บทที่ 138
ระดมความคิด
ณ เมืองเป่ยเฟิง จวนท่านเจ้าเมือง
เมื่อหลินเว่ยและหลงม่อเดินทางมาถึงที่เมืองเป่ยเฟิง พวกเขาก็ตรงไปที่พบกับหลงเถิงเจ้าเมืองเป่ยเฟิง ซึ่งเป็นชายที่แข็งแกร่งในระดับจักรพรรดิที่มีท่าทางอ่อนแรงซีดเซียวและเต็มไปด้วยความไร้ชีวิตชีวา
“ท่านพ่อ! เหตุใดท่านมาที่นี่….มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นงั้นหรือ?” หลงเถิงยืนอยู่ตรงหน้าหลงม่ออย่างเคารพ และถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฮึ่ม! เกิดอะไรขึ้น? ไม่มีผู้ใดแจ้งข่าวคราวของเจ้า เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่นี่ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อดูเจ้า ตอนนี้เจ้าคงปีกกล้าขาแข็งจึงไม่เอ่ยบอกข้าสักคำ เรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้าคิดว่าตนเองมีปัญญาจัดการเรื่องนี้ได้เพียงลำพังงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นหลงเถิงที่ยืนก้มหน้า หลงม่อหันหน้ามาและชี้หน้าหลงเถิงพร้อมดุด่า
เมื่อมองไปที่หลงม่อที่ง่วนอยู่กับการตำหนิลูกชายของเขา หลินเว่ยยืนอยู่ข้าง ๆ เขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ มันไม่ใช่เรื่องของเขา นี่เป็นเรื่องครอบครัวของหลงม่อ และหลินเว่ยไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้
เมื่อหลงเถิงเห็นว่าบิดากล่าวดุด่าตนเอง เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นทันที: “บิดา! สิ่งที่ท่านกำลังพูดถึง เป็นเพียงกลุ่มโจรภูเขา ลูกสามารถจัดการมันได้ด้วยตัวเอง จะรบกวนบิดาได้อย่างไร? ”
“ผลั่ก!” เมื่อเขาได้ยินท่าทีของหลงเถิงที่พูดเฉไฉ หลงม่อทุบพนักเก้าอี้ลงไปอย่างรุนแรง โดยไม่ได้ใช้พลังปราณ แต่เก้าอี้กลับแตกร้าวพังไม่เป็นท่า จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หลงเถิงและตะโกนว่า
“กลุ่มโจรภูเขาเล็ก ๆ งั้นหรือ?ตอนนี้เจ้ายังคงคิดจะปิดบังข้า นี่เป็นเพียงกลุ่มโจรภูเขาหรือ? ถ้าพวกมันเป็นกลุ่มโจรภูเขาจริง ๆ ทำไมจึงยืดเยื้อมาจนถึงเวลาเนิ่นนานขนาดนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า กลับกำจัดพวกมันไม่ได้เสียที เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกมันแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด อีกทั้งยังมีกองกำลังอื่นที่อยู่เบื้องหลังมัน? ”
หลงม่อโกรธหลงเถิงจนตัวสั่น ดังนั้นหลงเถิงจึงยิ้มอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ท่านพ่อใจเย็น ๆ ! ท่านรู้หมดแล้วหรือ?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเว่ยที่เข้ามารับงานที่เจ้าว่าจ้างในสถานศึกษาเทียนหยูโดยบังเอิญ และหลังจากทราบสถานการณ์แล้ว เขาก็กลับไปที่สถานศึกษาเทียนหยูเพื่อรายงาน ซึ่งบังเอิญว่าข้าได้รับรู้เรื่องนั้นโดยบังเอิญ มิเช่นนั้นข้าคงหูหนวกตาบอด “หลงม่อพูดโดยไม่หยุดหายใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงม่อ หลงเถิงพูดด้วยความข้องใจ: ” ท่านเป็นคนพูดว่า ให้ข้าออกมาและสร้างความก้าวหน้าด้วยตนเอง ในฐานะผู้นำสถานศึกษาเทียนหยู ท่านไม่สามารถแทรกแซงกิจการใด ๆ ได้ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้รายงานเรื่องนี้ ”
เมื่อได้ยินหลงเถิงใช้สิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้เพื่อมาหักล้างกับคำดุด่าของเขา หลงม่อจ้องมองและพูดว่า: “ข้าตั้งใจจะบอกเจ้าว่า สถานศึกษาเทียนหยูไม่สามารถแทรกแซงการต่อสู้ของกองกำลังอื่นได้ ในฐานะผู้นำข้าไม่สามารถออกหน้าได้โดยตรง มันไม่ได้หมายความว่า ถ้าเจ้าเกิดปัญหาข้าจะไม่ช่วยเหลือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงม่อ ใบหน้าของหลงเถิงก็แสดงสีหน้าลำบากใจ เขาก้มศีรษะลงพึมพำ: “ใครใช้ให้ท่านไม่พูดอย่างชัดเจนในตอนแรกเล่า!”
