บทที่ 253
การผสานพลังจิตและพลังวิญญาณ
“ ในโลกอื่น มีทั้งหมดเก้าอาณาจักร และยังมีเก้าระดับขั้นพลัง ได้แก่ เหล็กดำ สำริด เงิน ทอง ทองขาว ทองนิล ตำนาน มหากาพย์ ราชันย์ แน่นอนว่าหลังจากเก้าระดับนี้ แล้วยังมีอีกอาณาจักรหนึ่ง ซึ่งเป็นระดับตำนานที่ข้าเรียกว่า ระดับเทพ และระดับศักดิ์สิทธิ์”
พลังความแข็งแกร่งที่เจ้าเรียกว่า อรหันต์ เปรียบได้กับ ระดับเหล็กดำ เสียงของชายชราราบเรียบในการอธิบาย
อาจารย์! พลังลึกลับคืออะไร? หลินเว่ยอยากรู้มาก เกี่ยวกับพลังของเงาสิบสาม เขานั้นลืมถามซางกวนฮ่าวหยางไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้มีชายชราหมิง ที่ขยันขันแข็งในการตอบคำถามของเขา หลินเว่ยจึงจะไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า
“เมื่อพลังความแข็งแกร่ง ไปถึงระดับเหล็กดำ จะสามารถเข้าใจพลังของสวรรค์และโลกได้ เมื่อถึงระดับหนึ่ง เจ้าจะเลื่อนระดับไปที่ระดับสำริด จำเป็นต้องเข้าใจความลึกลับในโลกนี้เสียก่อน เพื่อเลื่อนระดับไปที่ ระดับ เงิน หลังจากนั้น เจ้าต้องเชี่ยวชาญ
และเข้าใจความหมายอันลึกซึ้ง จึงจะสามารถเลื่อนระดับไประดับทองได้ ” เสียงอันเยือกเย็นของชายชราหมิงดังขึ้นช้า ๆ ตอบคำถามของหลินเว่ยมากมายอย่างอดทน
“ และระดับความแข็งแกร่ง…ที่มากกว่าทองล่ะ?” หลินเว่ยถาม
“ระดับทอง เป็นระดับพลังสำหรับการทำความเข้าใจกฎระดับสูง ในขณะที่ระดับทองขาว คือการเข้าใจกฎที่สมบูรณ์แบบ ระดับทองนิล คือการรวมพลังของกฎการควบคุม เพื่อที่จะสามารถก้าวไปสู้ ระดับตำนาน
ในขณะที่ระดับตำนาน คือการเข้าใจกฎบางอย่างของสวรรค์และโลก เจ้าจะสามารถเข้าสู่ระดับมหากาพย์ได้ หากเข้าใจกฎแห่งสวรรค์และโลกที่สมบูรณ์ ในระดับราชันย์ แต่ละคนจะควบคุมกฎแห่งสวรรค์และโลก และมีความสามารถในการบังคับใช้กฎ
ในนามของสวรรค์” เสียงของชายชรายังคงดังขึ้นต่อเนื่อง
โดยไม่รอให้หลินเว่ยอ้าปากพูด ชายชราหมิงพูดต่อไปว่า: “ถ้าเจ้าต้องการเลื่อนระดับพลังวิญญาณของเจ้า ให้เป็นระดับเหล็กดำ เจ้าต้องผสานจิตวิญญาณของเจ้า และสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ต้องทำให้วิญญาณของเจ้า รวมตัวเป็นรูปร่าง
แม้ว่าวิญญาณของเจ้าที่จะได้รับการควบกลั่นสำเร็จแล้ว มันยังคงอ่อนแอมาก และกลายเป็นสีเทาดำ แสดงให้เห็นว่ามันเริ่มเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณ กลายเป็นระดับเหล็กดำ และพลังวิญญาณ ทั้งสองสามารถรวมตัวกันเป็นหนึ่งได้ ”
หลังจากนั้นจิตใจของหลินเว่ยก็เต็มไปด้วยข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งมาจากบันทึกข้อมูลของการรวมตัวกันทางจิตวิญญาณ แม้จะทะลวงอรหันต์ ซึ่งถือได้ว่าเป็น ระดับเหล็กดำ ตามที่ชายชรากล่าว เรื่องที่ต้องให้ความสนใจก็มีรายละเอียดมากเช่นกัน
