ตอนที่ 157 องค์หญิงคลุ้มคลั่ง (4)
ใบหน้าสูงวัยของถานหลินแข็งตึง ถลึงตาโตใส่เจ้ากรมอาญาหลิน
บุตรสาวของเจ้ากรมอาญาหลินคนนี้หลินเย่ว์อิ่งก็ถูกเฟิงหรูชิงรังแกไม่น้อยเช่นกัน ตอนนี้พระอาทิตย์กลับขึ้นทางตะวันตกเสียแล้ว พูดเพื่อองค์หญิงอย่างนั้นหรือ
“กระหม่อมเห็นด้วยกับเจ้ากรมอาญาหลิน” ผู้ตรวจการมู่ก้าวออกมาเช่นกัน ชำเลืองมองถานหลินแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มู่ชิงเอ๋อร์เคยบอกกับเขาว่ายาบดรักษาแผลเป็นนั้นองค์หญิงเป็นผู้ประทานให้
หากองค์หญิงมีความสามารถเช่นนี้แล้วยังกลับตัวใหม่ ก็อาจปล่อยวางเรื่องในอดีตเพื่อมิให้แคว้นหลิวอวิ๋นต้องเสียบุคคลผู้มีพรสวรรค์ไป
“ฝ่าบาท” น่าหลานฉางเฉียนจดจำเหล่าขุนนางที่เห็นด้วยกับถานหลินไว้จนขึ้นใจแล้วก้าวเท้าออกมาหัวเราะเสียงเย็น “พวกนี้ล้วนแต่เป็นขุนนางไร้ประโยชน์ทั้งนั้น หากพวกเขาอยากไปก็ให้พวกเขาเก็บข้าวของไสหัวไปซะ แคว้นหลิวอวิ๋นของข้าไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์เช่นนี้!”
“แม่ทัพน่าหลาน!” สีหน้าถานหลินเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยพลัน “ตอนนี้แคว้นหลิวอวิ๋นไม่มีฮองเฮาแล้ว ตระกูลน่าหลานก็ไม่มีเสาหลัก ท่านมีสิทธิ์อะไรคิดว่าตัวเองเพียงคนเดียวสามารถแบกทั้งแคว้นหลิวอวิ๋นไว้ได้อย่างนั้นหรือ? ตอนนั้นที่แคว้นอื่นมาบุกโจมตีพวกท่านมีกำลังไม่เพียงพอ ถ้าไม่มีพวกข้าเหล่าขุนนางช่วยกันวางแผนท่านคิดว่าจะรับมือแคว้นที่แข็งแกร่งเหล่านั้นได้หรือ”
ในโลกใบนี้ให้ความสำคัญกับฝ่ายบู๊ เช่นเดียวกัน หากแข็งแกร่งพอๆ กันหรืออ่อนแอกว่า คนวางแผนเองก็มีความสำคัญอย่างมาก
เมื่อก่อนแคว้นหลิวอวิ๋นมีน่าหลานฮองเฮาจึงไม่ต้องเกรงกลัวเหล่าประเทศที่แข็งแกร่ง
ถึงวันนี้เสาหลักตระกูลน่าหลาน แม่ทัพเฒ่าก็ร่างกายไม่แข็งแรงเหลือเพียงน่าหลานฉางเฉียน จะไปพออะไร?
…
วังหลวง
นอกป่าไผ่ทิศใต้
หนานเสียนหยุดฝีเท้าแล้วกลับหลังหัน แววตาเยือกเย็นดุจพระจันทร์ทรงกลด บดบังสาวน้อยตรงหน้า
“องค์หญิงจะตามข้าเข้าไปนั่งเล่นหรือไม่”
เฟิงหรูชิงอยากเข้าไปกับหนานเสียนแต่นานๆ นางจะเข้าวังอย่างไรก็ต้องไปเข้าเฝ้าเฟิงเทียนอวี้ก่อน
เพราะฉะนั้นนางจึงส่ายหน้า “กั๋วซือ ข้าส่งเจ้าตรงนี้แหละ ไว้ข้าจะมาหาเจ้าอีกทีหลัง”
“…”
เด็กนี่ตัวติดกับเขาตลอดจะตามเขามาป่าไผ่ทิศใต้แท้ๆ สุดท้าย…กลับกลายเป็นแค่มาส่งเขากลับเท่านั้น?
