บทที่ 250
ของขวัญ
“ ถ้ามันเป็นเพียงขั้นอรหันต์ธรรมดา… ก็คงจะไม่อันตราย แต่หากคนพวกนั้นร่วมมือกัน หรือแม้แต่ครั้งหน้า พวกเขานั้นอาจจะส่งอรหันต์ช่วงกลางหรือช่วงปลายมาก็เป็นได้ ” หลินเว่ยขมวดคิ้ว
และกล่าวว่า เขาไม่ได้มั่นใจในตัวเอง แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของอรหันต์ทั้งสามยังอยู่ในช่วงต้น
“อืม! มันก็จริง แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเจ้า พวกเขาย่อมไม่สามารถสังหารเจ้าโดยง่ายดาย ณ เวลานั้นตราบใดที่เจ้าเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ อรหันต์ในอาณาจักรเฟิงหยูของเรา คงไม่นิ่งเฉย
อย่างที่รู้ว่า ในอาณาจักรของเรามีอรหันต์ที่กักตัวและซ่อนเร้น” ซางกวนฮ่าวหยางพยักหน้าเพื่อปลอบใจหลินเว่ย
หลังจากที่ซางกวนฮ่าวหยางปลอบใจหลินเว่ย คิ้วของเขาก็ขมวดและพูดด้วยรอยยิ้ม ” พวกนั้นกำลังจะมา เจ้าควรนำศพเหล่านี้ออกไปก่อน อย่าให้พวกเขารู้เรื่อง เพื่อไม่ให้พวกเขาคิดวุ่นวายใจไร้สาระ”
“ขอรับ!” หลินเว่ยพยักหน้าและโบกมือเก็บศพทั้งสามที่กองอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็มองไปที่ประตู หลินเว่ยเดาได้แล้วว่า ใครจะวิ่งมาที่นี่ หากไม่ใช่หยางไป๋
“อาจารย์! ศิษย์น้องกลับมาแล้ว” น้ำเสียงของหยางไป๋ดังมาจากระยะไกลๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างทั้งสามก็วิ่งเข้ามา และเห็นร่างของหลินเว่ยอยู่ที่ลานบ้าน ใบหน้าของเขามีความสุข และเขาก็รีบวิ่งเข้ามา
มันคือติงเซียน หยางไป๋ และอีกคนที่ทำให้ หลินเว่ยประหลาดใจ มันเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เฉียน, เสวี่ยมู่
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หลินเว่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ายมากนัก แม้ว่าเขาจะเคยเอาชนะอีกฝ่ายมาก่อน และเขาก็ยังช่วยอีกฝ่ายในดินแดนลับเฉียนซี มิตรภาพและความแค้น ระหว่างทั้งสองฝ่ายได้รับการสะสาง
“ ทำไมข้าจะมาไม่ได้” เดิมทีเสวี่ยมู่มีรอยยิ้มที่มีความสุข ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็เรียบเฉยและเศร้า มองไปที่หลินเว่ย พลางเอ่ยเสียงแข็ง
“ใบหน้าของหลินเว่ยเย็นชา และพยักหน้า แทนที่จะให้ความสนใจกับคำพูดของเสวี่ยมู่ หลินเว่ยหันไปหาหยางไป๋และ ติงเซียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม” ศิษย์พี่ หยาง ศิษย์พี่ติง! คำนึงถึงข้าหรือไม่?
