด้วยดีมาตลอด แต่เจ้า…”
ดวงตาของเขาฉายแววจิตสังหารขณะพูด เสวี่ยหนิงเซียงตัวสั่นและไม่สามารถประสานมือต่อได้อีก
จั๋วฝานรู้ว่าผู้อาวุโสเจ็ดกำลังข่มขู่เสวี่ยหนิงเซียงและรีบพูด”โจมตี!’
เขากับเซี่ยเทียนหยางประสานมือ ระเบิดสายฟ้ากับไฟใส่ผู้อาวุโสเจ็ด แต่เสวี่ยหนิงเซียงยังยืนนิ่ง มือของนางสั่นเทา
เซี่ยเทียนหยางคิด[บัดซบ เสวี่ยหนิงเซียงกังวลถึงตระกูลนางและไม่มีกระจิตกระใจจะสู้ โดยปราศจากความช่วยเหลือของลม พลังของเราจะลดลงมาก]
ผู้อาวุโสเจ็ดกำลังเล่นสงครามประสาท คว้าจุดอ่อนของทั้งสาม
ไฟกัลสายฟ้าผสานกันเมื่อมันเข้าใกล้ผู้อาวุโส แต่โซ่ตะขาบของเขาแค่โบกสะบัดและการโจมตีก็สลาย ผู้อาวุโสเจ็ดยังยืนนิ่งในท้องฟ้าขณะที่จั๋วฝานกับเซี่ยเทียนหยางกระอักเลือด
“ฮ่าๆๆๆ!’
ผู้อาวุโสเจ็ดหัวเราะ”หนิงเอ๋อร์ เจ้าเลือกได้ถูกแล้ว พวกหนูสกปรกเหล่านี้จะต้องชดใช้กรรมที่นี่ ส่วนตระกูลเจ้าจะได้อยู่ไปตลอด”
จั๋วฝานมองเสวี่ยหนิงเซียงและเร่ง”หนิงเอ๋อร์ อย่าไปฟังตาแก่นี่ เขารู้ว่าเจ้าเป็นใครและจะทำลายตระกูลเจ้าอยู่แล้ว ทางเดียวที่จะช่วยตระกูลเสวี่ยคือฆ่าเขาที่นี่ตอนนี้ จำคำพูดข้าไว้ ค่ายกลพายุไฟสายฟ้าต้องการคนสามคนให้ร่วมประสาน และตราบเท่าที่ประสานกัน แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะปราณนภาก็หนีไม่พ้น!”
ร่างกายบอบบางของเสวี่ยหนิงเซียงหยุดสั่น และตอนนี้นางก็ยืนขึ้น คำพูดของผู้อาวุโสเจ็ดทำให้นางกลัวแต่ในที่สุดนางก็ได้สติ
จั๋วฝานยิ้มและตะโกน”ถ้าตาแก่นี่รอดชีวิต ตระกูลเจ้าจะไม่หลงเหลือ!’
บูม!
คำพูดของเขาดังก้องในหูนางและเสวี่ยหนิงเซียงก็แสดงจิตสังหารออกมาเป็นครั้งแรกขณะพึมพำไม่หยุด”เขาจะรอดไปไม่ได้ เขาต้องตาย เขาต้องตาย”
ตาย!”
เสวี่ยหนิงเซียงคำรามออกมาและประสานมืออีกครั้ง
เสือสีเขียวคำรามด้านหลังนางและวิ่งใส่ผู้อาวุโสเจ็ด แข็งแกร่งกว่าเดิมนับสิบเท่า
ผู้อาวุโสตื่นตระหนก สังเกตเห็นพลังแท้จริงของค่ายกลในมือเสวี่ยหนิงเซียง[ตั้งแต่ต้น เจ้าหนูสองตัวใช้พลังทั้งหมดสู้กับข้า แต่นางยัง?]