แต่ทว่า หนานเสียนก็ไม่ได้พูดอะไรแทงใจนางออกมา ยกมือขึ้นลูบศีรษะเฟิงหรูชิง “เมื่อครู่ที่อยู่หออันดับหนึ่ง ทั้งหมดที่ข้าพูดไปไม่ได้จงใจให้หลิวอวี้เฉินฟังเท่านั้น มันเป็นเรื่องจริงด้วย”
“…”
อะไร?
เฟิงหรูชิงกะพริบตาค้าง ไม่เข้าใจว่าคำพูดของหนานเสียนมันหมายความว่าอย่างไร
จนกระทั่งหนานเสียนหันหลังเดินจากไป ชุดฉางเผ่าสีจันทร์เสี้ยวหายลับไปจากสายตาเฟิงหรูชิงนางจึงจะได้สติกลับมา
เขาพูดว่า โลกนี้ไม่มีอะไรขัดขวางนางได้ ให้นางลงมือทำได้เลย
ที่แท้ประโยคนี้ เขาไม่ได้จงใจพูดเพื่อยั่วยุหลิวอวี้เฉินเท่านั้นแต่…พูดจริงอย่างนั้นเหรอ
ใจเฟิงหรูชิงอุ่นวาบขึ้นมา ความรู้สึกที่มีคนปกป้องตามใจมันดีจริง…
“องค์หญิง!”
ในตอนที่เฟิงหรูชิงกำลังหันหลังเตรียมออกจากตรงนั้นก็มีเงาร่างร่างหนึ่งซวนเซเข้ามาเกือบจะล้มลงตรงหน้าเฟิงหรูชิง
เฟิงหรูชิงตกใจถอยหลังไปหลายก้าวจึงจะมองเห็นขันทีที่ตรงเข้ามาหานางได้ชัด
“หลินกงกง เหตุใดจึงแตกตื่นเยี่ยงนี้?”
สีหน้าหลินกงกงมีแต่ความหวั่นวิตก “องค์หญิง เรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่องค์หญิงโบยถานซวงซวงแพร่กระจายออกไป ถานหลินกำลังนำเหล่าขุนนางอีกหลายคนกดดันฝ่าบาทที่ท้องพระโรง บีบให้ฝ่าบาทลงโทษองค์หญิง”
สีหน้าเฟิงหรูชิงเปลี่ยนไปทันที ความโกรธพุ่งเข้ามาแทนที่ โมโหจนอดลนทนไม่ไหว “หลินกงกง เจ้าช่วยข้าจัดการเรื่องเรื่องหนึ่ง!”
“อ๊ะ? แล้วองค์หญิงล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะไปหาพวกถังจือ! เจ้าไปจวนองค์หญิง ให้หมาป่าสีขาวนำสัตว์วิเศษในจวนของข้ามาให้หมด! ไม่ไว้หน้าข้ารังแกบิดาข้าเช่นนี้ ข้าจะทำให้เขาต้องเสียใจที่วันนี้ก่อนออกจากบ้านไม่ได้นำยาติดตัวมาด้วย!”
……………………………………..
ตอนที่ 158 สะเทือนท้องพระโรง (1)
ภายในพระราชวัง
ลานเล็กๆ ที่ห่างไกลและเงียบสงบ ถังจือถือทวนอยู่ในมือ แววตาขึงขังมองไปยังหญิงสวมชุดทหารสีฟ้าอมเขียวตรงหน้า ในน้ำเสียงแฝงด้วยความเข้มงวดและเยือกเย็น
“หลายวันมานี้พวกเจ้าก้าวหน้าช้ามาก แม้ตอนนี้จะไม่มีฮองเฮานำพวกเราสู้ศึกแต่องค์หญิงกลับมาแล้ว พวกเจ้าจะหละหลวมแบบนี้ต่อไปไม่ได้ หากครั้งหน้าข้ายังเห็นใครแอบขี้เกียจไม่ฝึกซ้อมละก็ ข้า ลงโทษตามวินัยทหาร!”
อย่างไร พวกนางก็เป็นฝ่ายทำผิดก่อน อาศัยช่วงที่ถังจือไม่อยู่แอบขี้เกียจ แล้วก็สุดแสนจะบังเอิญนางกลับมาเจอพอดี แล้วก็เป็นเช่นนี้ นางอยากจะช่วยก็ช่วยไม่ได้
แล้ว จู่ๆ หลิงอวิ้นก็ตาเป็นประกาย นางเห็นเฟิงหรูชิงกำลังเดินมาจากนอกลานก็รีบดึงแขนเสื้อถังจือ
“หัวหน้าถังจือ นายท่านมา” นายท่าน?
ถังจือชะงักไปเพียงครู่ กวาดสายตามองก็เห็นเฟิงหรูชิงท่าทางโมโหเดินเข้ามาจากด้านนอกลาน ตานางมีแววตกใจเล็กน้อย เอ่ยถาม “นายท่านมีเรื่องอันใดหรือ”
“ถังจือ ตอนนี้กองทัพเลือดเหล็กที่อยู่ภายในวังมีเหลืออยู่กี่คน” นัยน์ตาเฟิงหรูชิงแข็งขึง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
ถังจือตอบตามความจริง “เพื่อไม่ให้ทุกคนหละหลวมกันเกินไป หม่อมฉันส่งคนไปทำภารกิจบ้างในบางครั้ง ตอนนี้ที่เหลืออยู่ในวังมีประมาณสี่สิบคน”
“เช่นนั้นสี่สิบคนนี้ความสามารถเป็นเช่นไร?” เฟิงหรูชิงถามต่อ
ได้ยินดังนั้นมุมปากของถังจือก็ยกยิ้มขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “คนในทัพเลือดเหล็ก พลังกำลังความสามารถล้วนแตะระดับอู่เจินทั้งสิ้น กระหม่อมกับหลิงอวิ้นอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับอู่เจินแล้ว”
ในแคว้นหลิวอวิ๋นมีเพียงสองคนเท่านั้นที่อยู่ในระดับหลิงอู่
คนหนึ่งคือฮ่องเต้แห่งแคว้านหลิวอวิ๋นฝ่าบาทเฟิงเทียนอวี้ ส่วนอีกคนก็คือแม่ทัพเฒ่าน่าหลานที่เพิ่งสำเร็จระดับหลิงอู่ได้ไม่นาน
แต่ข่าวเรื่องแม่ทัพเฒ่าน่าหลานสำเร็จระดับหลิงอู่ไม่ได้ถูกแพร่ออกไป มีเพียงเฟิงเทียนอวี้กับคนทั้งสามตระกูลเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นถังจือในฐานะผู้มีพลังระดับเจินอู่ก็สมควรแล้วที่จะภาคภูมิใจ
อีกอย่าง พวกเขาทัพเลือดเหล็กไม่ว่าคนไหนก็ล้วนอยู่ในระดับเจินอู่ สำหรับแคว้นอื่นแล้วนี่คือกำลังรบที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถทำให้นานาแคว้นต้องอกสั่นขวัญหาย
แม้น่าหลานฮองเฮาจะจากไปนานหลายปีแล้วก็ยังไม่มีใครกล้ารุกรานแคว้นหลิวอวิ๋น
“ดีมาก!” เฟิงหรูชิงยกยิ้มเย็น “ถังจือ พวกเจ้าทุกคนหยิบอาวุธแล้วไปท้องพระโรงกับข้า!”
“…”
ถังจือตกตะลึงตาค้าง ให้พวกนางนำอาวุธไปท้องพระโรง? วันนี้องค์หญิงไปถูกอะไรยั่วยุมาหรืออย่างไร?
“องค์หญิง ที่หน้าท้องพระโรงเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เฟิงหรูชิงหัวเราะอย่างมิแยแสยำเกรง “ก็ไม่มีอะไร แค่พวกคนแก่ตายยากกล้ามาหาเรื่องเสด็จพ่อของข้า วันนี้ข้าจะให้พวกตาแก่ตายยากนั่นได้รู้ ว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของแคว้นหลิวอวิ๋น!”
…
ในท้องพระโรง
เฟิงเทียนอวี้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร แววตาเย็นยะเยือกมองดูการโต้แย้งกันไม่จบไม่สิ้นของทั้งสองฝั่งบริเวณคิ้วแสดงออกถึงอารมณ์ที่ไม่ควรปรากฏลางๆ คิ้วรูปปลายดาบฉายแววหงุดหงิด
“น่าหลานฉางเฉียน บิดาของเจ้ายังมิกล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าโอหังต่อหน้าข้า!” ใบหน้าสูงวัยของถานหลินโมโหจนเขียวคล้ำ ตวาดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “เก่งจริง ก็ให้แม่ทัพเฒ่าน่าหลานมาพูดกับข้า เจ้ายังไม่คู่ควรจะมาพูดกับข้าในที่แห่งนี้”
น่าหลานฉางเฉียนฉีกยิ้มเย้ยหยัน “หากท่านพ่อของข้าอยู่ที่นี่ คงจะไม่ได้มายืนพูดกับท่านเช่นนี้หรอก แต่จะโยนท่านออกจากท้องพระโรงไปแล้ว”
………………………
Related