จั๋วฝานจ้องเสวี่ยว่านหลง คิดอย่างหนักว่าจะเอาชนะศัตรูเขาอย่างไร เสวี่ยวว่านหลงก็เหมือนกัน แต่ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเสียแววขอองมัน
เขาไม่เห็นความลังเลจากจั๋วฝาน แต่กลับเป็นการยั่วยุแทน นี่ไม่ใช่วิธีที่ผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณควรใช้จ้องยอดฝีมือหลอมกระดูก มันคล้ายกับสัตว์ร้ายที่มองเหยื่อของมัน และเขาก็ไม่อยากโดนกัด
[การถูกจ้องโดยคนอ่อนแอกว่าข้าทำให้ข้ารู้สึกหมดซึ่งความเคารพ]
เขาตัดสินใจพุ่งเข้าโจมตีและสร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กนี่
แต่จั๋วฝานนำหน้าเขา วิ่งมาหาเขาก่อน
“กระบวนท่าที่สอง!”
การลงมืออย่างฉับพลันของจั๋วฝานทำให้เขาตกใจ แต่ในไม่ช้าก็นึกได้ว่าเขาเป็นใคร ต่อให้มันจะเป็นการสู้กับเด็ก เขาก็ไม่คิดทำตัวโง่ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น มีแค่จันทร์คลั่งถึงคุกคามเขาได้ ถ้าเขาให้ความสนใจกับมัน เขาก็จะไม่เป็นไร
แต่เขาไม่มีเวลานึกถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นจั๋วฝานได้เปลี่ยนเป็นแสงสีเงิน เมื่อเห็นแสงสีเงินเข้าใกล้เขา เสวี่ยว่านหลงก็ระเบิดพลังและถอย อาจกล่าวได้ว่าเขาระวังจันทร์คลั่ง แต่เขายิ่งกลัวว่าจะจบลงด้วยฉากน่าอับอาย
เสวี่ยหลิน ผู้ถูกโยนไอสองครั้งจากนั้นก็จ้องด้วยความตกใจ”ท่านพ่อ ท่านเป็นคนเสนอสิบกระบวนท่า อย่าออมมือสิท่านพ่อ!”
ใบหน้าของเสวี่ยว่านหลงชาด้าน นึกอยากเตะลูกชายตัวเอง[เจ้าช่วยกลบเกลื่อนให้ดีกว่านี้ได้ไหม?ของเล่นของเด็กนี่แหลมคม และเจ้ายังอยากให้ข้าเล่นกับความตาย?]
เสวี่ยหลินไม่สนใจการดิ้นรนของพ่อและยังคงส่งเสียงให้กำลังใจ แต่ใบหน้าของเสวี่ยว่านหลงมีแต่จะยิ่งดำมืด!
จั๋วฝานไม่ได้แตะต้องชายเสื้อเสวี่ยว่านหลงเลยในห้ากระบวนท่าแรก แต่เขาเห็นผ่านเจตนาของเสวี่ยว่านหลงและกล้าหาญ
ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย จั๋วฝานประกาศ”กระบวนท่าที่หก!’
เขาเร่งการโจมตีอีกครั้งขณะที่เสวี่ยว่านหลงพร้อมหลบ
แต่ครั้งนี้ จั๋วฝานกลับก้าวเบาๆและเปลี่ยนเป็นสามร่าง ล้อมเสวี่ยว่านหลงไว้ แสงสีเงินสามสายพุ่งเข้าหาเสวี่ยว่านหลงคนละทิศคนละทาง
เสวี่ยว่านหลงตกใจ แต่ในฐานะยอดฝีมือหลอมกระดูกขั้นสูงสุด เขาย่อมไม่เสียความสงบ เขาเตะพื้น ระเบิดแรง แรงผลักช่วยให้เขาหลบไปข้างหน้า เกือบพอจะหลบการโอบล้อม
แต่จั๋วฝานกลับหัวเราะและก้าวอีกครั้ง!
ซวบ!
ภาพสลาย แต่จั๋วฝานกลับปรากฏด้านหลังเสวี่ยว่านหลงและตัดหูเขา!
“วิชายุทธ์ระดับจิตวิญญาณขั้นต่ำ ท่าเท้าวิญญาณลี้ลับ!”
ทั้งสองหยุดอีกครั้ง ด้วยจั๋วฝานที่ยืนห่างจากศัตรูเขาสามเมตรด้วยรอยยิ้ม เสวี่ยว่านหลงมองเส้นผมสีดำลอยอยู่ตรงหน้าเขา
“ขะ-ข้าแพ้!’
