ตอนที่ 331 กั๋วซือออกมาจากห้ององค์หญิง (3)
เรื่องเช่นนี้เฟิงหรูชิงในตอนแรกจะต้องทำได้แน่!
หนานเสียนไม่เห็นผู้ใดในสายตา เดินผ่านหน้าชิงหลิงและคนอื่นๆ ไปด้วยท่าทีเรียบนิ่งเย็นชาและสูงส่งอย่างที่เป็นมา
ราวกับดอกบัวบานสะพรั่ง ละทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง
ในเวลานั้นเอง
น้ำเสียงเร่งรีบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกะทันหัน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น มีคนชั่วมาตามพัวพันเสี่ยวชิงของข้า…”
พูดยังไม่ทันจบก็หยุดลงทันควัน
ถังอิ่นมองหนานเสียนที่เดินออกไปนอกจวนด้วยความตกตะลึง ตาโตจ้องค้างสติหลุดลอยอยู่นาน
คุณ…คุณชายหนานเสียน?
ใช่แล้ว รูปงามเช่นนี้นอกจากหนานเสียนยังจะมีผู้ใดอีก?
แม้นางจะไม่เคยเห็นหนานเสียนมาก่อน แต่บรรดาคนในตระกูลเคยให้นางดูภาพเหมือนนานแล้ว ดังนั้นแค่มองครั้งเดียวนางก็รู้ได้ทันที
หากหนานเสียนปรากฏตัวเร็วกว่านี้สองสามเดือน ไม่แน่นางอาจจะตามออกไป แต่ว่าพอคิดว่าตอนนี้หนานเสียนจะมาแย่งเสี่ยวชิงนางก็แอบกัดฟันด้วยความเกลียด ก้าวเล็กๆ ไปตรงหน้าชิงหลิงแววตาเต็มไปด้วยการตักเตือน
“พี่ชิงหลิง เมื่อครู่คนชั่วนั่นมาทำอะไร?”
เสียงนางเบามากราวกับเกรงว่าหนานเสียนที่อยู่ด้านหน้าจะได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
ชิงหลิงหันหน้าไปทื่อๆ “ข้า…ข้าน้อยไม่ทราบ…แต่…แต่เขาออกมาจากห้องขององค์หญิง พวกเขา…พวกเขานอนด้วยกันทั้งคืน”
นอนด้วยกันทั้งคืน?
ทั้งคืน?
เสี่ยวชิงนอนกับคุณชายหนานเสียนแล้ว?
ราวกับฟ้าผ่าลงมาใส่ ถังอิ่นแข็งทื่อไปทั้งตัว
นานกว่านางจะเรียกสติกลับมาได้เสียงร้องไห้ก็ดังลั่น หันหลังวิ่งออกไปน้ำตานอง
เสี่ยวชิงของนาง…ผู้หญิงที่ใจดีและอ่อนโยนเช่นนั้นถูกผู้ชายป่าเถื่อนทำให้มีมลทินเสียแล้ว
และนางก็…อกหักแล้ว!
“องค์หญิง!”
เวลานั้นเอง หลิวลี่ที่เดินมาจากหน้าจวนยังไม่ทันถึงลานก็เผชิญหน้ากับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เดินมาจากหลังจวน ทำให้ฝีเท้านางชะงัก
อย่างไรเสียหลิวลี่ก็ไม่ใช่ชิงหลิง
ชิงหลิงอยู่กับเจ้าของร่างมานานหลายปี เคยเจอหน้ากั๋วซือย่อมรู้ได้ทันทีที่เห็นว่าเป็นเขา แต่หลิวลี่กลับอยู่แต่ในห้องซักล้างมาโดยตลอดไม่สามารถออกมาข้างนอก ย่อมไม่รู้ว่าชายตรงหน้าคือหนานเสียนกั๋วซือ
นางตกตะลึงในรูปลักษณ์ของหนานเสียน ก่อนจะเรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วแล้วเดินไปด้านหลังจวน
“ชิงหลิง รีบไปทูลองค์หญิงเร็ว พวกลูกหลานขุนนางในราชสำนักมากันอีกแล้ว!”
“อ้อ จริงสิ หลิ่วอวี้เฉินก็มาด้วยบอกว่าต้องการพบองค์หญิง ข้าต้องให้หมาป่าสีขาวไล่เขาไปหรือไม่?”
