บทที่ 275
ดุเดือด
แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกมันย่อมไม่ใช่พวกเหล่าหนูระดับล่าง แต่เป็นพวกหนูระดับสูงของเผ่าพันธุ์หนู
เนื่องจากเหล่าหมาป่าผู้คุ้มกันจะไม่โจมตีหนูระดับล่าง เนื่องจากกฎในการทำสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ต้องมุ่งเน้นการต่อสู้ในระดับพลังของสัตว์อสูรที่มีระดับที่เท่าเทียมกัน
หากมีผู้ใดก็ตามละเมิดข้อตกลงในการทำสงคราม จะทำให้เกิดความโกลาหล
และทำให้สัตว์อสูรอื่นๆ ในระดับขั้นพลังที่แตกต่างกัน ก็จะละเมิดข้อตกลง และเข้าห้ำหั่นโดยไร้หลักเกณฑ์ที่ปฏิบัติกันมา อาจจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมเนื่องจาก สัตว์อสูรที่อ่อนแอ ย่อมจะถูกสังหารจนหมดสิ้น
ในตอนแรก มี หมาป่าลมกรดธรรมดาจำนวน 300,000 ตัว ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากการต่อสู้ จำนวนของพวกมันลดลงอย่างน่าใจหาย หลงเหลือหมาป่าลมกรด เพียง 100,000 ตัว และมีจำนวนน้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามถึงสามเท่า
“คิดจะสู้งั้นหรือ…. ข้าไม่เคยหวาดกลัว! ในวันนี้เผ่าหมาป่าลมกรดต้องหายสาบสูญไปจากดินแดนแห่งนี้อย่างสิ้นเชิง เพื่อลบล้างความอัปยศอดสู ที่สะสมมานานหลายพันหลายหมื่นปี”
ด้วยเหตุนั้น ราชาหนูจึงสั่งบริวารของตนเข้าโจมตีทันที
เห็นได้ชัดว่าราชาหนูนั้น ลอบวางกับดักนี้ขึ้นมา โดยรอบๆ ตัวของมัน จะปรากฏร่างขององครักษ์สัตว์อสูร
ขั้นศักดิ์สิทธิ์ และเข้าล้อมกรอบราชาหมาป่าลมกรดทันที เนื่องจากจำนวนที่ได้เปรียบของเหล่าหนู มันมีประสงค์ในเย้ยหยันและกลั่นแกล้งราชาหมาป่าลมกรด ที่มีองครักษ์สัตว์อสูร รายล้อมในขั้นศักดิ์สิทธิ์จำนวนหยิบมือเดียว
ตราบใดที่องครักษ์สัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์รอบตัวมันถูกสังหารลงไปจนหมดสิ้น เมื่อถึงเวลานั้น จะถึงคราวเรคราะห์ของ ราชาหมาป่าลมกรด และในดินแดนนี้จะไม่มีสัตว์อสูรลมกรดอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ราชาหนูกลับส่งบริวารของมัน ในขั้นศักดิ์สิทธิ์ เพื่อล้อมกรอบราชาหมาป่าลมกรด เพื่อฉวยโอกาสสังหาร
ส่วนทางด้านราชาหนูกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่กระโดดเข้ามาร่วมการต่อสู้
“ โฮก” ตามธรรมชาติราชาหมาป่าลมกรดไม่อาจเพิกเฉย เมื่ออีกฝ่ายนั้นส่งสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อสังหารบริวารและตนเอง อย่างไรก็ตามจำนวนของบริวารสัตว์อสูรหมาป่าลมกรดนั้น มิอาจเทียบได้กับราชาหนู
ดังนั้นมันจึงต้องเป็นผู้นำในการโจมตี และต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดด้วยตนเอง
สงครามยืดเยื้อและกินเวลานานมาก จนหลินเว่ยไม่สามารถรับรู้ได้ว่า ผ่านไปนานเท่านั้น
เขาเพียงเพ่งสายตามองไปเบื้องหน้าสนามรบ ด้วยอาการตัวสั่น เนื่องจากความตื่นเต้นอย่างห้ามไม่อยู่
ในตอนแรก มีสัตว์อสูรหมาป่าลมกรดจำนวนมากกว่า 300,000 ตัว และมีบริวารหนู มากกว่า 2 ล้านตัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด ท้ายที่สุดเหล่าหมาป่าก็สามารถเอาชนะสงครามย่อยนี้ไปได้ แต่แลกมาด้วยความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย เมื่อสงครามพลันสงบลงเพียงครู่ บรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกเลือด จากร่างของ
