พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1510 อับอายมาก

บทที่ 1510 อับอายมาก

สาเหตุก็ไม่ซับซ้อนเลย คนอื่นไม่รู้แต่นางกลับรู้ ลูกสาวนางกับหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันสักเท่าไร ถึงขั้นเรียกได้ว่ามีความแค้นต่อกัน เรื่องที่ปีศาจโลหิตฆ่าหนิวโหย่วเต๋อก็ใช่ว่านางจะไม่รู้ ทั้งยังมีเรื่องหุ้นร้านขายของชำซื่อตรงที่ลูกสาวตัวเองกดดันให้หนิวโหย่วเต๋อยอมถอยอีก

หนิวโหย่วเต๋อล้างเลือดตลาดสวรรค์สองครั้ง จับลูกสาวตัวเองเอาไว้สองครั้ง ถึงขั้นกดดันให้ลูกสาวตัวเองนั่งคุกเข่าต่อนหน้าฝูงชนด้วย ตามความคิดของหวงฝู่ตวนหรง ถ้าหนิวโหย่วเต๋อคนนี้ไม่กังวลภูมิหลังของสมาคมวีรชน เกรงว่าคงจะลงมือสังหารลูกสาวตัวเองไปแล้ว จะมามั่วอยู่กับลูกสาวตัวเองได้อย่างไร

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต่อให้นอนฝันนางก็ไม่มีทางนึกเชื่อมโยงได้ว่าสองคนนี้จะอยู่ด้วยกัน ทว่าความจริงกลับทำให้คนเหนือความคาดหมาย ภาพตรงหน้าทำให้นางสะเทือนใจหลายเท่า สุนัขตัวผู้กับสุนัขตัวเมียคู่นี้ทำงานได้ดีเกินไปเมื่ออยู่ฉากหน้า ไม่น่าเชื่อว่าจะปิดบังมารดาอย่างนางได้แล้ว ทำให้นางที่จับตาดูอย่างเข้มงวดไม่เจอเบาะแสอะไรเลย

ตอนนี้พอมานึกดูให้ละเอียด ก็ใช่ว่าจะไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตามที่เบื้องล่างรายงานมา ลูกสาวนางเหมือนจะเคยติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อแบบผิดปกติจริงๆ แต่นางก็ไม่ได้เก็บมาคิดเป็นเรื่องใหญ่โต หนิวโหย่วเต๋อเป็นคนที่กุมอำนาจของตลาดสวรรค์ ถ้าจะดำเนินกิจการที่ตลาดสวรรค์ จะไม่แอบติดต่อกันทั้งในที่ลับและที่แจ้งได้อย่างไร

“หนิวโหย่วเต๋อ? เป็นเจ้าเหรอ?” หวงฝู่ตวนหรงอุทาน นางตกใจจนปล่อยมือลูกสาวและต้องถอยสองก้าวถึงจะยืนอย่างมั่นคงได้

ว่ากันตามจริง ต่อให้ตีนางให้ตายนางก็ไม่เคยคิดว่าเป็นหนิวโหย่วเต๋อเลย เพราะสุนัขตัวผู้กับสุนัขตัวเมียคู่นี้เป็นศัตรูกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะสมคบกันทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ จะเป็นไปได้อย่างไร? สวรรค์เอ๋ย อย่าเล่นแบบนี้เลยได้มั้ย?

เหมียวอี้เกาหัวอย่างเก้อเขิน แล้วกุมหมัดคารวะ “ผู้จัดการใหญ่หวงฝู่!”

“หุบปาก!” หวงฝู่ตวนหรงตวาด แล้วส่ายหน้าไม่หยุด นางเคยคิดไปต่างๆ นาๆ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า ‘ชายชู้’ จะเป็นเจ้าหมอนี่

เจ้าหมอนี่โดนทำโทษให้อยู่ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์หนึ่งพันปีไม่ใช่เหรอ? ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้? ทำไมมาสมคบทำเรื่องแบบนี้กับลูกสาวตัวเองได้?