“พึมพำอะไร” หลงม่อถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่! ไม่มีอะไร….หลงเถิงรีบส่ายหัว
หลังจากนั้นไม่นานหลงม่อก็สงบลง เขาจำได้ว่าหลินเว่ยยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เขา! เขาจึงชี้ไปที่หลินเว่ย แล้วพูดว่า “อืม! ให้ข้าแนะนำเจ้าให้เจ้ารู้จัก นี่คือหลานชายของข้า หลินเว่ย เจ้าควรดูแลเขาให้ดีในอนาคต
ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบกัน! ”
เมื่อได้ยินหลงม่อแนะนำหลินเว่ยว่าเป็นหลานชายของเขา หลงเถิงมองไปที่หลงม่อ ด้วยสองตาที่จ้องมองแทบถลน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดด้วยความสงสัย: “ท่านพ่อ! ท่านปกปิดเรื่องนี้ได้ดีจริง ๆ ! ท่านให้กำเนิดน้องชายข้าตั้งเมื่อใด และแม้กระทั่งลูกของเขาก็เติบโตขนาดนี้แล้ว มารดารู้เรื่องนี้หรือไม่?”
“แค่กๆ! เจ้ากำลังพูดถึงอะไร! เด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์น้าชายเจ้า เรียกหลานชาย มันไม่เหมาะสมที่ใดกัน เจ้ามีปัญหาหรือไม่?” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเถิง หลงม่อก็รู้ว่าอีกฝ่าย เข้าใจผิดเขาจึงรีบเปิดปากและอธิบาย
“ฟู่!” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงม่อ หลงเถิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “ดูสิ่งที่ท่านพูดสิ ข้าจะมีปัญหาได้อย่างไร เหมาะสมและเหมาะสมมาก”
“อืม! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะไม่มีปัญหา” หลังจากได้ยินคำพูดของหลงเถิง หลงม่อพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงพูดกับหลินเว่ยว่า “หลินเว่ยมาพบลุงของเจ้า หลงเถิงต่อไปนี้คือลุงของเจ้า ถ้าเขากล้ารังแกเจ้า เจ้าบอกปู่ได้เลย ปู่จะทุบตีเขาให้ตาย”
“ ……” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงม่อ มุมปากของหลงเถิงก็กระตุก และเขาก็ร้องโหยหวนในใจ: “นี่ข้ายังเป็นลูกของท่านอยู่หรือไม่?”