เสวี่ยหนิงเซียงเป็นคนจิตใจเมตตา ไม่เต็มใจฆ่าแม้แต่ศัตรู แต่คำพูดของผู้อาวุโสเจ็ดได้ทำให้นางยิ่งหมดแรงใจจะสู้
จากนั้นมันก็เป็นจั๋วฝานที่ปลุกนาง จุดไฟในใจนาง ทำให้นางปลดปล่อยพลังเต็มที่
เพื่อปกป้องตระกูล เสวี่ยหนิงเซียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าตาแก่จะตายที่นี่
จั๋วฝานกับเซี่ยเทียนหยางยิ้ม เปิดฉากโจมตี ไฟ ลมและสายฟ้าผสานกันเข้าเป็นพลังโจมตีที่คุกคามได้แม้แต่ผู้อาวุโสเจ็ด
แม้กระทั่งผู้อาวุโสเจ็ดที่สงบก็เริ่มรู้สึกกลัว เขารีบยกโซ่ตะขาบขึ้นและสะบัดออกไป
บูม!
การระเบิดรุนแรงสั่นสะเทือนไปทั่วเขตสอง แม้กระทั่งท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะถล่ม สัตว์อสูรระดับสี่บางตัวยังหนี
ผู้อาวุโสเจ็ดที่อยุ่ตรงกลางระเบิดไปไกลหลายสิบเมตรขณะที่กระอักเลือดออกมา แต่ครั้งนี้ เลือดระเหยก่อนมันจะถึงพื้น
มันเป็นหลักฐานว่าความรุนแรงของการโจมตีได้เจาะอวัยวะภายในเขา ด้วยบาดแผลหนักเช่นนี้ แค่โจมตีอีกครั้งเดียวเขาจะจบสิ้น!
เป็นครั้งแรก ผู้อาวุโสเจ็ดถูกปกคลุมด้วยความกลัว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าค่ายกลแค่ต้องให้เด็กสาวปลดปล่อยพลังเต็มที่
แต่เขาเข้าใจว่าเขาไม่สามารถรับการโจมตีเช่นนั้นได้อีก
“เขาไม่ไหวแล้ว หนิงเอ๋อร์ เซี่ยเทียนหยาง เตรียมพร้อม เราจะจัดการเขา”จั๋วฝานหัวเราะลั่นพร้อมประสานมือ
แต่ทันใดนั้นเสือเขียวก็กระโจนผ่านหน้าเขากับเซี่ยเทียนหยางไป
ทั้งหมดที่จั๋วฝานเห็นคือเสวี่ยหนิงเซียงกำลังเป็นบ้าและประสานมือไม่หยุด”เขาต้องตาย เขาต้องตาย..”
[บัดซบ นางสติหลุดไปแล้ว ข้าสามารถกระตุ้นนางได้ แต่ตอนนี้นางขาดสติ ความคิดเดียวของนางคือฆ่าตาแก่นั่น แม้กระทั่งไม่สนใจร่วมมือกับพันธมิตร]
การกระทำของนางคือการเร่งพลังของค่ายกลจนถึงขีดจำกัด!
ผู้อาวุโสเจ็ดสังเกตเห็นจุดอ่อนนี้และยิ้มขณะพุ่งใส่เสวี่ยหนิงเซียง!เขากำลังเผชิญหน้ากับเสือลมแค่ตัวเดียวและโดยปราศจากอีกสองธาตุ เขาสามารถพุ่งผ่านมันได้ ด้วยการสะบัดโซ่ตะขาบ เสือไม่มีอยู่อีก
“เร็วเข้า รีบช่วยหนิงเอ๋อร์!’
จั๋วฝานตื่นตระหนกขณะประสานมือร่วมกับเซี่ยเทียนหยาง สายฟ้ากับไฟระเบิดใส่ผู้อาวุโสเจ็ดอีกครั้ง
แต่ด้วยการขาดการประสานสุดท้าย ผู้อาวุโสเจ็ดจึงจัดการมันได้ง่ายๆ เขาสะบัดโซ่ตะขาบ ลมพลังนั่นและปรากฏตรงหน้าเสวี่ยหนิงเซียง
แต่นางไม่ย่อท้อ นางยังประสานมือ
ผู้อาวุโสเจ็ดแค่นเสียงและบีบคอนาง ยกนางขึ้นเหนือพื้น เสวี่ยหนิงเซียงเริ่มขาดอากาศและมือของนางก็ช้าลง
“นางเด็กบ้า เจ้าเกือบฆ่าข้า!ถือว่าเจ้าโชคดีที่เจ้ายังมีประโยชน์ ไม่งั้นข้าคงฆ่าเจ้าไปแล้ว”
“หนิงเอ๋อร์!’