อ๋อ! นางเข้าใจแล้ว พอลองนับเวลา ก็น่าจะได้รับการปล่อยตัวแล้ว

ชั่วพริบตานี้ จู่ๆ นางก็เข้าใจทุกอย่างชัดเจนแล้ว มิน่าล่ะหลายปีมานี้ถึงสืบไม่เจอตัวว่า ‘ชายชู้’ เป็นใคร สารเลว! ‘ชายชู้’ คนนี้ทำผิดแล้วโดนตำหนักสวรรค์จับไปขังที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ลูกสาวตัวเองไม่มีทางเจอกับ ‘ชายชู้’ ได้เลย ตัวเองจะสืบเจอได้ก็แปลกแล้ว!

ก่อนหน้านี้หนึ่งพันปีทำไมถึงสืบไม่เจอล่ะ? นางสังเกตได้ตั้งนานแล้วว่าลูกสาวอาจจะเสียตัวไปแล้ว

เป็นเพราะ ‘ชายชู้’ คนนี้ย้ายออกจากตลาดสวรรค์ไปแล้ว ย้ายไปหน่วยองครักษ์ซ้ายของกองทัพองครักษ์ตำหนักสวรรค์ ในระหว่างนั้นถ้ามีการติดต่อกันบ้าง ก็เกรงว่าจะจับสังเกตได้ยาก อย่างไรเสียก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะจับตาดูลูกสาวตัวเองอย่างเข้มงวดตลอดเวลา

แล้วก่อนหน้านี้ตอนที่ ‘ชายชู้’ คนนี้อยู่ที่ตลาดสวรรค์ ทำไมตนถึงสืบไม่เจอล่ะ? เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เผยพิรุธเลย นางคิดไม่ออกเลยสักนิด!

แต่ไม่นานนางก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง เรื่องแบบนี้คนอื่นไม่กล้าทำ แต่คนที่มีอำนาจควบคุมตลาดสวรรค์คงจะกล้าทำ! นางจ้องเหมียวอี้พร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม “เจ้าขุดทางใต้ดินในตลาดสวรรค์ให้เชื่อมไปในร้านค้าสมาคมวีรชนเหรอ?”

เหมียวอี้มองไปทางหวงฝู่จวินโหรวโดยจิตใต้สำนึก นางส่ายหน้าเบาๆ บอกใบว่าตัวเองไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้

ปาดเหงื่อ! เดาเรื่องนี้ออกด้วยเหรอ? เหมียวอี้กินปูนร้อนท้อง เอามือลูบจมูก แล้วตอบอย่างเก้อเขินว่า “ทางใต้ดินนั่น ข้าถมทิ้งแล้ว”

ปวดเศียรเวียนเกล้า! หวงฝู่ตวนหรงเอามือลูบหน้าผาก ร่างกายโอนเอน นางมึนหัวนิดหน่อย สงสัยจะขุดทางใต้ดินแล้วจริงๆ ช่างใจกล้ายิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะขุดทางใต้ดินในตลาดสวรรค์ ไม่แปลกใจที่ตัวเองสืบไม่เจอเลย สงสัยคนที่ ‘ไม่เคยก้าวออกนอกประตู’ คู่นี้จะจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว

หลังจากหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างถี่กระชั้นพักหนึ่ง จู่ๆ หวงฝู่ตวนหรงที่ก้มหน้าเดินช้าๆ มาตรงหน้าลูกสาวก็เงยหน้าขึ้น แล้วลงมืออย่างกระทันหัน “เพี้ยะ” นางตบหน้าหนึ่งครั้งจนเกิดเสียงดังฟังชัด ตบจนหวงฝู่จวินโหรวถอยหลังหลายก้าวพร้อมเอามือปิดหน้า เกือบจะล้มไปแล้ว โชคดีที่เหมียวอี้เข้ามาประคองไว้ทัน

หวงฝู่จวินโหรวเอามือปิดหน้าพลางกัดปาดเงียบๆ แต่เหมียวอี้กลับกล่าวเสียงต่ำว่า “ชายหญิงรักกันเป็นเรื่องปกติ ผู้จัดการใหญ่ก็มีประสบการณ์มาก่อน ทำไมต้องลงไม้ลงมืออย่างไร้เหตุผลแบบนี้?”

“เรื่องในตระกูลพวกเรา เจ้าไม่ต้องเสือก!” หวงฝู่ตวนหรงแทบจะเอานิ้วจิ้มหน้าเหมียวอี้ นางโบกมือชี้ “ไสหัวไปตรงโน้น!”

