โถงแขกของหมู่ตึกฮัวอวี่แออัดไปด้วยอาหารชั้นดี หวงปู้ชิงหยุนมาถึงพร้อมคนหลายคนและนั่งในที่นั่งผู้ทรงเกียรติ มันคือที่นั่งที่สงวนไว้สำหรับผู้นำ
การกระทำของเขาเป็นการไม่เคารพหมู่ตึกฮัวอวี่แบบโจ่งแจ้ง มันถือได้ว่าเป็นการยั่วยุ
แต่ทว่า ผู้คนพบว่าการกระทำของหวงปู้ชิงหยุนนั้นปกติ ทำเหมือนเขาเป็นจักรพรรดิ ฉู่ชิงเฉิงก็ไม่ว่าอะไร พอเห็นเขานั่ง ทุกคนจึงไม่กล้านั่งเอง
“ผู้อาวุโส เชิญนั่ง ไม่ต้องเขินอาย!”
หวงปู้ชิงหยุนทำตัวเหมือนเป็นเจ้าภาพและทำท่าให้ยอดฝีมือระดับนภาทั้งสี่ของเขานั่งลง
พอพวกเขานั่งลงกับแขก มันดูเหมือนจะเหลือโต๊ะว่างแค่หนึ่ง
หวงปู้ชิงหยุนถามอย่างสงสัย”ทำไมถึงมีโต๊ะว่าง?นับโต๊ะผิดหรือไง?”
ราชาเม็ดยาอสูรเห็นได้ชัดถึงเจตนาเขาและหัวเราะอย่างชั่วร้าย”นายน้อยสอง มันเป็นของตำหนักกระบี่ เขาต้องมาช้าด้วยเรื่องสำคัญ ถ้ามันน่ารำคาญใจท่าน เราควรเอามันออก”
ทุกคนจ้องเขาอย่างเย็นชา มันเห็นได้ชัดว่าราชาเม็ดยาอสูรกำลังเพิ่มไฟ
ทุกคนในโถงต่างเห็นหวงปู้ชิงหยุนโจมตีเซี่ยเทียนหยาง มันเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เซี่ยเทียนหยางกำลังดูแลบาดแผลเขาและไม่ได้มา
พวกเขาต่างเดาว่านายน้อยสองคนนี้คงยังหงุดหงิดถึงได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา
[มันไม่เป็นไรถ้าเจ้าไม่อยากตอแยนายน้อยสอง แต่ในฐานะคนจากเจ็ดตระกูลใหญ่ เจ้าต้องทำเกินเลยถึงขั้นเติมเชื้อไฟและหาโอกาสทำให้ตำหนักกระบี่อับอายหรือไง?]
และหวงปู้ชิงหยุนก็ไม่ใช่คนที่จะยอมพลาด”ผู้อาวุโสหยานพูดถูก โต๊ะว่างเกะกะลูกตา เอามันออกไป”
“นายน้อยสอง ตำหนักกระบี่คือหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ ต่อให้จะไม่มา โต๊ะก็ควรรักษาอยู่ การไม่เคารพพวกเขาเช่นนี้อาจทำให้ตำหนักกระบี่ไม่พอใจเอาได้!”หลงจิ่วยืนขึ้น ไม่คิดทนนั่งดูเฉย ๆ อีก
ราชาเม็ดยาอสูรแค่นเสียง”แล้วไง?เจ่าคิดว่าตำหนักกระบี่จะเริ่มสงครามแค่เพราะโต๊ะหรือไง?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของความกล้า แต่เป็นศักดิ์ศรีของเจ็ดตระกูลใหญ่ เจ็ดตระกูลใหญ่ไม่ควรดูถูกกันเช่นนี้”
“ฮึ่ม พูดได้ดี งั้นข้าขอถามเจ้า ผู้อาวุโสจิ่ว อาณาเขตของใครกันที่ทำให้ผู้อาวุโสของข้าโดนฆ่า?”ครั้งนี้ มันคือผู้อาวุโสห้าแห่งโหยวหมิงกู่ที่หัวเราะอย่างเย็นชา
“ฮี่ๆๆ ข้าจะไม่มีปัญหากับใครก็ตามถ้าคนนั้นไม่สร้างปัญหาให้ข้า โหยวหมิงกู่มันขุดหลุมฝังตัวเอง เจ้าได้แต่ตำหนิตัวเอง”
“เจ้าพูดว่าไงนะ ไอสุนัขแก่ตาบอด?”ผู้อาวุโสห้าทุบโต๊ะ หลงจิ่วหรี่ตา จ้องกลับอย่างไม่กลัวเกรง
งานเลี้ยงกลายเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมระเบิด
พวกเขาคงปะทะกันไปนานแล้วถ้าไม่ใช่ว่านี่คือหมู่ตึกฮัวอวี่
.”ทุกคน โปรดใจเย็น นี่ไม่ใช่เรื่องของศาลาเฉียนหลงหรือโหยวหมิงกู่ มันไม่ใช่เวทีที่พวกเจ้าจะมาโต้เถียงกัน”หลินจื่อเทียนปาดเหงื่อ”ถ้าไม่ใช่เพราะหมู่ตึกฮัวอวี่ งั้นก็เพื่อนายน้อยสอง โปรดหักห้ามใจกันด้วย”
ทั้งสองหันไปมองหวงปู้ชิงหยุน
เขายิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตากลับฉายแววไม่พอใจ!ราวกับมันคือการเตือนพวกเขาว่านี่คืองานเลี้ยงต้อนรับเขา[เจ้ากล้าสร้างปัญหาที่งานเลี้ยงของข้า?]