จั๋วฝานกับเซี่ยเทียนหยางยืนขึ้นด้วยความกังวล ผู้อาวุโสเจ็ดเยาะเย้ยพวกเขา.”จะเรียกหาอะไร?นั่งเฉยๆก็พอ ข้าจะไปจัดการกับพวกเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!’
จั๋วฝานกำหมัด
“แค่ก แค่ก แค่ก”
หนิงเอ๋อร์ไออกมา มองจั๋วฝานด้วยสายตาวิงวอน”ฆ่าเขาซะ อย่าปล่อยให้เขาทำร้ายพ่อข้า”
“ฮี่ๆ ช่างเป็นลูกสาวที่กตัญญู เจ้ายังคิดถึงพ่อเจ้าอีก?น่าเสียดายที่หนูสองตัวนี่ไม่มีวันฆ่าข้าได้ เมื่อข้ากลับไป ข้าจะกวาดล้างทั้งตระกูลเสวี่ย!”
น้ำตาไหลอาบแก้มของเสวี่ยหนิงเซียง
หัวใจของเซี่ยเทียนหยางเจ็บปวดและคำรามด้วยความโกรธ”ผู้อาวุโสโหยวหมิงกู่ เจ้าไม่รู้จักอับอายบ้างหรือไงตอนทำร้ายเด็กสาวไร้การป้องกัน?”
“ฮี่ๆๆ ไม่มีคำว่าอับอายในหมู่ผู้บ่มเพาะปีศาจ”ผู้อาวุโสเจ็ดหัวเราะและหันไปหาจั๋วฝาน”เจ้าหนู เจ้าเหมือนกับข้า ปลุกระดมให้เด็กนี่สู้กับข้าด้วยคำไม่กี่คำ ข้าคงรับเจ้าเป็นศิษย์ข้าไปแล้วถ้าเราไม่ใช่ศัตรูกัน!”
“เจ้าทำร้ายเพื่อนข้า เจ้าต้องตายด้วยน้ำมือข้า!”น้ำเสียงของจั๋วฝานดูน่าขนลุก”เซี่ยเทียนหยาง เตรียมโจมตี”
“แต่หนิงเอ๋อร์”
“หนิงเอ๋อร์..เห็นด้วย”ดวงตาของจั๋วฝานดูแข็งกร้าว เซี่ยเทียนหยางรู้สึกสั่นสะท้านขณะมองจั๋วฝาน จากนั้นก็เห็นสายตาวิงวอนของเสวี่ยหนิงเซียงและถอนหายใจ
[ตาแก่นี่ต้องตาย ไม่งัน้เขาจะฆ่าล้างตระกูลเสวี่ยและหนิงเอ๋อร์จะไม่มีวันมีความสุขต่อให้ตาย]
จากนั้นเซี่ยเทียนหยางก็คำรามพร้อมประสานมือ
มังกรสายฟ้าคำราม ขณะพุ่งใส่ผู้อาวุโสเจ็ด จั๋วฝานเองก็ตะโกนด้วยตาแดงก่ำและฟีนิกส์ด้านหลังเขาก็สยายปีก
นี่คือพลังที่แข็งแกร่งสุดที่เขาสามารถปลดปล่อยได้
แต่ทั้งหมดนี้ ผู้อาวุโสเจ็ดก็ยังยิ้มเหยียด”ฮึ่ม ข้ามองค่ายกลนี้ออกแล้ว โดยปราศจากสายลม พวกเจ้าสองก็ไม่นับเป็นอะไร!’
เซี่ยเทียนหยางกัดฟัน[พลังโจมตีเต็มกำลังของเราทำอะไรไม่ได้?หรือเราจะจบสิ้นแล้วจริงๆ?]
[นอกจากนี้ ตระกูลของหนิงเอ๋อร์จะถึงวาระ]
แต่จั๋วฝานกลับเผยรอยยิ้มชั่วร้าย”ใครบอกว่าเราขาดลม?”
มือของเขาขยับและผู้อาวุโสเจ็ดก็โดนพายุกลืนกิน ทำให้บริเวณโดยรอบเขาเปลี่ยนเป็นคุกลม
จากนั้นมังกรสายฟ้ากับฟีนิกส์ไฟก็มาถึง
บูม!