หลินเว่ยก้าวไปข้างหน้าสองก้าว และหันหน้าไปทางหลงเถิงและกล่าวทักทาย: “ท่านลุงหลง! ข้าคือ หลินเว่ย ฝากตัวด้วย”
” เนื่องจากเจ้าเรียกข้าว่าลุง ดังนั้นเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกับของข้า ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี” เมื่อเห็นหลินเว่ย ทักทายตัวเอง หลงเถิงเดินมาข้างหน้าและตบไหล่หลินเว่ย เขาเป็นคนตรงไปตรงมามาก
“ขอรับ!” หลินเว่ย พยักหน้าด้วยรอยยิ้มและตอบกลับ
“แค่นั้นหรือ?” หลงม่อถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว! ท่านต้องการอะไรอีกล่ะ” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงม่อ หลงเถิงรู้สึกว่างเปล่าในใจเล็กน้อย และถามอย่างระมัดระวัง
“เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเถิง หลงม่อก็หัวเราะเบา ๆ และพูดด้วยใบหน้าขี้เล่น:” มีคนเรียกลุงของเจ้า และเจ้าจำหน้าหลานชายคนนี้ได้ ไม่มีของกำนัลในการพบหน้าครั้งแรกหรอกหรือ?”
“เอ๋…ข้า?” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงม่อ หลงเถิงก็ตะลึงและหัวเราะ “ฮ่าๆ!” หลังจากยิ้มเขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า “ใช่…ใช่ ข้ายังไม่ได้มอบของขวัญต้อนรับ”
หลังจากหลงเถิงพูดจบ เขาก็หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขายื่นฝ่ามือและหน้ากากอันวิจิตรปรากฏขึ้นในมือที่ยื่นออกมา เขายื่นให้หลินเว่ยและพูดว่า “หลินเว่ย! แม้ว่าลุงจะเป็นเจ้าเมือง แต่ก็เทียบไม่ได้ กับบิดา
หน้ากากนี้ ถือเป็นของขวัญสำหรับการพบหน้า เจ้าจะไม่ชอบมันไม่ได้หรอกนะ ”
หลินเว่ยไม่เคยปฏิเสธสิ่งใด… หลังจากกล่าวขอบคุณ เขาก็หยิบหน้ากากที่หลงเถิงส่งมา และเงยหน้าขึ้นมอง
“นี่คือเครื่องมือวิญญาณระดับสูง ซึ่งสามารถซ่อนลมปราณของเจ้าได้ แม้ว่าคนที่ต้องการสำรวจจิตวิญญาณของเจ้า ก็ไม่สามารถค้นพบระดับพลังของเจ้าได้ หากเจ้าไม่อนุญาต” หลงเถิงยิ้มและบอกหลินเว่ย เกี่ยวกับหน้าที่ของหน้ากากนี้
“เอาล่ะ! หลินเว่ยรับของขวัญสำหรับการพบหน้าแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องคุยเรื่องสำคัญแล้ว” หลงม่อยิ้มและพูดอย่างเคร่งขรึม
“ดี!” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงม่อ หลินเว่ยก็พยักหน้าและถอดหน้ากากออก จากนั้นเขาก็พูดกับหลงเถิงว่า “ท่านลุงโปรดพาเชลยที่ข้านำมาด้วยทั้งสองคน พวกเขาเป็นคนในเมืองสี่ฝาง พวกเขารู้ข้อมูลสำคัญมากมาย ซึ่งข้าคิดว่าท่านต้องการมาก”
“ดี! รอสักครู่” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ใบหน้าของหลงเถิงก็เปลี่ยนไป หลังจากนั้นเขาก็เรียกให้คนพาเชลยของหลินเว่ยมาที่นี่
หลังจากนั้นไม่นานเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบจากระยะไกล ๆ ก็ใกล้เข้ามา หลงเถิงก็เข้ามาพร้อมกับท่าทางที่ลุกลี้ลุกลนของฉินโฮ่วและหนิ่วฉี
“บิดา! คนมาแล้ว” หลงเถิงเดินไปหาหลงม่อแล้วพูดขึ้น