หวงฝู่จวินโหรวเอามือออกจากใบหน้า แล้วผลักเหมียวอี้เงียบๆ เหมียวอี้ไม่ยอมปล่อยนาง นางจึงผลักซ้ำๆ หลายครั้ง

สุดท้ายเหมียวอี้จึงยอมถอยออกไปอยู่ด้านข้างอย่างช้าๆ แต่ปากกลับเตือนว่า “มีอะไรก็คุยกันดีๆ ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกสาวท่าน มีอะไรก็มาลงที่ข้าเถอะ ไม่จำเป็นต้องตีนาง”

หวงฝู่ตวนหรงไม่สนใจเขาอีก แต่ชี้หน้าลูกสาวตัวเอง ทำสีหน้าเหมือนกำลังด่าทอ “เจ้าบ้าไปแล้วใช่มั้ย? เจ้าจะหาผู้ชาย แม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่จะหาแบบไหนก็ไม่หา ทำไมเจ้ามาหาผู้ชายแบบเขาล่ะ? เจ้าไม่รู้เบื้องหลังของพวกเราเหรอ? เจ้าไม่รู้จักฐานะของเขารึไง? เจ้าไม่รู้เหรอว่าการแต่งงานของคนตระกูลหวงฝู่ไปแตะใครไม่ได้? สมาคมวีรชนมีลักษณะเป็นยังไงเจ้าไม่รู้เหรอ สาเหตุที่พวกขุนนางใหญ่ของตำหนักสวรรค์ละเลยการมีอยู่ของพวกเรา ก็เพราะพวกเราขีดเส้นแบ่งชัดเจน พวกเขาเข้าใจเบื้องหลังของพวกเราก็เลยไม่อยากมาหาเรื่อง แต่เมื่อไรที่พวกเรายื่นมือไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนบางพวก ขุนนางใหญ่พวกนั้นก็จะตัด ‘กรงเล็บ’ อย่างสมาคมวีรชนทันที ทั้งยังเป็นขุนนางของหน่วยองครักษ์ซ้ายอีก หน่วยองครักษ์ซ้ายทำอะไรล่ะ? นั่นคือองครักษ์ของราชันสวรรค์นะ สมาคมวีรชนกล้ายื่นมือเข้ามาในกองทัพองครักษ์โดยไม่รายงานเบื้องบน ทั้งยังปิดบังมาหลายปีขนาดนี้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา เจ้ารู้ถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า? เจ้าอยากจะลากทั้งตระกูลตระกูลหวงฝู่ลงหลุมศพไปกับเจ้าด้วยใช่มั้ย? เจ้าบอกมาซิว่าเจ้าบ้าไปแล้วรึเปล่า!”

ในหัวของหวงฝู่จวินโหรวมีน้ำตาคลอ “ท่านแม่ ในปีนั้นตอนนี้พวกเราอยู่ด้วยกัน เขายังไม่ได้เข้าไปอยู่ในตำหนักสวรรค์เลย ไม่อย่างนั้นลูกคงตัดขาดกับเขาไปแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนหลัง ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึง จะมาเสียใจทีหลังก็สายไปแล้วค่ะ!”

“อะไรนะ?” หวงฝู่ตวนหรงตะลึงค้าง นึกไม่ว่าถึงว่าลูกสาวกับเจ้าเวรนี่จะลักลอบคบกันเร็วกว่าที่นางค้นพบอีก “ตนอเขายังไม่ได้เข้าตำหนักสวรรค์ พวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันแล้วเหรอ? เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?”

หวงฝู่จวินโหรวตอบเสียงเบาอย่างทุกข์ใจว่า “ก่อนที่สมาคมวีรชนจะเอาหุ้นจากร้านขายของชำซื่อตรงไม่นาน”

“อะไรนะ?” หวงฝู่ตวนหรงส่ายหน้า นางไม่เชื่อ “เหลวไหลสิ้นดี! ตอนนั้นเจ้าช่วยปีศาจโลหิตกำจัดเขา เจ้าต้องการจะฆ่าเขา เขาเองก็อยากฆ่าเจ้า ตอนนั้นกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเจ้ายังมีอารมณ์มาทำเรื่องแบบนี้อีกเหรอ?”

“ลูกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ตอนนั้นเลอะเลือนจนมีความสัมพันธ์กันแล้ว” หวงฝู่จวินโหรวตอบ

ไม่ได้สิ! หวงฝู่ตวนหรงทำใจรับไม่ได้จริงๆ รู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า เอนตัวไปด้านข้างอย่างช้าๆ เอามือประคองเก้าอี้ไว้แล้วค่อยๆ นั่งลง

เมื่อเห็นมารดามีท่าทีผิดปกติไป หวงฝู่จวินโหรวก็รีบก้าวเข้ามาประคอง หวงฝู่ตวนหรงกลับไม่รับน้ำใจ ผลักนางออกไป แล้วนั่งพิงเก้าอี้พร้อมเอามือนวดหน้าผาก นางหอบหายใจ อัดอั้นตันใจจะตายอยู่แล้ว

นางคิดไม่ตกจริงๆ คู่แค้นที่สู้กันเอาเป็นเอาตาย ยังไม่ทันได้เกลียดกันเลย จะทำแบบนั้นได้อย่างไร? ไม่ใช่เรื่องที่คนปกติจะทำได้เลย!

ไม่ง่ายเลยกว่าจะอาการดีขึ้น หวงฝู่ตวนหรงค่อยๆ ได้สติกลับมา นางเองก็เคยผ่านช่วงที่ยังไม่แต่งงานมาก่อน เข้าใจผู้หญิงในเวลานั้นดี ในด้านความรักไม่ได้ใช้สติปัญญาแยกแยะเลย นางพยายามส่ายหน้า ให้ตัวเองยอมรับความจริงนี้ แล้วกัดฟันพูดอีกว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ในเมื่อตอนนั้นเป็นแบบนั้นไปแล้ว ทำไมเจ้าไม่บอกแม่ ทำไมไม่ฉวยโอกาสบอกแม่ตอนที่เขายังไม่เข้ารับตำแหน่งในตำหนักสวรรค์? ตอนนั้นแม่สามารถช่วยให้พวกเจ้าสองคนอยู่ด้วยกันได้อย่างสมเหตุสมผล ทำไมต้องทำให้กลายเป็นแบบนี้?”

“เข้าไม่ยอมแต่งงานเข้าบ้านผู้หญิง จะให้ลูกก้มหน้าขอร้องเขาเหรอ” หวงฝู่จวินโหรวตอบ

เหมียวอี้ที่อยู่ข้างๆ อับอายเกินไปจริงๆ พอนึกถึงเรื่องนี้ ที่จริงตัวเองก็เป็นคนผิด ตอนนี้เขาเองก็ไม่เข้าใจชัดเจนว่าในตัวเองตอนนั้นรู้สึกอย่างไร ถึงได้ฝืนทำเรื่องแบบนั้นกับหวงฝู่จวินโหรว แน่นอน มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาสงสัย ว่าทำไมตอนนั้นหวงฝู่จวินโหรวถึงไม่ขัดขืน? อาศัยวรยุทธ์ของเขาในตอนนั้นก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปขืนใจนางเลย จำได้รางๆ เพียงว่าหลังจากจับแขนหวงฝู่จวินโหรวไว้ เรื่องราวทุกอย่างหลังจากนั้นก็เกิดขึ้นเพราะความเลอะเลือนขาดสติแล้ว…