ไฟกับสายฟ้าผสมผสานกัน ปะทุอย่างน่าตื่นตาเมื่อสัมผัสกับพายุ เผาผลาญทุกสิ่งภายในนั้น พลังครั้งนี้มากกว่าครั้งก่อนถึงสองเท่า
[ครั้งนี้ ตาแก่นั่นควรตายแล้ว]
เซี่ยเทียนหยางมองมันด้วยตาที่เบิกโพล่ง”ดะ-ได้..ยะ-ยังไง?”
“ลมปรากฏขึ้นได้ไง?’
จั๋วฝานยิ้ม ไม่เหมือนคนที่เพิ่งเสียเพื่อน”ข้าบอกเจ้าว่าข้าไม่สามารถควบคุมค่ายกลระดับห้าได้ด้วยตัวเองและต้องให้พวกเจ้าสามคนร่วมมือด้วยใช่ไหม? อืม ข้าโกหก ผู้อาวุโสเจ็ดคนนั้นจะมองออกและข้าก็คงไม่สามารถหลอกเขาได้”
“อะไร..ทั้งหมด..เป็นเรื่องโกหก”เซี่ยเทียนหยางพูดตะกุกตะกัก
จั๋วฝานยิ้ม”ปีศาจเจ้าเล่ห์มีสายตาเฉียบแหลม เขาคือนักปราชญ์ของโหยวหมิงกู่ ถ้าข้าสู้กับเขาลำพัง ข้าคงแพ้ ข้าจึงจัดให้พวกเจ้าสองคนช่วยข้าควบคุมค่ายกลและช่วยเก็บพลัง แต่นี่ไม่ใช่ว่าไร้จุดอ่อน เราสามคนต้องร่วมมือกันเต็มที่เพื่อปลดปล่อยพลังมัน”
“เขาเป็นปีศาจเจ้าเล่ห์ เขาต้องรู้เรื่องนี้และต้องกำหนดเป้าใส่คนที่อ่อนแอสุด หนิงเอ๋อร์คือคนนั้นและเขาจะโจมตีนาง แต่เขาคงไม่คิดว่าหนิงเอ๋อร์จะเป็นแค่เหยื่อล่อเขา เขาจึงตกหลุมพรางข้า!”
“จะ-เจ้ากำลังบอกว่าเจ้าวางแผนทิ้งหนิงเอ๋อร์ตั้งแต่ต้น?”เซี่ยเทียนหยางอ้าปากค้าง จั๋วฝานรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับเขา
เขายังจำได้ตอนจั๋วฝานตะโกนใส่หนิงเอ๋อร์”ข้าจะไม่ทิ้งใครไว้!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชอบธรรม[นั่นก็เป็นการแสดง?]
“หน้าตาแบบนั้นคืออะไร?”จั๋วฝานหัวเราะเยาะ”ไหนเจ้าบอกว่าจะทิ้งหนิงเอ่อร์ไว้และหนี นางเป็นภาระไม่ใช่เหรอ?ข้าแค่คิดถึงวิธีการใช้ภาระให้เหมาะสมขึ้นก็เท่านั้น!”
“เจ้าสัญญาอะไรกับนาง?”เซี่ยเทียนหยางกลืนน้ำลาย”ข้าได้ยินว่าเจ้ารับปากว่าจะพานางออกนอกเมือง!”
จั๋วฝานโบกมือ”ผลลัพธ์เหมือนกัน ไม่ว่ามันจะเป็นหรือตาย”
เมื่อเห็นจั๋วฝานทำท่าสบาย เซี่ยเทียนหยางก็รู้สึกชาด้านและความหนาวสั่นก็วิ่งขึ้นกระดูกสันหลัง
หลังร่วมมือกันมากว่าเดือน เขาเคยคิดว่าเขาเข้าใจนิสัยของจั๋วฝานแล้ว แต่ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนเขากำลังคุยกับคนแปลกหน้า!
ความโหดเหี้ยมนี้ทำให้เขาผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นเจ็ดรู้สึกกลัวยิ่งกว่าเจอกับผู้บ่มเพาะเซียน
แต่เสียงหัวเราะกลับดังจากคุกพายุไฟสายฟ้า…