“บ้าน่า! ข้าเป็นชายร่างใหญ่…ใครจะคิดถึงเจ้า หยางไป๋บิดริมฝีปาก และมองไปที่หลินเว่ยด้วยความรังเกียจบนใบหน้าของเขา แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับสดใสขึ้นเรื่อย ๆ
“โอ้! ปากแข็ง ใครกันบ่นคิดถึงศิษย์น้องอยู่ทุกวี่วัน” ติงเซียนหันไปมองหยางไป๋ และเปิดโปงเขา
“ เอ่อ … !” เมื่อถูกเปิดโปง หยางไป๋ก็หน้าบาง และไม่พอใจปิดปากเงียบแต่ไม่ได้ โต้แย้งอะไร
“ทำไมสถานการณ์ดูแปลกประหลาด!” เมื่อเห็นท่าทางของหยางไป๋ ใบหน้าของหลินเว่ยก็แสดงสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นเขาก็หันศีรษะและมองไปที่ซางกวนฮ่าวหยาง เขาพบว่าอีกฝ่ายขยิบตาให้เขา และมุมปากของเขาก็ยกขึ้น รอยยิ้มของเขาแปลกเล็กน้อย
เมื่อเห็นเช่นนี้หัวใจของหลินเว่ยก็รู้สึกได้ชัดเจนขึ้น ดูเหมือนว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาหยางไป๋และติงเซียน จะมีอะไรบางอย่างอย่างเห็นได้ชัด และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เปลี่ยนไป พวกเขารักกัน แต่ยังไม่ได้สารภาพความในใจ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลินเว่ยก็ยิ้มกว้าง กระเป๋ามิติสองใบปรากฏขึ้นในมือของเขา ด้วยคลื่นพลังของเขา มันถูกโยนไปที่ หยางไป๋ และติงเซียนตามลำดับ
“ นี่ของศิษย์พี่หยาง และศิษย์พี่ติง” ทั้งสองคนเอื้อมมือออกไปรับโดยไม่รู้ตัว
“มันเป็นอาวุธวิญญาณชั้นยอด ข้าขอมอบให้พวกท่านทั้งสองชุด เมื่อเจ้าแต่งงาน ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้พวกท่าน” หลินเว่ยขยิบตาให้หยางไป๋ และติงเซียนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ ศิษย์น้อง… !” ติงเซียนตกใจ เมื่อได้ยินว่ามันเป็นชุดเครื่องมือชั้นยอด นางอยากจะคืนมัน แต่เมื่อนางได้ยินคำพูดของหลินเว่ย นางก็ตกใจ หลังจากมองไปที่หยางไป๋แล้ว นางก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว แก้มของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
จากนั้นนางก็มองไปที่ หลินเว่ยด้วยความอับอาย และโมโห พูดอะไรไม่ออก
แต่หยางไป๋เอื้อมมือไปเกาหัวตนเอง ใบหน้ายิ้มมองไปที่ติงเซียน
“บัดซบ! เจ้ากำลังมองหาอะไร?” เมื่อเห็นท่าทางของ หยางไป๋ ใบหน้าติงเซียนเริ่มแดงก่ำมากขึ้น เอื้อมมือไปหยิกเอวของหยางไป๋ ดุด่าด้วยความโกรธ
“ซี๊ด…!” หยางไป๋ สูดลมหายใจเย็น ๆ แต่ด้วยความเจ็บปวด เขาจึงอ้าปากและร้องขอความเมตตา: “อ่อนโยนกับข้าหน่อย! อาจารย์และศิษย์น้องกำลังแอบดูพวกเรา
“อา…!” เมื่อได้ยินคำพูดของหยางไป๋ ติงเซียนก็เปล่งเสียงอุทานออกมาทันที นางหันหน้าไปมองมันทันที นางพบว่า ไม่เพียงแต่ซางกวนฮ่าวหยางและหลินเว่ยเท่านั้น แต่ยังมีเสวี่ยมู่ที่อยู่ข้างๆพวกเขา มีรอยยิ้มขำขัน บนใบหน้าของพวกเขา