“เอาล่ะ!” หลงม่อพยักหน้า และพูดกับฉินโฮ่วและหนิ่วฉีว่า “บอกข้าทุกอย่างที่เจ้ารู้ ตอนนี้หลินเว่ยได้สัญญากับเจ้าแล้ว เราจะปล่อยให้เจ้าทั้งสองคนไป หลังจากที่เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
“ ขอบคุณท่านมากที่ไม่สังหารเรา
เมื่อฉินโฮ่วและหนิ่วฉีได้ยินคำพูดของหลงม่อ พวกเขาก็มีความสุขมาก ในที่สุดความไม่สบายใจของพวกเขาก็สลายไป เมื่อเทียบกับหลินเว่ย พวกเขาเชื่อมั่นในคำสัญญาของหลงม่อมากกว่า พวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นอย่างเร่งรีบ
และขอบคุณ ด้วยความเชื่อมั่นต่อหลงม่อ ฉินโฮ่วและ หนิ่วฉีจึงบอกเล่าถึงข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขารู้เกี่ยวกับโจรภูเขา ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าสองครั้งก่อนหน้านี้มาก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลงเถิงขอให้จี้อันนำฉินโฮ่วและหนิ่วฉี ไปขังไว้ในคุกของเมืองเป่ยเฟิงไว้ก่อน
เมื่อมองดูชายสองคนจากไปอย่างมีความสุข หลินเว่ยก็ถอนหายใจในใจ เขาไม่คาดคิดว่าสองคนนี้จะยังมีอะไรเหลืออยู่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าไม่ได้หลงม่อ ทั้งสองคนนี้ยอ่มไม่มีทางเปิดเผยข้อมล ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าหลินเว่ยจะปล่อยพวกเขาไป
“เจ้าเคยได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดหรือไม่? หลังจากที่ฉินโฮ่วและหนิ่วฉีจากไปแล้ว หลงม่อก็ถามหลงเถิงอย่างจริงจัง
“อืม! อันที่จริงข้าก็รู้ข้อมูลที่พวกเขาพูดเช่นกัน ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ หลิวเฉิงเป็นรองเจ้าเมืองอยู่แล้วหลายปีที่ผ่านมา เขาเป็นกังวลใจเกี่ยวกับข้ามาก เขาคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะข้า เจ้าเมืองเป่ยเฟิงจะตกเป็นของเขา
ดังนั้นข้าย่อมไม่ได้ผ่อนคลายความระมัดระวังจากเขาเลย ” หลงเถิงพยักหน้าและกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“แล้วตระกูลตู้และตระกูลเฉินล่ะ ข้าได้ยินมาว่ามีสามตระกูลใหญ่ในเมืองเป่ยเฟิง นอกเหนือจากตระกูลเล็ก ๆ พวกนั้น ตระกูลตู้และตระกูลเฉินก็บังเอิญอยู่ในหมู่พวกเขา” หลังจากได้ยินคำพูดของหลงเถิง หลงม่อถามอย่างสงสัย
เขาอยากรู้ว่าหลงเถิงนั้น ทำอะไรกับทั้งสองตระกูล จึงทำให้พวกเขารวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับหลงเถิง
หลังจากได้ยินคำพูดของหลงม่อ หลงเถิงพยักหน้าและกล่าวว่า “มีสามตระกูลในเมืองเป่ยเฟิงนี้ ไม่ได้มีเพียงตระกูลหลิวที่แข็งแกร่งที่สุด มีตระกูลตู้ที่เป็นรอง และตระกูลเฉินที่อยู่ในอันดับสุดท้าย”
“ ……” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเถิง หลินเว่ยและหลงม่อก็ปากกระตุก ทั้งสองมองไปที่หลงเถิง ด้วยสีหน้าไร้คำพูด พวกเขาพูดอะไรไม่ออก!
หลินเว่ยถามหลงเถิงอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านลุงหลง หลิวเฉิงผู้นี้ไม่ใช่หนึ่งในสามตระกูลนี้ เขาเป็นคนของตระกูลหลิวหรือไม่?”