ฝีเท้าหนานเสียนหยุดชะงัก เขาเงยใบหน้างามขึ้น วินาทีนั้นความนิ่งสงบในนัยน์ตาของเขาหายไปหมดกลับถูกครอบงำด้วยความเย็นยะเยือก
…
ด้านนอกจวนองค์หญิง กลุ่มลูกหลานขุนนางหอบกล่องของกำนัลยืนอยู่หน้าประตูรออย่างเงียบๆ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปในจวนโดยไม่ได้รับอนุญาต
เฟิงหรูชิงในเมื่อก่อนเป็นคนอ้วนคนหนึ่งย่อมไม่มีผู้ใดถามถึง ตอนนี้นางเปลี่ยนไปเป็นมีเสน่ห์งามกดคนทั้งเมืองเช่นนี้ แม้แต่ถานซวงซวงยังถูกนางเอาชนะไป
แล้วในใต้หล้านี้ใครไม่ชอบคนงามกัน? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสู่ขอเฟิงหรูชิงที่ทั้งสวย ร่ำรวย ยศตำแหน่งมีครบทุกอย่าง โอกาสเช่นนี้ใครจะยอมละทิ้ง?
ส่วนที่นางหย่าร้างมาแล้วครั้งหนึ่ง…แล้วยังชื่อเสียงฉาวโฉ่ร้ายกาจดังทั่วทั้งเมือง นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย!
พวกเขาสามารถมองข้ามไปได้!
“หลิ่วอวี้เฉิน ได้ยินว่าจวนเสนาบดีของเจ้าถูกไฟจากสวรรค์ไหม้แล้วนี่ เจ้ายังไม่กลับไปซ่อมแซมจวนเสนาบดีอีก มาหาองค์หญิงกับพวกเราทำไมกัน?”
ชายหนุ่มในชุดเสื้อแพรผู้หนึ่งพลันหันไปเห็นหลิ่วอวี้เฉินท่ามกลางผู้คนก็ยิ้มเยาะแล้วเอ่ยถาม
“ใช่ หลิ่วอวี้เฉิน ตอนแรกเจ้าเป็นคนบอกหย่ากับองค์หญิง แล้วเจ้ายังจะมาขอให้นางยกโทษให้? ใครให้ความกล้าเจ้ามากัน?”
“ข้าแนะนำให้เจ้ากลับไปอยู่กับถานซวงซวงดีๆ จะดีกว่า อย่างไรเสียนางก็อยู่กับเจ้ามาตั้งหลายปีแล้ว”
ตอนที่ 332 หลิ่วอวี้เฉินถูกตี (1)
ใบหน้าหล่อเหลาของหลิ่วอวี้เฉินคล้ำลง ดวงตาเย็นชาของเขามองไปยังเหล่าชายหนุ่มผู้มีความสามารถรอบๆ แต่กลับไม่พูดอะไรอย่างไรเสียในตอนแรกเขาก็เป็นคนหย่ากับเฟิงหรูชิงจริง ไม่เช่นนั้นคงจะไม่เกิดเรื่องมากมายเพียงนี้
ทว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องมาขอการอภัยจากนาง แม้ว่านางจะละทิ้งเขาแล้วก็ตาม!
ฉับพลันประตูจวนองค์หญิงที่ปิดสนิทก็เปิดออก ชั่วพริบตาบนถนนที่เคยส่งเสียดังก็กลับมาเงียบสงบในทันที สายลมพัดแผ่ว ชายเสื้อสีขาวดุจหิมะปลิวไสวราวกับเทพเซียน เหนือกว่าปุถุชนคนทั่วไป
สีหน้าหลิ่วอวี้เฉินแข็งทื่อขึ้นมาในทันที เขากำหมัดแน่นแม้แต่หายใจยังยากลำบาก ชายหนุ่มเย็นชาและสูงส่งเฉกเช่นเดิม เหมือนกับว่าตรงหน้าเขาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงเศษดินโคลน เขาเป็นดอกบัวที่บริสุทธิ์เพียงดอกเดียวบนโลก
ชิงหลิงที่เพิ่งตามออกมาก็เห็นหนานเสียนเดินออกนอกประตูจวนองค์หญิงพอดี ใบหน้าเล็กของนางซีดลงในทันใดแทบจะร้องไห้ออกมาจบกัน คราวนี้ชื่อเสียงขององค์หญิงได้จบสิ้นกันก็คราวนี้!
