บทที่ 18 พบกับหม่านหนิว
นั่นคือหม่านหนิวผู้ซึ่งเคยเกือบจะฆ่าหลินเว่ย และทำให้ขาของเขาเกือบจะพิการ เมื่อเขาเห็นหลินเว่ยอีกครั้ง ชายคนนั้นยืนอยู่ข้าง ๆ ชายวัยกลางคน และพูดอะไรบางอย่างกับหญิงสาว ทำให้อีกฝ่ายโกรธเกรี้ยว
หลินเว่ยไม่ได้วางแผนที่จะทำร้ายหม่านหนิวในตอนนี้ เพราะความแข็งแกร่งของเขายังไม่สามารถเอาชนะได้ เขารู้สึกได้ว่าชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหม่านหนิว และคนทั้งสองที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายวัยกลางคนนั้น เป็นนักรบขั้นสามทั้งคู่ และหนึ่งในนั้นสามารถสังหารหลินเว่ยได้ทันที และมีนักรบมากกว่าหนึ่งโหล ที่อยู่ข้างหลังพวกเขาเป็นพวกนักดาบ
ดังนั้นแม้ว่า หลินเว่ยต้องการแก้แค้นมาก แต่เขาก็ต้องอดทน เนื่องจากเขาไม่สามารถแก้แค้นได้ในตอนนี้ แน่นอนเขาจึงไม่สนใจที่จะเข้าไปสนทนาใด ๆ เขาจึงนิ่งเงียบและเดินผ่านสองกลุ่มนี้ไป
เด็กคนนั้นยังไม่ตาย เขายังอยู่ที่นี่ “เมื่อเห็นร่างของหลินเว่ย เฟยเอ๋อก็จำได้ทันที
“อย่าสนใจเขา มันเป็นเรื่องของเรา ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แทนที่จะช่วยเรา แต่เขาจะถูกสังหารทันที” เมื่อเห็นว่าเฟยเอ๋อกำลังจะเอ่ยทักทายหลินเว่ย บิดาของนางก็รีบดึงแขนและกระซิบข้างหู
“โอ้…เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา เฟยเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย และรีบแสร้งทำเป็นไม่รู้จักหลินเว่ย
แม้ว่าเฟยเอ๋อจะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักหลินเว่ย แต่นางก็เคยเห็นหลินเว่ยมาก่อน และใบหน้าของนางมีรอยยิ้มเล็ก ๆ อย่างไรก็ตาม หม่านหนิวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เฟยเอ๋อส่งยิ้มให้หลินเว่ย ตัวหม่านหนิวนั้นถือว่าเฟยเอ๋อร์เป็นผู้หญิงของตนไปแล้ว
คราวนี้พวกเขามาที่นี่ เพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงานของเขากับเฟยเอ๋อร์ ด้วยเหตุนี้เฟยเอ๋อร์ที่ไม่เคยมีอารมณ์ความรู้สึกกับเขา แต่กลับส่งยิ้มให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เรื่องนี้ยอมไม่ได้
ดังนั้นเมื่อหลินเว่ยเดินผ่านไปอย่างช้า ๆ หม่านหนิวที่มีโทสะเต็มหัวใจ ชี้ไปที่หลินเว่ยและร้องเรียกว่า: “เจ้า! หยุดเดี๋ยวนี้”
หลินเว่ยไม่ได้ใส่ใจกับการเรียกของหม่านหนิว และยังคงเดินไปข้างหน้า
“สารเลว!เจ้าอยากตายอย่างนั้นหรือ? เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเขา ครู่หนึ่งความโกรธของเขาได้ครอบงำจิตใจของหม่านหนิว หลังจากตะโกนเสร็จ เขาก็รีบตรงไปที่หลินเว่ย
แม้แต่ชายวัยกลางคนที่อยู่รอบตัวเขา ก็ไม่คาดคิดและไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้ทัน เมื่อเขากำลังจะสั่งให้คนรีบเข้าไปขวางก็เห็นแสงสีเขียววาบอยู่ตรงหน้าเขา ร่างกายของหม่านหนิวที่กำลังวิ่งอยู่นั้น เอียงออกเป็นสองส่วนและอวัยวะภายในทุกชนิดที่ผสมกับเลือดก็สาดเจิ่งนองไปทั่วสถานที่
เมื่อเห็นว่าหม่านหนิวถูกแยกชิ้นส่วน ผู้คนทั้งหมดในที่เกิดเหตุ ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พวกเขากำอาวุธแน่น และมองไปรอบ ๆ เพื่อหาคนที่ลอบโจมตี
“หม่านหนิว! ไม่ … !” เมื่อชายวัยกลางคนเห็นการตายของลูกชายของเขา เขาก็วิ่งไปที่ด้านข้างของหม่านหนิว โดยจับส่วนบนของลำตัวของอีกฝ่าย และส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด: “มันเป็นใคร? ใครที่มันเหี้ยมโหดถึงกับสังหารหม่านหนิวของข้า
