ตอนที่ 105 เหล้ายุติความแค้น (1)
ถังจือขมวดคิ้ว นางมีท่าทีเย็นชา หน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ชาตินี้ พวกเราทหารทัพเลือดเหล็กเชื่อฟังน่าหลานฮองเฮาเพียงผู้เดียวเท่านั้น เมื่อน่าหลานฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ก็ต้องให้องค์หญิงใหญ่เป็นผู้สืบทอด เชิญองค์หญิงรองกลับไปเถิดเพคะ”
“ถังจือ!” รอยยิ้มของเฟิงหรูซวงหายไป “เจ้าแน่ใจนะว่าจะเป็นลูกสมุนของคนไม่ดี น่าหลานฮองเฮาใช้เวลานานหลายปีกว่าจะสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้ เพราะการตัดสินใจของพวกเจ้าในตอนนี้ จะทำให้ชื่อเสียงที่มีต้องเสื่อมเสีย? เสด็จแม่ของข้าทำเพื่อไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ แต่พวกเจ้ากลับเลือกที่จะสวามิภักดิ์กับคนที่ทำแต่ความชั่ว”
ถ้าไม่เป็นเพราะถังจือผู้เป็นหัวหน้ากองทัพที่มีใจเด็ดเดี่ยวไม่หวั่นไหว ไม่แน่ว่าคนในกองทัพอาจถูกนางซื้อไปเป็นพวกแล้วก็ได้ ไม่อย่างนั้นหลายปีที่นางได้ป้ายเลือดเหล็กไปอยู่ในมือ เหตุใดจึงไม่มีใครในกองทัพที่ไปยอมสวามิภักดิ์กับนางสักคน
“เงียบเดี๋ยวนี้!” หลิงอวิ้นสีหน้าโกรธ นางพูดด้วยความโมโห “การตัดสินใจของกองทัพพวกข้า ท่านไม่ต้องมายุ่ง!”
เฟิงหรูซวงหัวเราะหึ นางมองคนในกองทัพที่อยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเย้ยหยัน
“เจ้าลองถามคนพวกนี้ดูสิ ว่ามีสักกี่คนที่ยินดีรับใช้เฟิงหรูชิง”
ผู้คนทั้งหลายนิ่งเงียบ มองหน้ากันและกัน ไม่พูดไม่จา
จากนั้นไม่นาน เสียงที่ฟังดูจริงจังก็ดังลอยมาจากด้านหลัง ฟังดูชัดเจนท่ามกลางสวนที่เงียบสงัด
“หัวหน้า ความจริงบางอย่างที่นางพูดก็ถูกต้อง ทัพเลือดเหล็กเป็นทหารที่แข็งแกร่ง หน้าที่ของพวกเราคือการปกป้องบ้านเมือง ไม่ใช่การรังแกชาวบ้าน เมื่อก่อนองค์หญิงใหญ่เป็นอย่างไร พวกเราต่างรู้ดี หากนางให้พวกเราช่วยนางรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ไม่เท่ากับทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นทหารของเราต้องเสียเปล่าหรือ”
เรื่องชั่วๆ ที่นางเคยทำมีมากมายเหลือเกิน
รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า กดขี่ข่มเหงราษฏร
เดิมทีคนของแคว้นหลิวอวิ๋นก็ไม่กล้าต่อต้านนางอยู่แล้ว หากมีกองทัพคอยหนุนหลังด้วย แล้วใครจะกล้าขัดคำสั่งของนางเล่า
การตรากตรำทำศึกตลอดหลายปีของน่าหลานฮองเฮา ทำให้กองทัพมีชื่อเสียงเช่นทุกวันนี้ จะปล่อยให้องค์หญิงใหญ่มาทำลายมันลงในพริบตาไม่ได้
“พวกเจ้าหุบปาก!” ถังจือจองมองคนในกองทัพตาเขม็ง น้ำเสียงของนางฟังดูเคร่งขรึม “ไม่ว่าอย่างไร ทัพเลือดเหล็กของเราจะขอสวามิภักดิ์ต่อคนๆ เดียวเท่านั้น! ถ้าไม่ใช่การตายในสนามรบ ข้าจะไม่มีวันไปจากที่นี่เด็ดขาด!”