ต่อจากนี้ผู้คนในใต้หล้าก็จะรู้ว่าองค์หญิงบีบบังคับกั๋วซือ แล้วยังให้เขาค้างคืนด้วย! หากเรื่องนี้ถึงหูฮ่องเต้ นางกับหลิวลี่อย่าหวังจะได้มีชีวิตรอดเลย
“ท่าน…” เสียงหลิ่วอวี้เฉินสั่นเทิ้มราวกับไม่อยากจะเชื่อ “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
สายตานิ่งเรียบของหนานเสียนกวาดไปทางหลิ่วอวี้เฉิน เพียงอึดใจเดียวหลิ่วอวี้เฉินก็รู้สึกถูกโจมตีอย่างแรงเข้าที่อกล้มลงกับพื้น เลือดไหลออกจากลำคอใบหน้าหล่อเหลาตกใจจนไร้สีเลือดนี่เพิ่งจะเช้าตรู่ฟ้าเพิ่งจะสว่าง เพื่อมาดักรอเฟิงหรูชิงพวกเขาจึงได้ตั้งใจมาปิดอยู่หน้าประตูก่อน
ทว่า…ตอนนี้กั๋วซือหนานเสียนกลับเดินออกมาจากในจวนองค์หญิง มันหมายถึงอะไรก็ชัดเจนแจ่มแจ้งดีอยู่แล้ว เมื่อคืนเขา…อยู่ค้างคืนในจวนองค์หญิง!
ใจหลิ่วอวี้เฉินเกิดตื่นตระหนก ไม่รู้เพราะเหตุใดเวลาเผชิญหน้ากับแววตานิ่งเรียบของหนานเสียน ในใจของเขาเกิดความกลัวจากข้างในออกมายังข้างนอก
ความกลัวนี้…ทำมให้เขาอยากจะหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด!
“เหตุใดข้าจึงอยู่ที่นี่?” หนานเสียนยกยิ้มบาง “ถามชิงเอ๋อร์พวกเจ้าก็จะรู้”
ต่อให้รู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่พอคำพูดออกจากปากหนานเสียน ใจหลิ่วอวี้เฉินก็ยังคงสั่น เขาลุกจากพื้นกุมหัวใจแน่น
“กั๋วซือ ข้าเคยทำผิดต่อองค์หญิงหลายเรื่องจริง และข้าก็รู้ว่าข้าในตอนนี้ไม่คู่ควรกับนาง แต่ข้าจะไม่ยอมเลิกรา! ไม่ว่าข้างกายนางจะมีคนมากสักเพียงใดข้าก็จะมุ่งมั่นเพื่อให้ได้อยู่ข้างกายนาง”
ดวงตาหนานเสียนมืดลงทันใด
จากนั้น…
หลิ่วอวี้เฉินที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนักก็รู้สึกถึงแรงกัดดันที่กดลงมาจากศีรษะ แรงกดดันนี่ราวกับภูเขาลูกใหญ่ยักษ์กดลงมาจนร่างของเขาเอนเอียง สุดท้ายเข่าก็กระแทกพื้นแรงจนเขาเจ็บ
หน้าหลิ่วอวี้เฉินมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมา เขาอยากจะลุกขึ้นจากพื้นแต่รู้สึกเหมือนมีมือสองข้างที่มองไม่เห็นกดบ่าเขาเอาไว้ กดลงมาจนกระดูกเข่าเขาเกือบแหลกก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้
“อยากอยู่ข้างกายนางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้” หนานเสียนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“ขอเพียงแค่เอาชนะข้าให้ได้”
“แล้วก็…” เขายิ้มบางๆ แล้วเอ่ยต่อ
“ชิงเอ๋อร์เคยพูดไว้ นางชอบคนรูปงามและแข็งแกร่ง ฝันอยากจะเข้าไปในจวนของนางนอกจากจะเอาชนะข้าแล้วจะต้องรูปงามกว่าข้าด้วย”
“…”
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะสามารถเอาชนะเจ้านี่ได้หรือไม่ เพียงแค่หน้าตา…พวกเขาก็ด้อยกว่าหลายขุมแล้ว นอกเสียจากเจ้านี่จะเสียโฉม มิเช่นนั้นจะเอาชนะเขาได้อย่างไรกัน?
ส่วนถ้าหากเสียโฉมละก็…ทุกคนหันไปมองหลิ่วอวี้เฉินที่ถูกกดจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ ในใจก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปทันที
ช่างเถอะ ช่างเถอะ แม้แต่หลิ่วอวี้เฉินที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นราวคราวเดียวกัน อยู่ต่อหน้าเขายังอนาถถึงเพียงนี้แล้วคนข้างเคียงเล่า?