ข้อมูลมีจำนวนมากมาย โชคดีที่ความแข็งแกร่งทางจิตใจของหลินเว่ยไม่อ่อนแอ และในไม่ช้าเขารับรู้จนหมดสิ้น และกลายเป็นความทรงจำของเขา
“ขอบคุณท่านมาก…. หลินเว่ยกล่าวอย่างซาบซึ้ง แม้ว่าชายชราหมิง จะกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ แต่หลินเว่ยก็ยังถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ แม้จะไกลตัวเขาอยู่มาก
“ไม่เป็นอันใด! ข้าคิดจะบอกเจ้า ไม่ช้าก็เร็ว หลังจากเรื่องราวทั้งหมด ก่อนที่เจ้าจะออกจากเกาะนี้ และไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง” ในคำพูดของเขา มีร่องรอยของความคาดหวัง
“อืม…เหตุใดต้องออกไปล่ะ ท่านกล่าวว่า ภายนอกมันอันตราย ในตอนนี้ข้ายังสามารถฝึกฝนในดินแดนกังหลันได้อยู่ หลินเว่ยก็รู้สึกกระวนกระวายและพูดอย่างไม่เต็มใจ
ไม่ต้องพูดถึงพลังแท้จริงของเขา เขาเองยังไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นสูงสุด ด้วยกำลังของเขา เกรงว่าจะออกไปเป็นอาหารปลา?
ราวกับว่า ชายชราหมิงรู้ความคิดของหลินเว่ย เสียงของชายชราก็ดังออกมาอีกครั้ง: “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าไปในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเคยร่างสลาย กลายเป็นชิ้นส่วน ที่หลงเหลืออยู่คือ ทักษะการคืนชีพโครงกระดูกของเจ้า และพื้นที่มิติ
หากเจ้าต้องการออกจากเกาะนี้ และเดินทางไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลก เพื่อรวบรวมชิ้นส่วนเทพเจ้าของข้าที่กระจัดกระจายอยู่ ”
“ชายชรา! เจ้าเป็นเทพสงคราม หลินเว่ยเริ่มรู้สึกว่า ตนเองได้ยินผิดไปหรือไม่ มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเทพเจ้า……. หลินเว่ยเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ถูกต้อง! แต่ตอนนี้ข้าเหลือเพียงวิญญาณที่เหลืออยู่ แม้แต่วิญญาณที่สมบูรณ์ก็แตกสลาย และมันเกาะติดกับเจ้า ” เสียงของชายชราดังมาพร้อมกับความรู้สึกที่อ้างว้าง
หลินเว่ยพบว่า แม้แต่ เทพสงครามก็ยังมีจุดจบเช่นนี้ หลินเว่ยไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร…..ด้วยอายุของเขา เขายังรู้อะไรไม่มากพอเลย
เสียงเงียบไปชั่วขณะ และเสียงของชายชราก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เขาพูดอย่างเหนื่อยอ่อน“ ตกลง! การพูดคุยกับเจ้าเป็นเวลานานใช้พลังวิญญาณไปมากเช่นกัน ข้าจะนอนอีกครั้ง เมื่อเจ้าพบชิ้นส่วนอื่น ๆ ของข้า
บางทีเจ้าอาจลดการสูญเสียพลังวิญญาณได้ และไม่นอนหลับเพื่อลดการสูญเสียพลัง”
“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่!” หลินเว่ยพยักหน้า และกล่าวว่าเขาเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ ชายชราขอให้เขาช่วยเก็บเศษชิ้นส่วนของเทพสงครามของข้า
“ดี!” ชายชราตอบหลินเว่ย แล้วจากนั้นเขาก็เงียบไป หลินเว่ยรู้ว่าอีกฝ่ายหลับอีกแล้ว แน่นอนว่าหลินเว่ยไม่รู้ว่าเขาหลับอยู่หรือไม่? อย่างไรก็ตามเขาพยายามเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ จากอีกฝ่าย
“ฮึก … !” หลินเว่ยหายใจเข้าลึก ๆ ละทิ้งความคิดทั้งหมด และนั่งลงอย่างสงบ จิตใจของเขาเข้าสู่ทะเลจิตสำนึกอีกครั้ง
พลังวิญญาณในทะเลจิตสำนึกได้มาถึงขีดจำกัดของขั้นสวรรค์แล้ว และไม่จำเป็นต้องดูดซับมันอีกต่อไป สิ่งที่ หลินเว่ยต้องทำตอนนี้คือ เริ่มรวมพลังวิญญาณผสานกับจิตวิญญาณของเขา ตามวิธีการที่ชายชราหมิงมอบให้
หลังจากนั้น พลังจิตของหลินเว่ยเข้าสู่ทะเลจิตสำนึก จากนั้นเขาลืมตาขึ้น มองเห็นใบหน้าที่เลือนรางของเขา ภายใต้การควบคุมของหลินเว่ย ร่างกายของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน ค่อยๆยื่นมือออกมาและกำหมัดแน่น
“นี่คือจิตวิญญาณของข้าหรือ? มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริง ไร้ซึ่งพันธนาการ ดีจริงๆ” พลังวิญญาณของหลินเว่ยขยับมือและเท้า ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าแห่งความสุข นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปล่อยตัว กลับสู่จิตวิญญาณ
ตามที่ชายชรากล่าวไว้ว่า วิญญาณเป็นแหล่งที่มา และควบคุมทุกอย่างในร่างกาย ในขณะที่ร่างกายก็เหมือนกับบ้าน เป็นเพียงการปกป้องวิญญาณ เช่นเดียวกับที่ผู้คนสร้างบ้าน เพื่อป้องกันลมและฝนและร่างกายเนื้อ
เหมือนกัน จิตวิญญาณเปราะบางเกินกว่าจะต้านทานการทำลายล้าง ของพลังแห่งสวรรค์และโลกได้ เมื่อมันแข็งแกร่งขึ้น วิญญาณจะสามารถแข็งแกร่งและเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
แน่นอนว่าร่างกายก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน ไม่ว่าจิตวิญญาณที่ทรงพลังเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบได้กับร่างกาย หากไม่มีร่างกาย วิญญาณจะไม่มีที่รองรับ
หลังจากทำความคุ้นเคยแล้ววิญญาณแล้ว มันลอยลงมาอย่างช้า ๆภายใต้การควบคุมของหลินเว่ย และลอยอยู่เหนือสระน้ำที่เกิดจากพลังวิญญาณ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดวิญญาณของหลินเว่ย ก็เบี่ยงตัวกระโดดลงไปในสระน้ำ ตามข้อมูลที่ชายชราหมิงให้ไว้ มันมีความเสี่ยงเช่นกัน ที่จะปล่อยให้พลังวิญญาณหลอมรวมเข้าสู่จิตวิญญาณ ถ้าไม่ระมัดระวังวิญญาณอาจจะสูญสลายได้
แต่โชคดีที่พลังจิต ไม่ใช่พลังของสวรรค์และโลก และพลังจิตถูกควบคุมโดยหลินเว่ย ตราบเท่าที่เขาระมัดระวังทีละนิด และค่อยๆผสานเข้ากับจิตวิญญาณของเขา แม้ว่ามันจะกินเวลามาก แต่ก็สามารถลดอันตรายให้เหลือน้อยที่สุดได้