เพี้ยะ! หวงฝู่ตวนหรงตบที่วางมือ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “เขาทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้าแล้ว เจ้าบอกแม่ซิ เข้ามีสิทธิ์ไม่แต่งงานเข้าได้เหรอ? ถ่วงเวลามาจนถึงตอนนี้ จนกลายเป็นแบบนี้มันใช่เรื่องเหรอ? เขาไต่ตเจนถึงตำแหน่งแม่ทัพภาคกองมังกรดำของหน่วยองครักษ์ซ้ายแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังได้คุมอุทานหลวงของวังสวรรค์ด้วย อารักขาความปลอยภัยของฝ่าบาทและกลุ่มเหนียง การที่คนของสมาคมวีรชนแอบคบกับคนในตำแหน่งสำคัญอย่างแม่ทัพภาคกองทัพองครักษ์แบบนี้ ถือเป็นการยื่นมือไปอยู่ใต้หนังตาฝ่าบาทแล้ว ยื่นมือเข้าไปแทรกข้างกายฝ่าบาท ทั้งยังปิดบังมาหลายพันปี ไม่ว่าใครก็ต้องสงสัยทั้งนั้นว่าสมาคมวีรชนคิดจะทำอะไรกันแน่? แล้วเจ้าเวรนี่ก็บังเอิญก่อเรื่องในงานรับสนมของฝ่าบาทอีก ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้ล่ะ? ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมา แม้แต่อ๋องสวรรค์อิ๋งก็จะเพ่งเล็งพวกเราเช่นกัน ถึงตอนนั้นต่อให้ตระกูลหวงฝู่อธิบายยังไงก็ไร้ประโยชน์ ข้าจะอธิบายให้ชัดเจนได้เหรอ? ขนาดแม่ยังไม่เชื่อเหตุผลที่เจ้าบอก เจ้าคิดว่าฝ่าบทจะเชื่อคำอธิบายนี้เหรอ? เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจำเป็นต้องเชื่อมั้ย? พอมีสิ่งที่น่าสงสัยเพียงนิดเดียว เจ้ารู้มั้ยว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ยอมฆ่าผิดตัวดีกว่ายอมปล่อยให้หลุดมือ’? สมาคมวีรชนจะเปลี่ยนให้ใครดูแลก็ดูแลไป เบื้องบนไม่ยอมให้สุนัขรับใช้เสียการควบคุมมาแว้งกัดแน่!”

นางโมโหจะตายอยู่แล้ว ไม่สนใจด้วยว่าเหมียวอี้จะเป็นคนนอกหรือไม่ เปิดโปงกำพืดของสมาคมวีรชนออกมาเสียเลย

หวงฝู่จวินโหรวทำท่าจะร้องไห้ เหมียวอี้ไอแห้งๆ แล้วบอกว่า “ผู้จัดการใหญ่ ก็เพราะพวกเรารู้เรื่องนี้ไง ก็เพราะรู้เลยไม่กล้าทำอย่างเปิดเผย!”

“เหลวไหล! เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้! ผู้ชายอย่างพวกเจ้าไม่มีดีสักตัว ถ้าไม่ใช่เพราะกามตัณหาขับเคลื่อนความใจกล้าของเจ้า ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าลูกสาวข้าจะไม่รู้จักแยกแยะความสำคัญแบบนี้!” หวงฝู่ตวนหรงโบกมือชี้แล้วด่าเสียยับเยิน

เหมียวอี้เป็นวัวสันหลังหวะ โดนอีกฝ่ายเปิดโปงเรื่องแบบนี้แล้ว กอปรกับฐานะของอีกฝ่าย เขายังมีความมั่นใจอะไรจเถียงกลับอีกล่ะ ย่อมต้องหุบปากอยู่แล้ว

หวงฝู่ตวนหรงด่าเหมียวอี้จบแล้วก็ชี้หน้าด่าลูกสาวตัวเองอย่างปวดใจ “เจ้ามันโง่! ถ้าพูดในกรณีที่แย่ที่สุด ต่อให้เจ้าไม่ได้มีภูมิหลังแบบนี้ แต่เจ้าจะหาใครก็ได้ ทำไมต้องมาเอาเขาด้วย! คนที่ก่อเรื่องตั้งแต่เช้ายันค่ำ กลัวว่าตัวเองจะโดดเด่นไม่พอ สักวันหนึ่งก็ต้องไม่ตายดี เจ้าจะไปพัวพันกับเขาทำไม?” ขณะที่พูด บนใบหน้าก็ฉายแววเด็ดเดี่ยว ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “โหรวโหรว เจ้าต้องรู้นะ ว่าระหว่างเจ้ากับเขาเป็นไปไม่ได้ เขาเข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งในตำหนักสวรรค์ลึกเกินไป ต่อให้ตอนนี้เขาอยากจะออกจากตำหนักสวรรค์ก็ไม่ทันแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตำหนักสวรรค์จะปล่อยให้เขาออกไปหรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงว่าสมาคมวีรชนจะรับเขาไว้หรือเปล่า ต่อให้เก็บเขาไว้ก็ปกป้องเขาไว้ไม่ได้ เมื่อไรที่เขาไม่มีหน่วยองครักษ์ซ้ายถือหาง ตระกูลอิ๋งก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท