ตอนที่ 193 ดื่มเหล้ากับกั๋วซือ (2)
น้ำตาชิงจู๋ไหลดุจสายน้ำ มันมุดตัวออกจากมือของหนานเสียนพุ่งตัวออกจากป่าไผ่ทิศใต้ราวกับลูกธนู…
เพราะความเร็วของมันเร็วมากจึงไม่ทันเห็นคนที่มาข้างหน้า ร่างของมันจึงพุ่งเข้าใส่คนผู้นั้นเต็มๆ
อย่าคิดว่ามันเป็นเพียงงูตัวเดียว ด้วยความเร็วนี้ไม่ว่าจะเป็นวัตถุใดก็สามารถกลายเป็นอาวุธมีคมได้!
ดังนั้น…
ในตอนที่ชิงจู๋มองเห็นหญิงสาวที่โผล่มาอย่างกะทันหัน มันคิดจะหยุดตัวเองก็ไม่ทันเสียแล้ว ทำได้เพียงพุ่งชนใส่หญิงสาวด้วยความตื่นตระหนก…
สีหน้าหนานเสียนเปลี่ยนไปพลัน สาวเท้าก้าวไปข้างหน้า
ย่างก้าวของเขายังสง่างามเช่นเดิมแท้ๆ เป็นเพียงย่างก้าวที่แผ่วเบา แต่ก้าวนี้เพียงก้าวเดียวเขากลับไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฟิงหรูชิงเสียแล้ว
ภายในแววตาตื่นตกใจของเฟิงหรูชิง ก็มีแรงหนึ่งมาจากด้านข้างฉุดดึงนางเข้าไปในอ้อมกอด
อกของชายหนุ่มอบอุ่นเช่นนี้เอง
นางยังได้ยินเสียงหัวใจเต้นตุบตุบ…
ตึ่ง!
ชิงจู๋ที่หยุดตัวเองไม่อยู่ชนเข้ากับต้นไม้เก่าแก่ข้างหน้า มันเจ็บจนมึน น้ำตาซึม
“ตกใจหรือไม่?” แขนของหนานเสียนโอบกอดเฟิงหรูชิงไว้ ก้มหน้าลงแววตาเรียบนิ่งตกอยู่ที่ใบหน้าหญิงสาว
น้ำเสียงของเขาเย็นกระจ่างดั่งดวงจันทร์ แต่กลับอ่อนโยนจน…พาให้คนหลงใหล
ร่างของชิงจู๋หมดแรงตกลงตรงพื้น มันเงยหน้าขึ้นมองไปยังชายหญิงคู่ตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าน้อยใจ
ที่เจ็บน่ะคือมัน คือมัน!
แต่นายท่านสนใจแค่เพียงว่าองค์หญิงจะตกใจหรือไม่…
ไม่มีใครหันมามองมันสักนิด!
…
เฟิงหรูชิงเงยหน้าขึ้น วินาทีนั้นสบตากับดวงตาเย็นชาของหนานเสียน
เขาสะอาดหมดจด สูงส่งสง่างาม ดุจเทพตกสวรรค์ไม่มีสิ่งมัวหมอง ราวกับว่าหากหยาบคายกับเขาแม้เพียงน้อยนิดก็เป็นการดูหมิ่น!
“กั๋วซือ วันนี้ข้านำเหล้ามาด้วย” นางหยิบเอาไหเหล้าที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมาอย่างอารมณ์ดี พิงอกหนานเสียนยิ้มกริ่ม “ช่วงก่อนหน้านี้เจ้าไม่อยู่ ก็เลยยังไม่ได้ชิมเหล้าวิเศษที่ข้าหมักเองกับมือ เพราะฉะนั้นวันนี้ข้าเลยตั้งใจมาหาเจ้า”
หนานเสียนกวาดสายตามองดูไหเหล้าในมือเฟิงหรูชิงนิ่ง
“ดี”
ไม่ไกลกันนัก ชิงจู๋สะบัดหัวเพิ่งฟื้นจากที่พุ่งชนเมื่อครู่ ใครจะรู้ว่ามันได้ยินคำพูดของหนานเสียนเข้าพอดี พลันเบิกตากว้าง
นายท่าน ท่านเคยทูลฝ่าบาทไปว่า…ด้วยรูปร่างขององค์หญิงแล้วไม่ควรดื่มเหล้าไม่ใช่หรือ?
หนานเสียนสังเกตเห็นแววตาตกตะลึงของชิงจู๋ สายตาเย็นยะเยือกถูกส่งไปให้มันชั่วพริบตาหนึ่ง
แววตานั้นทำให้ชิงจู๋หนาวเหน็บไปทั้งตัว รีบกลืนคำพูดที่เดิมคิดจะเอ่ยออกมาลงไปทันควัน ถอยห่างออกไปหลายก้าว
อื้อ มันไม่รู้อะไรทั้งนั้น…
เฟิงหรูชิงนั่งอยู่ในศาลาไม้ไผ่ข้างๆ หยิบแก้วเหล้าออกมาสามใบ ยิ้มกว้างส่งไปให้ชิงจู๋ที่อยู่ข้างหนึ่งของนาง
“ชิงน้อย ไม่ต้องเกรงใจมาชิมเหล้าที่ข้าหมักด้วยกัน”
หน้าชิงจู๋ดำมืด “ข้าชื่อชิงจู๋ ไม่ได้ชื่อชิงน้อย!”
เฟิงหรูชิงหรี่ตาลงยิ้มกริ่ม “ชิงน้อยกับซุปงู เจ้าเลือกเอาหนึ่งอย่าง?”
“…” ชิงจู๋ตัวสั่นสะท้านรีบหันไปทางหนานเสียน
หนานเสียนสะบัดชายเสื้อแล้วนั่งลง ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ไม่แม้แต่จะมองมาที่มัน
ใจของชิงจู๋กระตุก น้ำเสียงอ่อนลงกว่าเมื่อครู่หลายส่วน “เอ่อ เช่นนั้นข้าเลือก…ชิงน้อยแล้วกัน”
ดีกว่าทำเป็นซุปงู…
“ที่จริงซุปงูชื่อนี้ก็ไม่เลว หากเจ้าไม่ชอบครั้งหน้าจะเรียกเจ้าว่าชิงน้อย” เฟิงหรูชิงถอนหายใจ นางยกไหเหล้าขึ้นเทใส่แก้วเหล้าทั้งสามใบ
กลิ่นหอมของเหล้าทำเอาชิงน้อยแสดงท่าทีลุ่มหลงออกมา
“เหล้านี่…ดูเหมือนจะอร่อยกว่าเทียนหลิงกั่วที่ท่านให้ข้าเมื่อครั้งก่อนอีก”
………………………..
รอเหล้าถูกเทจนเต็มแก้ว ชิงน้อยรีบพุ่งไปที่โต๊ะ มุดหัวลงไปในแก้วเหล้า อึกอึกอึก ดื่มเหล้าในแก้วหมดในคราเดียว
เหล้าวิเศษที่หอมและเข้มข้นเข้าไปในร่างกายของมัน ราวกับว่ามีพลังวิเศษกำลังพุ่งพล่านอยู่ทั่วร่างกายของมัน
“ชิงน้อย เจ้าไปดูดซับพลังข้างๆ ไป” หนานเสียนสั่งเสียงเรียบ
ชิงน้อยเงยหน้าขึ้น แววตาของมันว่างเปล่า ตกตะลึง ดีใจ…
ความรู้สึกต่างๆ ปนเปกันไป ทำให้มันมองข้ามชื่อที่หนานเสียนเรียกมัน
“ขอรับนายท่าน”
ชิงน้อยก็เรียกสติกลับมาได้ สายตาที่มันมองไปยังเฟิงหรูชิงต่างไปจากเมื่อก่อน
ไม่รอให้เฟิงหรูชิงได้อ้าปากถาม ชิงน้อยก็ตรงไปที่ข้างๆ อย่างเชื่อฟัง มันเริ่มขดตัวฝึกตบะเตรียมดูดซับพลังวิเศษที่วิ่งพล่านอยู่ในร่างให้หมดสิ้น
“ชิงน้อยเป็นอะไร?” เฟิงหรูชิงสับสน หันไปถามหนานเสียนด้วยความแปลกใจ
ปากบางของหนานเสียนเม้มเล็กน้อย ชุดสีขาวตวัดกลางอากาศเบาๆ
“ตอนที่ข้าเก็บมันได้มันบาดเจ็บหนัก พลังถูกทำลาย เหล้าที่เจ้าหมักสามารถช่วยให้มันฟื้นฟูพลังได้พอดี”
ยาวิเศษสำหรับสัตว์วิเศษแล้ว ผลของมันสำคัญยิ่งกว่า
ชิงน้อยเพราะบาดเจ็บจึงส่งผลให้พลังวิเศษในร่างแตกซ่าน ไม่สามารถรักษาได้มาตลอด แม้จะบอกว่าเฟิงหรูชิงเคยให้มันกินเทียนหลิงกั่ว แต่ว่าเทียนหลิงกั่วก็เป็นเพียงยาวิเศษบริสุทธิ์เท่านั้น สำหรับมันแล้วไม่มีผลใดๆ ห่างชั้นกับเหล้าวิเศษอย่างไกลโข
หลังจากเฟิงหรูชิงรับฟังจนเข้าใจแล้วก็ไม่ได้สนใจชิงน้อยที่อยู่ข้างๆ อีก นางมองหนานเสียนแย้มยิ้มสว่างสดใส เฉกเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ส่องแสงแวววาว
สาวน้อยตรงหน้ายังอ้วนอยู่แท้ๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด…รอยยิ้มสดใสของนางกลับกระแทกเข้าไปในใจหนานเสียน เหมือนกับว่าฉุดดึงเชือกบางอย่างในใจเขายังไม่อยู่หมัด
“เมื่อวานเจ้าถูกรังแกอีกแล้ว?”
เฟิงหรูชิงเงียบไม่พูด ในหัวนางมีความคิดมากมายแทรกเข้ามา แต่สุดท้ายแล้วก็ถูกความคิดบางอย่างยึดพื้นที่ส่วนมากเอาไว้
แล้วก็…
เฟิงหรูชิงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ไผ่ ร่างอ้วนท้วนพุ่งเข้าใส่อ้อมอกของหนานเสียนทันที
โชคดีที่หนานเสียนมีพละกำลังแข็งแกร่งจึงไม่ถูกนางชนจนล้ม
ร่างของเขายังมั่นคงดั่งภูเขาไท้ซาน นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ แต่หากลองสังเกตดีๆ จะพบว่าร่างของเขาในตอนนี้เกร็งแข็งไปแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนานเสียนและเฟิงหรูชิงใกล้ชิดกัน สองครั้งก่อนเขาก็เคยเป็นฝ่ายกอดนาง
แต่สองครั้งนั้นเขาทำไปก็เพื่อช่วยนางเท่านั้น ตอนนี้เฟิงหรูชิงเป็นฝ่ายพุ่งเข้ามาในอ้อมกอดเขา ความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน…
“กั๋วซือ พวกเขารังแกข้า ปลอบใจข้าหน่อย”
ร่างเฟิงหรูชิงทั้งร่างเกาะติดกับร่างหนานเสียน
ร่างกายของหนานเสียนกับนิ่งแข็ง เขาหลุบตาลงมองหญิงสาวที่นำมือมาวางบนหน้าอกเขาแล้วตอนนี้ ใบหน้านิ่งเรียบมืดลงหลายส่วน เขาจับมืออยู่ไม่สุขของหญิงสาวไว้ แล้วเอ่ยอย่างจนใจ
“อย่าเล่น”
เฟิงหรูชิงยิ้มกว้างเก็บมือกลับ แต่ร่างนั้นยังคงไม่ยอมออกห่างจากกั๋วซือ
“กั๋วซือ ได้ยินว่าเฟิงหรูซวงมาคุกคามเจ้าตลอด?”
“เฟิงหรูซวง?” แววตาหนานเสียนฉายแววประหลาดใจ คิ้วขมวดแน่นราวกับกังครุ่นคิดบางอย่าง ครู่ใหญ่กว่าเสียงเรียบนิ่งดุจสายลมของเขาจะดังขึ้น “นางสกุลเดียวกับเจ้า น้องสาวเจ้าหรือ?”
“…” เฟิงหรูชิงมองหนานเสียนนิ่งค้าง “เฟิงหรูซวงเจ้าไม่รู้จักหรือ? นางมาคุกคาเจ้าตั้งหลายต่อหลายครั้ง เจ้าไม่รู้จักนาง?”
น้ำเสียงหนานเสียนสงบนิ่งเรียบ เย็นชาไร้ความรู้สึก
………………