ทั้งสองประสานมือให้เขาก่อนนั่งลง
หวงปู้ชิงหยุนหัวเราะ”ดี เจ็ดตระกูลใหญ่คือตระกูลใหญ่ ไม่ต้องมาเถียงกันเพราะโต๊ะ ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือหมู่ตึกฮัวอวี่ และมันก็เป็นการตัดสินใจของพวกนางว่าโต๊ะควรอยู่หรือไม่.”
หวงปู้ชิงหยุนหันไปจ้องฉู่ชิงเฉิง”ตำหนักกระบี่คือแขกของหมู่ตึกเรา และควรมีโต๊ะ!”
หวงปู้ชิงหยุนขมวดคิ้ว ดวงตาฉายแววผิดหวัง แต่ก็ยังหัวเราะออกมา’เอาตามที่ชิงเฉิงพูด นี่คืออาณาเขตของเจ้านี่!”
“ขอบคุณเจ้ามาก ชิงหยุน!”ฉู่ชิงเฉิงพยักหน้า ไม่พบการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของหวงปู้ชิงหยุน
ในขณะเดียวกัน ราชาเม็ดยาอสูรก็ได้มอบรอยยิ้มชั่วร้ายให้นาง
[ฮึ่ม โง่เง่า!เจ้าไม่รู้ถึงเจตนาของนายน้อยสองเอาเสียเลย หมู่ตึกฮัวอวี่ของเจ้าควรล่มสลายแล้ว!]
“งั้นโต๊ะก็จะอยู่!’เขาประกาศ
แต่ตอนหวงปู้ชิงหยุนเห็นคนสองคนผ่านมา เขาก็แสยะยิ้ม”แต่ทว่า มันเป็นแค่โต๊ะว่าง สองคนด้านนอก มาร่วมดื่มกับข้าเป็นไง?”
จั๋วฝานกับเสี่ยวตานตานที่กำลังจะกลับห้องได้ยินเสียงตะโกนของเขา
เสี่ยวตานตานฟุ้งซ่านไม่รู้จะทำไงและมองจั๋วฝานเนื่องจากโถงรับรองเต็มไปด้วยผู้อาวุโส นี่เป็นสิ่งที่ศิษย์ของเจ้าหมู่ตึกมู่ตานไม่เคยได้เข้าร่วม
จากนั้น นางก็ลอบหัวเราะให้ตัวเองขณะมองจั๋วฝาน
ถ้านาง ศิษย์แห่งหมู่ตึกตื่นตระหนก แล้วเขาละ?นายน้อยตระกูลระดับสามจะไม่ตื่นตระหนกได้ไง?
แต่ทว่า จั๋วฝานกลับเป็นตรงกันข้าม เขาจับมือนางขณะเดินไปอย่างมั่นคงและเย็นชา
[ชายคนนี้ไม่กลัวใครเลยหรือไง?]
ไม่เพียงอาจารย์นาง ไม่เพียงอาจารย์ป้าของนาง ไม่แม้แต่นายน้อยสองแห่งประตูจักรพรรดิ หวงปู้ชิงหยุน เสี่ยวตานตานมองจั๋วฝานด้วยความเสน่หายิ่งกว่าเดิม
นางดูเหมือนจะไม่ตื่นจากภวังค์นั้นจนกระทั่งไปยืนอยู่ใจกลางโถง และพบเจอสายตาอาฆาตทั้งสอง!
จิตสังหารสองสายพลันระเบิดใส่ทั้งสอง เสี่ยวตานตานหดตัวและพบว่าหนึ่งในนั้นเป็นหลินเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลินจื่อเยน
อีกคนคือหยานฟู่ที่นั่งข้างราชาเม็ดยาอสูร
ริมฝีปากพวกเขาขยับ แต่ไม่มีคำพูดออกมา แต่สิ่งที่พวกเขาจะพูดออกมานั้นเหมือกัน
พวกเขาคงตะโกนก่นด่าไปแล้วถ้าไม่มีหวงปู้ชิงหยุนอยู่
หวงปู้ชิงหยุนหัวเราะ”ช่างเหมาะสมกับยิ่งนัก เจ้าช่วยแนะนำตัวเองได้หรือไม่?’
“อ่อ ข้าเสี่ยวตานตานจากหมู่ตึกมู่ตาน ยินดีที่ได้พบนายน้อยสอง!’เสี่ยวตานตานทักทายอย่างตึงเครียด
จั๋วฝานเลิกคิ้ว”ซ่งอวี่จากตระกูลซ่ง ตระกูลระดับสาม!”
“หือ ตระกูลระดับสาม?’
หวงปู้ชิงหยุนเลิกคิ้ว”หาได้ยากที่ตระกูลระดับสามจะได้กลายเป็นเขยของหมู่ตึกฮัวอวี่ เชิญนั่ง!”
[เขยอันใด?ข้าไปกลายเป็น..เขยของฮัวอวี่ตอนไหน?]
จั๋ฝานที่ตกอยู่ในห้วงความคิดโดนเสี่ยวตานตานที่หน้าแดงก่ำปลุก
ฉู่ชิงเฉิงยืนขึ้น”ชิงหยุน เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้!นั่นคือโต๊ะของตำหนักกระบี่ มันไม่ใช่สำหรับผู้เยาว์!”
“ใช่ นายน้อยสอง พวกเขาไม่มีสิทธิ์นั่งที่นั่น!”
เจ้าหมู่ตึกมู่ตานก็ยืนขึ้นเช่นกัน แสดงความเคารพต่อหวงปู้ชิงหยุน จากนั้นก็ต่อว่าทั้งสอง”พวกเจ้าจะยืนหาอะไร?ออกไปซะ!’
หวงปู้ชิงหยุนโบกมือ ใบหน้าของเขากลายเป็นขุ่นมัว”ชิงเฉิง ข้าตกลงจะไม่เอาโต๊ะของตำหนักกระบี่ออก แต่ตอนีน้ ข้ายังเชิญแขกสองคนไม่ได้?เจ้ากำลังทำให้ข้ารำคาญ”
ฉู่ชิงเฉิงชะงัก นางจ้องใบหน้าเย็นชาของหวงปู้ชิงหยุนและตระหนักว่านางไม่รู้จักเขาอีก
จั๋วฝานเข้าใจ ถ้านายน้อยตระกูลระดับสามกับศิษย์ของหมู่ตึกฮัวอวี่นั่งนั่น มันเท่ากับการสร้างความอับอายให้ตำหนักกระบี่!
หวงปู้ชิงหยุนจงใจทำ มันเป็นการแยกแยะระหว่างผู้ที่ประจบประแจงเขากับผู้ที่ไม่สนใจเขา
ปัญหาเกิดขึ้นแค่เพราะโต๊ะ แต่มันกลายเป็นประเด็นใหญ่
[ดูเหมือนคนของประตูจักรพรรดิจะเหยียบหัวอีกหกตระกูล และก็กระหายกันมาก พวกเขาคงอยากรวมเจ็ดตระกูลใหญ่!]
[ข้าต้องรีบลงมือและสร้างความปลอดภัยให้ตระกูลลั่ว]
[ตอนเจ็ดตระกูลใหญ่ถูกรวม จักรวรรดิเทียนอวี่จะตกอยู่ในความโกลาหล]
จั๋วฝานไม่รอให้การโต้เถียงจบขณะที่นั่งลงแล้ว
ผู้คนตกตะลึง[เจ้าหนูนั่นโง่หรือเปล่า นี่เท่ากับการทำให้ตำหนักกระบี่ขายขี้หน้า]
[เจ้าหนู เจ้าควรสำเนียกตัวว่ากำลังนั่งที่ใด!’หลงจิ่วเตือนเขาด้วยสายตาเย็นชา
จั๋วฝานมองเขาอย่างสงบ”ปู่จิว ระวังอย่าให้ตระกูลของท่านจะโดนทำลายด้วยสิ่งที่ท่านพูด!”
ผู้คนหนังตากระตุก[เขาไม่ใช่แค่โง่ เขามันบ้า เขาถึงกับขู่หลงจิ่วแห่งศาลาเฉียนหลง]
มีเพียงหวงปู้ชิงหยุนที่จับจ้องจั๋วฝานด้วยความชื่นชมนอกจากความตกใจ
ตอนนี้เขาสามารถเข้าใจได้แล้วว่าทำไมนายน้อยตระกูลระดับสามถึงกลายเป็นเขยหมู่ตึกฮัวอวี่ได้
ดวงตาของหลงจิ่วสั่นสะท้านจากอารมณ์ตกใจ เป็นเวลานาน เขาประสานมือเป็นการขอบคุณ”ขอบคุณนายน้อยที่เตือนข้า!”
จากนั้นเขาก็นั่งเงียบ ๆ
นี่ยิ่งสร้างความตกใจไปใหญ่ ไม่เพียงแค่หวงปู้ชิงหยุนกับยอดฝีมือของเขาจะตกใจ แม้กระทั่งหลงเจี๋ยกับหลงขุ่ยที่นั่งข้างหลงจิ่วเองก็ยังอ้าปากค้าง
ผู้อาวุโสจิ่วแห่งศาลาเฉียนหลงกลับคำนับให้เด็กไร้ชื่อ [นี่เป็นไปได้ไง?]
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหลงจิ่วกำลังหลั่งน้ำตา อีกากลืนวิญญาณของเขาเองก็กำลังกระพือปีกอย่างตื่นเต้น….