ซากศพหนูเกลื่อนกลาด และทางฝ่ายของสัตว์อสูรหมาป่าลมกรดได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวน 2000 ตัว
อย่างไรก็ตาม ยังมีสัตว์อสูรหมาป่าลมกรดที่ยังรอดชีวิตอีกหลายพันตัว แต่พวกมันทั้งหมดต่างได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า
ในการต่อสู้ในตอนท้าย หมาป่าลมกรดที่เหลืออีกหลายพันตัว ได้ก้าวถอยห่างออกไปไกล ตามคำสั่งของ
ราชาหมาป่าลมกรด เนื่องจากต่อไปนี้จะเป็นการต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้
ปรากฏซากศพมากมายอยู่บนพื้นดิน หากมองเผินๆแล้ว ผู้ที่บาดเจ็บและสูญเสียมากที่สุดคือ ราชาหนู
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้สถานการณ์ตรงหน้าพลันย่ำแย่ เนื่องจากพวกมันแต่ละตัวถูกโจมตี ด้วยหนูหลายสิบตัว ที่เข้าโรมรัน ในเวลาเดียวกัน จากนั้นไม่นานจำนวนของสัตว์อสูรหมาป่าลมกรด ก็ค่อยลดน้อยลงไปอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ในสนามรบของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ก็ปรากฏร่างของผู้บาดเจ็บล้มตาย เป็นร่างของหนูขั้นศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดเจ็ดตัวที่ถูกสังหารในการเข้าโจมตีในครั้งแรก ซึ่งเป็นฝีมือของราชาหมาป่าลมกรดที่ตรงเข้าฉีกร่างของ หนูขั้นศักดิ์สิทธิ์
ทั้งสองตัวติดต่อกัน และเข้าต่อสู้โดยไม่หยุดพัก ในขณะที่ฝ่ายของหมาป่าลมกรดขั้น ศักดิ์สิทธิ์ ถูกสังหารลงไปเพียงสองตัวเท่านั้น
เมื่อราชาหนูเห็นว่า ฝ่ายของตนเองก็เกิดความสูญเสียไม่น้อย โดยเฉพาะ บริวารขั้นศักดิ์สิทธิ์
ดวงตาของราชาหนูนั้น คลอไปด้วยหยาดน้ำตา มันอ้าปากตะโกนขึ้นว่า “ราชาหมาป่าลมกรด….. โปรดช้าก่อน!
ข้าจะมอบร่างของบริวารเจ้านำกลับไป” ราชาหนูเอ่ยอย่างรีบร้อน เกรงว่าจะไม่ทันการ
“ฮึ่ม! มันสายไปแล้ว ราชาหมาป่าลมกรดตะคอกอย่างเย็นชา และปฏิเสธข้อเสนอของราชาหนูโดยตรง
จากนั้นฉวยโอกาสกัดคอหนูขั้นศักดิ์สิทธิ์จนสิ้นใจอีกร่าง
“กึก!”เสียงที่คมชัดดังออกมา เนื่องจากลำคอของหนูขั้นศักดิ์สิทธิ์ ถูกฉีกกระชาก
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายของมันก็ไร้เรี่ยวแรง และหมดลมหายใจลงไปอย่างเงียบๆ
“สารเลว! ราชาหมาป่าลมกรดตนนี้ แข็งแกร่งมากเกินไป… จนข้าไม่รู้ว่า เสี่ยวจินจะสามารถรับมือกับมันได้หรือไม่?”
หลินเว่ยมองไปที่ราชาหมาป่าลมกรด ในช่วงเวลาสั้น ๆ มันสามารถสังหาร หนูขั้นศักดิ์สิทธิ์ ไปได้หลายตัวแล้ว
และหน้าผากของราชาหนู ก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ที่ราชาหมาป่าลมกรดปฏิเสธที่จะทำตามข้อตกลง
ราชาหนู เมื่อเห็นว่าราชาหมาป่าลมกรด ไล่ล่าสังหารบริวารของตนไม่หยุดหย่อน ในที่สุด
มันก็อดไม่ได้ และกระโจนร่างเข้าร่วมในการต่อสู้
“สวบสาบ!” ศีรษะของหมาป่าลมกรดตัวหนึ่ง กระชากออกพร้อมกับเลือดจำนวนมากที่กระฉูดทะลัก
เหนือร่างของมัน มีศีรษะที่กลิ้งลงกับพื้น ดวงตาปิดสนิท
หลังจากการลอบโจมตีหมาป่าลมกรดขั้นศักดิ์สิทธิ์ ราชาหนูก็ยังไม่ยุติการโจมตี และเข้าโจมตีหมาป่าลมกรด
อีกครั้ง
“ หวา!”