“โอ้ หลิวเฉิงคนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลหลิว และยังเป็นผู้นำของตระกูลหลิวอีกด้วย” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ใบหน้าของหลงเถิงก็ปรากฏรอยยิ้มและถอนหายใจ
“อืม! กล่าวอีกนัยหนึ่ง สามตระกูลใหญ่ในเมืองล้วนเป็นศัตรูของท่าน ไม่แปลกใจเลยที่หลิวเฉิงที่เป็นผู้นำตระกูลหลิวที่ขัดแย้งกับท่าน แต่ทำไมตระกูลตู้และตระกูลเฉินจึงพุ่งเป้าไปที่ท่าน โดยเฉพาะตระกูลตู้ พวกเขาส่งสองพี่น้องตู้ไป๋และตู้มู่ เพื่อปลอมตัวเป็นโจรภูเขา
และรบกวนความสงบเรียบร้อยของเมืองเป่ยเฟิง ราคานี้มันมากเกินไปหรือไม่? “หลังจากได้รับการยืนยันจากปากของหลงเถิง หลินเว่ยก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย
“เรื่องนี้…!” หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเว่ยหลงเถิงก็ตะลึง หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ส่ายหัว และกล่าวว่า “ตระกูลตู้และตระกูลเฉินอยู่อย่างสงบสุข ไร้ซึ่งความเกลียดชังใด ๆ ก่อนที่เจ้าและบิดาจะมา ตู้มู่จากตระกูลตู้
และเฉินนานหัวหน้าตระกูลเฉินเพิ่งจากไปเมื่อไม่นานมานี้
“โอ้….ถ้าอย่างนั้น พวกเขามาหาท่าน มันน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องโจรภูเขา” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเถิง ใบหน้าของ หลินเว่ยก็แสดงสีหน้าครุ่นคิดและพูดด้วยความเยาะเย้ย
“อืม! เจ้าเดาได้ถูกต้อง พวกเขาวิ่งมาหาข้าในสองหรือสามวันก่อน เจตนาของพวกเขาชัดเจนมาก พวกเขาต้องการให้ข้ากำจัดโจรภูเขาทิ้ง……ถ้าข้าทำไม่ได้ พวกเขาจะกดดันให้ข้ามอบเมืองนี้ให้กับคนที่สามารถกำจัดโจรภูเขาได้ และข้ารับปากว่าจะให้คำตอบในวันพรุ่งนี้ แต่ตอนนี้ข้ารู้แผนการของคนเหล่านี้แล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จ “เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย หลงเถิงพยักหน้า ใบหน้ามืดมน ดวงตาของเขาแสบร้อนและเขากำลังกัดฟัน
“ถ้าอย่างนั้น….เจ้าจะทำอย่างไร” หลงม่อถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เรื่องนี้…!” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงม่อ หลงเถิงก็ขมวดคิ้ว แต่ไม่พูดไม่ออก
“ท่านลุงอยู่ที่เมืองเป่ยเฟิงมานานแล้ว คงจะรู้จักทั้งสามตระกูลเป็นอย่างดีหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าหลงเถิงตอบไม่ได้ หลินเว่ยจึงเอ่ยถาม
“เป็นเรื่องปกติ … ” หลังจากได้ยินคำถามของหลินเว่ย หลงเถิงกำลังจะบอกว่า เขารู้จักทั้งสามตระกูลเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าพวกเขาแอบรวมหัวกับทั้งสามตระกูล และคิดจะจัดการตนเอง
ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูด และพูดขึ้นว่า: “แม้ว่าข้าจะไม่กล้าพูดว่ารู้ลึก แต่ข้านั้นเข้าใจรู้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับคนพวกนั้น”
“ท่านรู้หรือไม่ว่ามีปรมาจารย์ระดับจักรพรรดิในสามตระกูลนี้หรือไม่?” หลินเว่ยเอ่ยคำถามต่อ
หลังจากได้ยินคำถามของหลินเว่ย หลงเถิงก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “เท่าที่ข้ารู้ ไม่น่าจะมี มิฉะนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องรวมตัวกัน และวางแผนอย่างลับ ๆ เป็นเวลาสามปี
หลังจากแผนการของพวกเขาสำเร็จ ก็จะเข้าเมืองเพื่อไปรับตำแหน่งอย่างง่ายดาย ท้ายที่สุดมีผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ระดับขั้นจักรพรรดิในอาณาจักรเฟิ่งหยูนั้นมีไม่มากนัก
อืม! มีเหตุผล! ในกรณีนี้มันง่ายมาก ข้าพอจะมีแผนการ” เมื่อได้ยินการคาดเดาของหลงเถิง หลินเว่ยก็พยักหน้า และรู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นสมเหตุสมผล เขาจึงยืดอกและชูสามนิ้วและพูดถึงวิธีการของเขา
“โอ้ เจ้ามีแผนงั้นหรือ? ” ทันทีที่หลินเว่ยบอก หลงม่อจึงพูดด้วยความสนใจ
“ใช่..ใช่! หลินเว่ยรีบเล่าให้ข้าฟังเร็ว ๆ” หลงเถิงยังรีบเปิดปากเพื่อกระตุ้น
“ดี! วิธีแรกวิธีที่ง่ายที่สุด ไม่อ้อมค้อม และประหยัดเวลาที่สุด คือให้ปู่เป็นคนริเริ่มกำจัดโจรภูเขาด้วย ด้วยความเร็วปานสายฟ้า และรวมถึงสามตระกูลใหญ่ “หลินเว่ยพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อืม! แม้ว่าวิธีนี้จะประหยัดเวลาและออมแรง แต่ถ้าข้าทำแบบนี้ ข้าเกรงว่าจะอธิบายให้ราชวงศ์ฟังไม่ได้ และยังส่งผลกระทบต่อสถานศึกษาเทียนหยูด้วย ไม่….ข้าทำไม่ได้ เจ้าควรพูดถึงทางต่อไปดีกว่า! “เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย หลงม่อก็ขมวดคิ้วทันที โดยไม่ลังเล เขาปฏิเสธข้อเสนอของหลินเว่ยโดยตรง
เมื่อเห็นการปฏิเสธข้อเสนอของเขาตรง ๆ จากหลงม่อ หลินเว่ยก็ไม่รู้สึกแปลกใจ เขาจึงพูดต่อไปว่า “อืม! สิ่งที่ท่านพูดมาตลอดนั้น สมเหตุสมผลมันเป็นเพียงกลยุทธ์ที่ไม่ดีเท่านั้น เมื่อไม่มีทางออกก็เปลี่ยนเป็นอีกวิธีหนึ่ง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ อันที่จริงวิธีที่สองของข้านั้นง่ายมาก มันขึ้นอยู่กับว่าท่านจะกำจัดโจรภูเขาได้หรือไม่ จากนั้นก็ข่มขวัญในเมืองเป่ยเฟิง เพื่อเตือนทั้งสามตระกูลว่า อย่าผลีผลาม ”
หลังจากได้ยินคำแนะนำที่สองของหลินเว่ย หลงม่อก็ไม่คัดค้าน หลังจากรอสักพัก หลงเถิงก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “วิธีนี้เป็นไปได้ ในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็ไม่สามารถคงอยู่ได้นานนัก บิดาของข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา และเขาต้องกลับไปที่สถานศึกษาเทียนหยู ทันทีที่บิดาของข้าจากไป คนพวกนั้นก็จะก่อเกิดกลุ่มโจรภูเขาขึ้นมาอีกครั้ง และสร้างความเดือดร้อนภายในเมืองซึ่งนี่คือผลกระทบมากที่สุด ”