“มันต้องเป็นเจ้า เจ้าเป็นคนสังหารลูกชายของข้า ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ และบุตรชายที่ตายลงไป ข้าจะให้บุตรสาวของเจ้าฝังตามเขาไปด้วย! ฮ่าวเค่อ เจ้าคงจะไม่คัดค้านใช่หรือไม่?” จากนั้นชายวัยกลางคนก็ร้องออกมาสองสามครั้ง จากนั้นก็ชี้ไปที่หลินเว่ยและบอกว่า เขาต้องการที่จะสังหารหลินเว่ย จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หญิงสาวชื่อเฟยเอ๋อ และบอกว่าจะฝังนางไปพร้อมกับบุตรชายของตน ตอนนี้เขาคลุ้มคลั่งไปแล้ว
ฮ่าวเค่อเมื่อได้ยินดังนั้น จึงพูดขึ้นว่า “เจ้ามันบ้าไปแล้ว จะฝังบุตรสาวข้ากับบุตรชายเจ้าอย่างนั้นหรือ? คนอย่างนั้น สมควรตายแล้ว!” เมื่อเขาได้ยินว่า อีกฝ่ายกำลังจะทำร้ายบุตรสาวของตนเอง บิดาของเฟยเอ๋อก็ยอมไม่ได้ เขาก้าวไปสองสามก้าว
แล้วชี้ไปที่บิดาของหม่านหนิวและเริ่มด่าทอเขา
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายด่าทอตนเอง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง และเขาวิ่งเข้าไปหาฮ่าวเค่อความรวดเร็ว
“เมื่อเห็นว่าบิดาของหม่านหนิวจะทำร้ายบิดาของตนเอง เฟยเอ๋อจึงสั่งในคนในกลุ่มทหารรับจ้างให้อารักขาบิดาทันที
“ปกป้องผู้หัวหน้าและสังหารกองทหารรับจ้างโลกันตร์ของหม่านสงลงไปซะ” เมื่อเห็นว่าหัวหน้าถูกโจมตี คนของฮ่าวเค่อภายใต้การปกครองของนักรบขั้นสามอีกสองคนจึงตะโกน เพื่อสังหารสมาชิกของหน่วยทหารรับจ้างของอีกฝ่าย
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่! มากับข้า ไม่ต้องกังวลเราจะปกป้องเจ้า” เมื่อหลินเว่ยเห็นว่าเขาสังหารหม่านหนิวได้แล้ว เขาก็ปล่อยให้ทั้งสองกลุ่มต่อสู้กันเอง เป็นผลให้เขาพึ่งรู้สึกตัว ว่าฝ่ามือของเขาถูกจับไว้ด้วยมือที่อ่อนนุ่ม จากนั้นดึงออกไปและแยกออกจากวงการต่อสู้ชั่วคราว
หลินเว่ยถูกเด็กสาวดึงฝ่ามือ เขาสะบัดมือของอีกฝ่ายออกและพูดว่า “เจ้าไม่สามารถเอาชนะคนกลุ่มนั้นได้”
“ฮึ่ม! ไม่ใช่! บิดาของข้า กับท่านลุง ทั้งสองคนเป็นนักรบขั้นสาม พวกเขาจะเอาชนะคนเหล่านั้นไม่ได้อย่างนั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่า…นักรบขั้นสามคืออะไร? ข้าคิดว่าเจ้านั้นมีระดับที่ไม่สูงมาก จึงยังไม่รู้จัก
นักรบขั้นสา … ! “เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย เฟยเอ๋อก็หยุดชะงัก หลังจากนั้น ก็เริ่มสั่งสอนหลินเว่ยเกี่ยวกับพลังของนักรบขั้นสาม
สำหรับคำพูดของเฟยเอ๋อ หลินเว่ยขัดจังหวะการพูดยาว ๆ ของอีกฝ่าย ด้วยการแค่นเสียงและพูดว่า “สมองฟั่นเฟือน!” จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องโครงกระดูกทั้งสี่ของตนเองเข้าร่วมการต่อสู้
สมาชิกของกองทหารรับจ้างโลกันตร์มีจำนวนมากกว่าฮ่าวเค่อเป็นสองเท่า และหลายคนของฮ่าวเค่อก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อนหน้า แม้ว่าจะมีนักรบขั้นสาม สามคนอยู่ แต่จำนวนคนของอีกฝ่ายนั้นมากเกินไป
แม้ว่าหลินเว่ยจะเข้าร่วมในการต่อสู้ แต่เป้าหมายของเขาก็อยู่ที่ระดับนักดาบที่มีจำนวนมาก
ฮ่าวเค่อที่ถูกล้อมไปด้วยสมาชิกสามคนของกองทหารรับจ้างโลกันตร์นั้นมีบาดแผลอยู่แล้ว และกำลังจะล้มลง เป็นผลให้แสงสีเขียวสามดวงพาดผ่านไป ชายสามคนที่ได้รับการมุ่งเน้นที่การโจมตีไปที่ฮ่าวเค่อ ถูกแยกออกเป็นสองส่วนและล้มลงกับพื้น
แน่นอนว่าเป็นเพราะหลินเว่ยซึ่งเป็นผู้ควบคุมโครงกระดูกทั้งสี่ตัว โดยใช้ใบมีดวายุ เพื่อทำการลอบโจมตี ซึ่งทำให้สมาชิกของกองทหารรับจ้างโลกันตร์ระส่ำระสาย ในอีกไม่กี่อึดใจพวกเขาส่วนใหญ่ถูกสังหารลงไป แม้แต่นักรบขั้นสาม ยังถูกโจมตีโดยโครงกระดูกสองตัว ติดต่อกันหลายครั้ง นักรบขั้นสามของกองทหารรับจ้างโลกันตร์ก็ยังเสียชีวิตลงไปไม่น้อย เหลือเพียงไม่กี่คน พวกเขารู้สึกอันตราย และค่อย ๆ ถอยหลัง เพื่อสร้างแนวป้องกันล้อมรอบไปด้วยคนของฮ่าวเค่อ
Related