ทุกคนตรงนั้นเงียบเสียงลง พวกเขาไม่อยากทรยศต่อน่าหลานฮองเฮา แต่ว่าการกระทำขององค์หญิงทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังมานานแล้ว
พวกเขายอมที่จะไม่มีผลงานอะไร ดีกว่าต้องติดตามนางไปก่อความวุ่นวายตามที่ต่างๆ
ถังจือหันไปมองเฟิงหรูซวงด้วยแววตาเย็นชา “ท่านกลับไปเถอะ ข้าจะถือว่าท่านไม่ได้มาที่นี่ แล้วก็เอาโสมคนของท่านกลับไปด้วย พวกเราไม่ต้องการ”
“เจ้า…”
เฟิงหรูซวงกำมือแน่น
ทั้งๆ ที่นางเป็นองค์หญิงของแคว้นหลิวอวิ๋น นอกจากเวลาอยู่กับเฟิงหรูชิงแล้ว นางไม่เคยเสียเปรียบใครทั้งนั้น ถังจือที่สมควรตายคนนี้ บังอาจนักที่ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา!
“ถังจือ เจ้าคิดหรือว่าที่ข้ามาวันนี้มันไม่มีเหตุผลอะไร” จู่ๆ เฟิงหรูซวงก็ยิ้ม สีหน้าดูสดใสงดงาม “ข้าได้ยินพี่สาวข้าคุยกับนางกำนัล นางพูดเองว่า นางได้ป้ายเลือดเหล็กกลับมาแล้ว จะได้เอาไปใช้รังแกชาวบ้าน ฆ่าผู้บริสุทธิ์ พวกเจ้ารับใช้นาง สุดท้ายก็จะกลายเป็นคนชั่วที่โลกจารึกไปกับนางด้วย ทำไมถึงยอมให้เป็นเช่นนั้นเล่า”
ถังจือขมวดคิ้วซ้ำ สายตาอันเย็นชาจ้องมองไปที่เฟิงหรูซวง
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน องค์หญิงเห็นใจที่พวกเราฝึกซ้อมกันอย่างเหน็ดเหนื่อย เลยเอาเทียนหลิงกั่วมาให้พวกเราด้วยตนเอง”
เฟิงหรูซวงตะลึง คนไม่เอาไหนคนนั้นยอมซื้อยาวิเศษมาให้ทัพเลือดเหล็กด้วยหรือ
ดูท่าครั้งนี้ นางทุ่มเต็มที่
“ข้าเคยได้ยินหมอหลวงพูดว่า เทียนหลิงกั่วเป็นแค่ยาวิเศษระดับหนึ่ง แม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่ราคาก็ไม่ได้แพงมหาศาล คิดไม่ถึงว่าหัวหน้ากองทัพของทัพเลือดเหล็กอย่างเจ้า จะซื้อได้ด้วยผลเทียนหลิงกั่ว ที่นางทำแบบนี้ ก็เพื่อซื้อใจพวกเจ้าเท่านั้น เจ้ามองไม่ออกหรืออย่างไร”
……………………………
ตอนที่ 106 เหล้ายุติความแค้น (2)
เฟิงหรูซวงถอนหายใจด้วยความจนใจ น้ำเสียงของนางปะปนด้วยหลายอารมณ์
“เสด็จแม่ของข้าช่างน่าสงสาร สมัยก่อนทุ่มเทไปมากแต่กลับถูกคนทั้งหลายเข้าใจผิด คิดว่านางแย่งของคนอื่น แต่ความจริงแล้ว นางกำลังทำเพื่อบ้านเมือง”
ถังจือไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจนางกำลังรู้สึกหงุดหงิด ไม่ว่าเฟิงหรูชิงจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ทัพเลือดเหล็กของพวกเขา จะไม่มีทางสวามิภักดิ์ต่อคนนอกเด็ดขาด!