“สวบสาบ!” ร่างเงาวาบเหนือศีรษะหมาป่า ที่ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้น ร่างหมาป่าลมกรดที่ไร้ศีรษะก็ล้มลงไปอย่างเงียบๆ
“ สารเลว!”เมื่อราชาหมาป่าลมกรดเห็นฉากนี้ คิ้วของเขาขมวดแน่น และดวงตาของเขาห้อไปด้วยเลือด มัน
คำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธ จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปที่ร่างของราชาหนู
บริวารของเขานั้นเหลืออยู่ไม่มากแล้ว หากปล่อยให้ราชาหนูโจมตีต่อไป เขาอาจจะไม่หลงเหลือลูกน้องแม้เพียงตนเดียว
เมื่อพบว่าราชาหมาป่าลมกรด จ้องมองมาที่ตัวเอง ดวงตาของราชาหนูก็กะพริบ
และจากนั้น มันก็ขยับร่างเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของราชาหมาป่าลมกรด
และสามารถหลบหลีกได้อย่างว่องไว
สำหรับความแข็งแกร่งของราชาหมาป่าลมกรดนั้น ภายในใจของราชาหนู รับรู้ได้ชัดเจนกว่าใครๆ
ว่า ตนเองนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ดังนั้นมันแค่ต้องการที่จะหลบหนีและถ่วงเวลา
“อย่าวิ่งหนีข้า….หากเจ้ามีปัญญามาสู้กับข้า! ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น” ๆ ราชาหมาป่าลมกรด คำรามร้อง อย่างโกรธเกรี้ยว
“โอ้! ไล่จับข้าให้ทันสิ” ราชาหนูยิ้มเยาะและเอ่ยพูดอย่างท้าทาย และโอ้อวด
เป็นที่รู้กันดีว่า ความเร็วของราชาหมาป่าลมกรดนั้น หาตัวจับได้ยาก แต่มันกลับไม่สามารถคว้าร่างของราชาหนูได้
สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าความเร็วของราชาหนูนั้นจะรวดเร็วกว่าราชาหมาป่าลมกรด จะว่าไปแล้ว ด้วยความเร็วของราชาหนู ไม่สามารถเรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ได้เลย เหตุผลที่ราชาหนูสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็วคือ
มันอาศัยพื้นที่บริเวณโดยรอบของสัตว์อสูรหมาป่าลมกรดตนอื่นๆ และวิ่งไปมาอย่างฉวัดเฉวียน
ทำให้ราชาหมาป่าลมกรด เกรงว่าจะพลั้งมือและทำให้บริวารบาดเจ็บ
“โฮก...สารเลว” ราชาหมาป่าลมกรดคำรามกลางอากาศ ทิ้งเงาไว้ข้างหลัง
อย่างไรก็ตาม ด้วยการลดจำนวนของทั้งสองฝ่าย พื้นที่สำหรับการหลบหนีของราชาหนูก็แคบลง ในที่สุดราชาหมาป่าลมกรดก็ฉวยโอกาส และตบไปที่ร่างของราชาหนูทันที
ต่อมา ราชาหมาป่าลมกรด เริ่มไล่ล่าราชาหนู แต่สถานการณ์ของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขานั้น ไม่ได้ดีขึ้น มีหนูศักดิ์สิทธิ์ มากกว่า 20 ตน ที่หลงเหลืออยู่ และมีหมาป่าลมกรดศักดิ์สิทธิ์ เพียงห้าตัวเท่านั้น
ในเวลานี้มีเสียงคำรามของสิงโตดังขึ้นในระยะไกล ๆ ซึ่งทำให้การโจมตีของราชาหมาป่าลมกรดหยุดชะงัก
ดังนั้นราชาหนูจึงฉวยโอกาส และผละออกจากระยะโจมตีของราชาหมาป่าลมกรด
“บ้าน่า! แขกไม่ได้รับเชิญ” หลินเว่ยมองไปบนท้องฟ้าในระยะไกล เมฆมืดกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว หัวคิ้วของเขาย่นในทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป และเขาก็ดุด่าออกมา
“ โฮก!”
“ โฮก!”
“ ฮึก ด้วยเสียงคำรามของสิงโต และมีเสียงของอากาศที่ถูกฉีกกระชากดังสนั่น
” เจ้าหมาป่า! พวกเราหยุดการต่อสู้ไว้ก่อนเถอะ?” ดวงตาของราชาหนูกะพริบ และพูดกับราชาหมาป่าลมกรดอย่างรีบร้อน
“ดี!” ราชาหมาป่าลมกรดพยักหน้า แม้ว่ามันต้องการที่จะสังหารอีกฝ่าย แต่ตอนนี้สามารถยอมแพ้ได้ชั่วคราวเท่านั้น
ในไม่ช้าการต่อสู้ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว และแต่ละคนก็หลบซ่อน
ไม่กี่นาทีต่อมา กลุ่มอินทรีพยัคฆ์ก็บินผ่านไปนับจำนวนหลายหมื่น อินทรีพยัคฆ์จ่าฝูง ปกคลุมด้วยขนสีทอง
อินทรีพยัคฆ์เหล่านี้ มีรูปร่าง ศีรษะคล้ายสิงโต แต่ร่างกายของพวกมันเป็นร่างของนกอินทรี สัตว์เลี้ยงสงครามของเหลยเป่า คืออินทรีพยัคฆ์ ที่มาถึงจุดสูงสุดขั้นเก้า ดังนั้น หลินเว่ยจึงคุ้นเคยกับอินทรีพยัคฆ์
แม้ว่าจำนวนของอินทรีพยัคฆ์ไม่มากนัก แต่ก็เทียบไม่ได้กับหมาป่าลมกรดและหนู แต่พลังของพวกมันแข็งแกร่งมาก โดยพื้นฐานแล้ว พวกมันเป็นความแข็งแกร่งของจุดสูงสุดของขั้นเก้า และมี 33 ตน ของอินทรีพยัคฆ์ ที่มาถึงระดับศักดิ์สิทธิ์