เขาไม่อยากจะเชื่อ การคิดทดสอบเด็กนี่กลับจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเขาในหกกระบวนท่า
เขาไม่รู้เลยว่าจั๋วฝานมาอยู่ด้านหลังเขา แต่เนื่องจากจั๋วฝานสามารถตัดผมได้ มันก็อาจตัดหัวเขาได้เช่นกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง จั๋วฝานจัดการเขาได้ง่ายๆ
เสวี่ยว่านหลงกลืนน้ำลายแห้ง เขาทุ่มสุดตัวตั้งแต่กระบวนท่าสอง แต่ถึงอย่างนั้น…
“เป็นไปไม่ได้!’
ขอทานน้อยกับเสวี่ยหลินตะโกนพร้อมกัน พวกเขาพบว่ามันยากที่จะยอมรับว่ายอดฝีมือที่ทรงพลังเช่นนี้พ่ายแพ้
“ท่านพ่อ ท่านต้องยอมอ่อนข้อให้เขาแน่ๆ?”เสวี่ยหลินวิ่งมาข้างเสวี่ยว่านหลงพร้อมด้วยความคาดหวังในดวงตา แต่เสวี่ยว่านหลงกลับไม่พูด
จั๋วฝานจ้องเขาอย่างเย็นชา”แน่นอนว่าผู้นำตระกูลเสวี่ยออมมือให้ กระบวนท่าแรกของเขาเป็นแค่การทดสอบโดยไม่มีจิตสังหาร!”
“ฮึ ถ้าพ่อข้าไม่ออมมือให้ ป่านนี้เจ้าได้ตายไปแล้ว!”เสวี่ยหลินจับฟางเส้นนี้ไว้และเชิดหน้า
แต่จั๋วฝานกลับแค่นเสียง”ขอโทษด้วย พ่อของเจ้าไม่ได้เอาจริง แต่ถ้าเขาเอาจริง หัวของเขาคงนอนอยู่บนพื้นไปแล้ว!”
จั๋วฝานไม่ได้พูดเพื่อทำให้คนกลัว
แม้ความพยายามแรกของเขากับทารกโลหิตจะล้มเหลว มันก็แค่หมายความว่าเขาแพ้การหยั่งเชิง แต่ไม่ได้เสียโอกาสฆ่าอีกฝ่าย
ยอดฝีมือหลอมกระดูกขาดความเร็วถ้าเทียบกับยอดฝีมือนภา ด้วยความช่วยเหลือของจันทร์คลั่ง ความเร็วของจั๋วฝานจึงเทียบได้กับยอดฝีมือหลอมกระดูก เขาจึงมีโอกาส
สิ่งที่เหลือคือการโจมตีในเวลาที่เหมาะสม!
ถ้าจั๋วฝานคือกลั่นลมปราณขั้นสี่ มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ขั้นห้า เขาสามารถใช้วิชายุทธ์จิตวิญญาณได้แล้ว
และวิชาแรกที่เขาฝึกก็คือท่าเท้าวิญญาณลี้ลับ
นี่ไม่ใช่วิชายุทธ์ทั่วไป แต่มาจากคัมภีร์ลับเก้าสมถะ วิชายุทธ์หายากที่ใช้ประโยชน์จากค่ายกล ส่วนของวิชาไม่สำคัญ แต่จุดสำคัญคือการหลอกล่อศัตรู กระบวนท่าสังหารจิตจะมาจากเส้นทางลี้ลับที่เขาต้องดึงศัตรูเข้ามา
ด้วยวิชายุทธ์นี้ จั๋วฝานสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนก็ได้ภายในระยะสั้น
ระหว่างต่อสู้ เหล่าวิญญารได้ดึงดูดความสนใจของเสวี่ยว่านหลงและทำให้เขาเมินการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของจั๋วฝาน
ถ้าจั๋วฝานสัมผัสได้ถึงจิตสังหารในการต่อสู้ของพวกเขา เขาคงตัดหัวเสวี่ยว่านหลงไปแล้ว
เสวี่ยว่านหลงยิ่งชัดเจนและยอมรับความพ่ายแพ้ของเขา
“จั๋วฝาน”เสวี่ยว่านหลงถอนหายใจ”เจ้าเป็นเด็กที่น่าเชื่อถือสุดที่ข้าเคยเห็นมา ข้าจะฝากหนิงเอ๋อร์ไว้กับเจ้า อย่าทำให้นางผิดหวังละ!”
จั๋วฝานงุนงง[หมายความว่าไง?]
แต่เสวี่ยว่านหลงกลับไม่อธิบายและกอดขอทานน้อย
“หนิงเอ๋อร์ ไปซะและอย่ากลับมา ไปทำตามความฝันของเจ้าเสีย!”
“ท่านพ่อ!’ขอทานน้อยร้องไห้ จั๋วฝานจ้องด้วยความตกใจ[พ่อ?เสวี่ยว่านหลงไปมีลูกชายคนที่สามตอนไหน?]
แต่ในไม่ช้าเขาก็ตะโกน”หยุดก่อน เจ้าคือคุณหนูสาม เสวี่ยหนิงเซียง?”
เสวี่ยว่านหลงกลอกตา ตบไหล่จั๋วฝาน”เจ้าหนู ข้าคิดว่าเจ้าฉลาด แต่เจ้ากลับโง่มากในเรื่องนี้!ยังไงซะ เจ้าบอกแล้วว่านางเป็นคนของเจ้า ข้าจะฝากนางไว้กับเจ้า ถ้าข้าพบว่าเจ้าทำร้ายลูกสาวข้าไม่ว่าจะด้วยทางไหนก็ตาม ข้าจะไปฆ่าเจ้า!”
“มะ-ไม่!มะ-มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
จั๋วฝานกรามค้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาต่อสู้กับพ่อของขอทานน้อยและใกล้จะจบชีวิตทั้งครอบครัว[ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงมักมองข้าด้วยสายตาแบบนั้น]
เสวี่ยว่านหลงถอนหายใจ มองดูลูกสาวที่กำลังร้องไห้เป็นครั้งสุดท้ายและจากไปพร้อมเสวี่ยหลิน
หลังเดินไปสักพัก เสวี่ยหลินก็พูด”ท่านพ่อ ถ้าเราไม่เอาตัวหนิงเอ๋อร์กลับไป เราจะอธิบายกับโหยวหมิงกู่..”
“เงียบ ข้ามีวิธี!”
…
“เสวี่ยหนิงเซียง!”
จั๋วฝานก้าวไปด้านหน้าขอทานน้อยและยกหมวกนางออก เผยให้เห็นผมดำนุ่มสลวย
ขอทานน้อยที่ยังน้ำตาไหลจ้องพ่อนางจากไปรีบตะโกนเมื่อนึกได้และรีบกุมหัวนาง นางจ้องเขาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ไม่กล้าสบตา
“คุณหนูหนิง เจ้าเล่นอะไรของเจ้า?ข้ากำลังสู้กับพ่อเจ้าเพราะคิดจะช่วยเจ้าระบายความโกรธ แต่ มันกลับสูญเปล่า!”
เสวี่ยหนิงเอ๋อร์ก้าวถอยหลัง พึมพำขณะมองใบหน้าโกรธเคืองของเขา”พี่ชายจั๋ว อย่าโกรธไปเลย ข้าแค่อยากออกเมืองขณะที่ท่านอยากไปเทือกเขาหมื่นอสูร เราต่างก็ได้สิ่งที่เราต้องการ!”
จั๋วฝานตกใจ[ใช่ นางพูดถูก!]
[ตราบเท่าที่ข้าได้รับสิ่งที่ข้าต้องการ ใครจะไปสนเรื่องอื่น?]
[แต่ละคนต่างได้สิ่งที่ต้องการ คุณหนูนี่พูดถูก ข้า จักรพรรดิปีศาจจะไปโกรธเพราะผู้หญิงโกหกข้าได้เยี่ยงไร?หึ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้วนี่!]
แต่จากนั้นจั๋วฝานก็ตกใจอีกครั้ง
[ทำไมข้าถึงมีอารมณ์แบบนี้กัน?]
จั๋วฝานขมวดคิ้ว นึกทุกอย่างที่เกิดตั้งแต่เกิดใหม่ จากนั้นก็ตระหนักว่าเขาอยู่กับตระกูลลั่วมานานจนทำให้เขาเริ่มใส่ใจคนรอบตัว นี่ไม่ใช่วิธีที่ผู้บ่มเพาะปีศาจควรกระทำเลย!
[บัดซบ ข้าไม่ต้องการความรู้สึกไร้ประโยชน์เหล่านี้ ข้าต้องเปลี่ยน]
[ข้าต้องเปลี่ยนมัน!]
จั๋วฝานเตือนตัวเอง จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสงบปราศจากอารมณ์ใดๆ
“เสวี่ยหนิงเซียง ไปกันเถอะ!”จั๋วฝานชี้ไปที่ถ้ำ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา.”เมื่อข้าจัดการธุระที่เทือกเขาหมื่นอสูรเสร็จ ข้าจะพาเจ้าออกไป พอถึงตอนนั้น ข้อตกลงของเราเป็นอันยุติ!’
เสวี่ยหนิงเซียงมองเขาอยู่นานจากนั้นก็พยักหน้า ท่าทีของจั๋วฝานเปลี่ยนไปเร็วมากราวกับเขาเป็นคนละคน
ตอนแรก จั๋วฝานไม่ใช่คนดีในความคิดนาง แต่ตอนนี้เขากลับเป็นคนดีก็ไม่ใช่ คนเลวก็ไม่เชิง..