เมื่อเห็นว่าหลงเถิงสามารถพิจารณาได้ละเอียด ใบหน้าของหลงม่อก็แสดงรอยยิ้ม และพยักหน้าอย่างมีความสุข จากนั้นเขาก็พูดกับหลินเว่ย “หลินเว่ยมีวิธีสุดท้าย อีกวิธีหนึ่ง เจ้าบอกมาเถอะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงม่อ หลินเว่ยก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ตกลง วิธีสุดท้ายนี้ต้องใช้พลังงานมาก เราต้องหาหลักฐานความร่วมมือระหว่างสามตระกูลกับกลุ่มโจรภูเขา เพื่อให้ได้หลักฐานมาพิสูจน์ว่าตู้ไป๋และตู้มู่ มาจากตระกูลตู้
ด้วยวิธีนี้ ถ้าท่านปู่พยายามที่จะกวาดล้างทั้งสามตระกูลก็คงจะไม่มีใครว่าอะไร ”
หลงม่อและลูกชายของเขา หลังจากได้ยินข้อเสนอของหลินเว่ย ก็ตกอยู่ในความคิดที่ลึกซึ้ง หลังจากนั้นไม่นาน หลงม่อก็เป็นผู้นำและพูดว่า “วิธีนี้ใช้ได้ แม้ว่าจะใช้เวลานาน แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่มีเรื่องที่ต้องห้ามกับสถานศึกษาเทียนหยู
ข้าสามารถอยู่ที่นี่อย่างเงียบ ๆ ได้ หลังจากเรื่องคลี่คลายแล้ว ข้าจึงจะกลับไปที่สถานศึกษาเทียนหยู”
“อืม! หลังจากรอมาสามปี ข้าจะไม่เพียงกำจัดโจรภูเขา แต่ยังรวมถึงสามตระกูลด้วย” เมื่อเห็นหลงม่อเห็นด้วย หลงเถิงก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขายังเห็นด้วยกับข้อเสนอของหลินเว่ย
“เอาล่ะ! ยังไม่ไปจัดห้องให้พวกเราอีก! เลือกสถานที่เงียบ ๆ ” หลงม่อพยักหน้าและกล่าว
“ใช่แล้ว ท่านพ่อ!” หลงเถิงรีบพยักหน้าและกล่าว
“ข้าคงอยู่ที่นี่นานไม่ได้! ข้ายังต้องทำภารกิจ จึงไม่ได้อยู่ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นข้าคงช่วยท่านปู่ไม่ได้” เมื่อได้ยินว่าหลงม่อขอให้หลงเถิงจัดการที่พักให้ หลินเว่ยจึงรีบร้อนปฏิเสธ เขาเสียเวลาไปหลายวันและยังทำภารกิจไม่สำเร็จ
เขาคงจะชักช้าไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย หลงเถิงก็หันศีรษะและมองไปที่หลงม่อ เขากำลังรอฟังความเห็นของบิดา
ใบหน้าของหลงม่อแสดงท่าทางงงงวยขมวดคิ้วและถามว่า “ข้าอยากถามเจ้า เมื่อสองวันก่อน เจ้ามัวทำอะไร….ถ้าเจ้าไม่ได้ฝึกฝนในลานชั้นใน! เผื่อว่าข้าจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง?”
“ข้าไม่ได้ฝึกฝน! ข้ายังคงง่วนกับการทำภารกิจเนื่องจากคะแนนสะสมของข้านั้นไม่เพียงพอสำหรับการฝึกฝน”
หลินเว่ยส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
หลินเว่ยคิดว่าหลงม่อน่าจะให้การช่วยเหลือเขา แต่ หลินเว่ยคิดผิด อีกฝ่ายแค่พยักหน้าและพูดอย่างครุ่นคิดว่า “อืม! ดีแล้ว เจ้าต้องทำงานอย่างหนักและหาคะแนนสะสมด้วยตนเอง ด้วยวิธีนี้เจ้าจะได้สัมผัสกับตัวเองมากขึ้น”