ติงเซียนรู้สึกเพียงว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น กัดฟันและมองไปที่หยางไป๋ที่ยังหัวเราะคิกคัก นางรู้สึกอับอายและโมโหภายในใจ หลังจากกระทืบเท้า นางปิดหน้า และหันหลังวิ่งออกไป
“นี่มัน … ” เมื่อเห็นติงเซียนที่วิ่งหนีไปอย่างกะทันหัน หยางไป๋ก็มีดวงตาที่โง่งม แต่เขาได้ยินหลินเว่ยพูด “ทำไมยังยืนอยู่ตรงนี้….ไม่ไล่ตามไปหรือ เดี๋ยวจะไม่ทันการ”
“อา…..อืม เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย หยางไป๋ก็ได้สติ และพูดว่า” อาจารย์! ศิษย์น้อง! เช่นนั้นข้าไปก่อนล่ะ “หลังจากนั้น หยางไป๋ ก็หันตรงและวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ
“อืม! ดีจริงๆ! เด็กสองคนนี้ ดูท่าทางจะมีใจกัน อย่างเห็นได้ชัด แต่เจ้าไม่ได้พูดออกมาในวันนี้ ก็ไม่รู้ว่า พวกเขาจะรู้ใจตนเองกันหรือไม่?” ซางกวนฮ่าวหยาง ลูบเคราของเขา พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หยางไป๋ และ ติงเซียน ต่างก็เป็นศิษย์ของเขาและสามารถไว้วางใจได้ จะดีกว่าจะฝากฝังศิษย์ของตนให้กับคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า
“อาจารย์! นี่คือของท่าน!” ด้วยการโบกมือของหลินเว่ย ขวดกระเบื้องเคลือบ ก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะหินอ่อน มีเพียงสิบขวด
“แม้แต่อาจารย์เอง ก็ยังมีของขวัญ?” ซางกวนฮ่าวหยางมองไปที่ขวดกระเบื้องลายครามที่อยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของเขาแปลกเล็กน้อย และเขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่โง่เขลา
ในความคิดของเขา สมบัติที่สามารถเป็นประโยชน์กับเขานั้น ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้ ยิ่งไปกว่านั้น การตัดสินจากจำนวนขวดกระเบื้องลายครามนั้น ดูจะไม่น่ามีประโยชน์กับเขาเท่าใดนัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยกตัญญู ระลึกถึงเขาในยามที่อยู่ข้างนอก ซางกวนฮ่าวหยางก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจ เขาตัดสินใจในใจว่าสิ่งที่หลินเว่ยมอบให้ เขาจะเก็บรักษาเอาไว้ แม้ว่าจะใช้งานไม่ได้ก็ตาม
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ซางกวนฮ่าวหยางก็เอื้อมมือไปหยิบขวดกระเบื้องเคลือบ ในขณะที่เขากำลังจะเปิดมันออกดู เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลองดูซิ….เจ้าจะให้ของขวัญอะไรกับข้า?”
“พรึ่บ…!” เมื่อเขาเปิดจุกขวดกระเบื้อง พลังที่แข็งแกร่งก็พลุ่งพล่าน ซางกวนฮ่าวหยางจับจ้องไปที่น้ำที่อยู่ในขวดกระเบื้อง และสูดลมหายใจเย็น โดยไม่รู้ตัว มีแววตกใจในดวงตาของเขา
“ของเหลวหยวนเย่ นี่คือ หยวนเย่” ซางกวนฮ่าวหยางร้องอุทาน จากนั้นชี้ไปที่ขวดกระเบื้องเคลือบบนโต๊ะ จับจ้องไปที่ หลินเว่ยและพูดด้วยความสั่นเทา: “ทั้งหมดนี่คือ หยวนเย่งั้นหรือ?”