ผ่านมาหลายปีแล้ว นางยังไม่เข้าใจอีกหรือถ้าไม่นับถังจือ จิตใจของคนอื่นๆ ในกองทัพจิตใจล้วนสั่นคลอนหมดแล้ว เพราะถึงอย่างไรการกระทำของเฟิงหรูชิงตลอดหลายปีที่ผ่านมาล้วนเป็นที่ประจักษ์ สิ่งที่องค์หญิงรองพูด เฟิงหรูชิงทำได้ทั้งนั้น เมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นท่าทางกระวนกระวายใจ เฟิงหรูชิงหัวเราะหึ
ถ้าจะเปลี่ยนใจผู้หญิงอย่างถังจือคงไม่ง่าย แต่นางใช้วิธีทำให้คนอื่นๆ รู้สึกหวั่นไหวได้นี่! เมื่อกองทัพไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นางก็จะได้โอกาสเข้าควบคุม ถึงเวลานั้นเปลี่ยนคนอื่นขึ้นเป็นหัวหน้าแทนถังจือ ก็ไม่เห็นจะยากอะไร
“ท่านอย่ามาพูดจาเหลวไหล!” หลิ่วอวิ้นเฉินทั้งอายทั้งโมโห
“เฮอะๆ” เฟิงหรูซวงหัวเราะเยาะ “เสด็จแม่ของข้าเป็นแพะรับบาปมานานหลายปีแล้ว วันนี้ข้าจะคืนความยุติธรรมให้นาง ข้าจะให้พวกเจ้ารู้ว่าใครกันแน่ที่คิดถึงบ้านเมืองอย่างแท้จริง! ใครกันแน่…ที่เป็นเจ้าของป้ายเลือดเหล็กที่แท้จริง!”
ยายหมูตอนเฟิงหรูชิงจะมีปัญญาอะไร นางแย่งเสด็จพ่อ แย่งความรักจากเสด็จพ่อจากนางไปก็มากพอแล้ว นี่ยังจะเอาป้ายเลือดเหล็กจากนางไปอีก! นางไม่มีรามือง่ายๆ !
“เจ้าของที่แท้จริง…ของป้ายเลือดเหล็ก?”
ในสายลมพัดเอื่อย จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะลอยมาเข้าหู เฟิงหรูซวงมีอาการเสียวสันหลังวาบ
เฟิงหรูซวงหันหลังไปอย่างสับสน แววตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจ
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหญิงสาว ดูสดใส ดูน่ารักมีเสน่ห์
ดวงตาของนางดำ บริสุทธิ์ และเป็นประกาย แต่เมื่อมองมา ทำให้รู้สึกอยากมุดหน้าหนี รู้สึกอับอายเหลือแสน
“ท่านพี่!”
ไม่นานเฟิงหรูซวงก็ตั้งสติได้ นางทำตัวเหมือนไม่มีอะไร นางยิ้มแล้วเดินไปหาเฟิงหรูชิง
“ท่านมาได้อย่างไร นานมากแล้วที่ท่านไม่มาที่วังหลวง ข้ายังนึกว่าแม้แต่เสด็จพ่อท่านก็ลืมไปแล้วเสียอีก ไม่ยอมมาเยี่ยมเขาบ้างเลย”
เฟิงหรูชิงหยีตาและยิ้ม “ช่วยไม่ได้ เพื่อแบ่งเบาภาระของเสด็จพ่อ ข้าต้องพัฒนาความสามารถของตัวเอง ช่วงนี้ยุ่งจนไม่มีเวลามาเยี่ยมพระองค์ ก็คงต้องยอมได้ชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู แต่เสด็จพ่อรักข้าขนาดนี้ ข้าว่าพระองค์คงไม่ถือสา”
ช่วงนี้นางยุ่งอยู่กับการฝึกตบะและการปรุงอาหารบำรุงสุขภาพ จะเอาเวลาจากไหนมาเข้าวัง แม้แต่จวนองค์หญิงนางก็ไม่ได้ออกเป็นเวลาหลายวันแล้ว
เฟิงหรูซวงหน้าเจื่อน “ท่านพี่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” แววตาของเฟิงหรูชิงดูสงสัยและรู้สึกแปลกๆ “หรือว่าเมื่อกี้ข้าพูดอะไรผิดไป เจ้าเป็นห่วงข้า ข้าจะเข้าใจเจ้าผิดได้อย่างไรกัน เว้นเสียแต่เจ้าคิดอย่างนั้นมาแต่แรกแล้ว”
เฟิงหรูซวงโมโหเสียอยากจะตบนางให้ตาย แต่นางรู้ว่าตัวเองสู้คนของทัพเลือดเหล็กไม่ได้ ทำได้แต่เก็บความโมโหนั่นไว้ข้างใน
“จริงสิ เมื่อกี้เข้าได้ยินเจ้าพูดถึงป้ายเลือดเหล็ก?” จู่ๆ น้ำเสียงของเฟิงหรูชิงก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“ใครบอกเจ้าว่าป้ายเลือดเหล็กมีเจ้าของ”
เฟิงหรูซวงอึ้ง นางเงยหน้ามองเฟิงหรูชิงอย่างงวยงง “ท่านพี่หมายความว่าอย่างไร”
……………………………………….