ไม่น่าแปลกใจที่ ซางกวนฮ่าวหยางจะเป็นเช่นนี้ ของเหลวหยวนเย่ เทียบเท่ากับ หินหยวนระดับสูงและบริสุทธิ์มาก โดยไม่มีสิ่งเจือปนใด ๆ เป็นทางเลือกที่ดีมาก ไม่ว่าจะใช้ในการทะลวงขอบเขตหรือฟื้นคืนพลังการต่อสู้
เช่นเดียวกับเขาเอง ก็มีของเหลวหยวนเย่ เพียงสองหยด แล้วหลินเว่ยล่ะ? เขาหยิบขวดกระเบื้องออกมาจำนวนสิบขวด แต่ละขวดมีประมาณ 30 หยด ด้วยวิธีนี้มี 300 หยด
แม้ว่าจะมีการกล่าวกันว่า ปริมาณพลังทั้งหมดของ หินหยวนระดับสูงหนึ่งชิ้น นั้นเทียบเท่ากับหินหยวนชั้นยอด 100 ชิ้น แต่ก็แทบจะไม่มีสิ่งเจือปนอยู่เลย ดังนั้นมันจึงง่ายมากที่จะดูดซึม
เปรียบเทียบกับในการต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายดูดซับหินหยวนเพื่อฟื้นตัว เมื่อทักษะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายก็ดูดซับหินหยวนชั้นยอด ในขณะที่อีกฝ่ายดูดซับหินที่ดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้นความมีชีวิตชีวาของหินหยวนระดับสูง
คือ 100 เท่าของหินหยวนชั้นยอด สามารถกำหนดผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้
แน่นอนบางคนจะบอกว่า เจ้าสามารถกินยาเม็ดเพื่อฟื้นฟูพลังการต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตาม ย่อมมีช่วงเวลาในการกลืนยา และเป็นไปไม่ได้ที่จะพกติดตัวไปตลอดเวลา การกินยามากเกินไป ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่ง
พลังปราณจะทำให้ร่างกายไม่มั่นคง พิษจำนวนมากจะถูกสะสมไว้ในร่างทำให้ชีพจรหยุดนิ่งและส่งผลต่อการเลื่อนระดับในอนาคต
ประโยชน์ของหยวนเย่มีพลังมากกว่าหินหยวน ของเหลวหยวนเย่จะถูกดูดซึมโดยตรง ให้ผลลัพธ์เร็วกว่ายาเม็ดและไม่มีผลข้างเคียง และไม่มีอันตราย
ยิ่งระดับ ความแข็งแกร่งมากเพียงใด พลังงานในร่างกาย จะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานขึ้น หากมันถูกใช้จนหมด มันจะดูดซับพลังของสวรรค์และโลกเท่านั้น และอาจใช้เวลาทั้งวันในการฟื้นฟูไปได้อย่างช้า ๆ ผู้คนย่อมไม่มีเวลาให้ฟื้นตัว ในขณะที่ต่อสู้
ดังนั้นสำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้การฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญ แต่สมบัติที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ ก็มีความสำคัญเช่นกัน แม้ว่าพลังจะสูงมากเพียงใด แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต่อสู้กับผู้อื่น
“หยวนเย่พวกนี้….มอบให้ท่าน เพียงพอหรือไม่?” หลินเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ของเหลวหยวนเย่นี้มีค่าเกินไป มันสำคัญสำหรับเจ้า ไม่แพ้กัน เพียงแค่มอบให้อาจารย์หนึ่งขวด ส่วนที่เหลือเจ้านำกลับไปเถอะ!” ซางกวนฮ่าวหยางส่ายหัว โยนขวดกระเบื้องในมือออกไป และพูดอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องห่วง อาจารย์ข้ามีมากมาย ท่านรับไปทั้งหมด” หลังจากหลินเว่ยพูดจบ เขาก็โบกมืออีกครั้ง ขวดกระเบื้องสิบขวดปรากฏขึ้นบนโต๊ะและพูดต่อ: “อาจารย์! สิบขวดนี้เป็นของอาจารย์หญิง โปรดส่งต่อให้ข้าด้วย
“มากมาย….?” เมื่อเห็นหลินเว่ยหยิบของเหลวหยวนเยว่ อีกสิบขวดออกมาอีกครั้ง ดวงตาของซางกวนฮ่าวหยางก็กระตุก เขาพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นในมือของหลินเว่ยมีของเหลวหยวนเย่ อีกสิบขวด จิตใจของเขาเต้นรัว ของเหลวหยวนเย่นี้ ไร้ประโยชน์เมื่อใด
“อืม! หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะรับไว้ทั้งหมด…….ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมีโชคเหนืออาจารย์” ซางกวนฮ่าวหยางลังเลสักครู่ จากนั้นพยักหน้าและโบกมือเก็บขวดกระเบื้องเข้าไป
“ ศิษย์พี่ที่เหลือหายไปที่ใดกัน?” หลินเว่ยถามด้วยความสงสัย
จนถึงตอนนี้มีเพียง หยางไป๋ และ ติงเซียน เท่านั้นที่มาที่นี่ สำหรับผานหลงและคนอื่น ๆ ได้หายตัวไป พวกเขาเองก็น่าจะได้ข่าวคราวหรือไม่?