ตอนที่ 371 มีสิทธิ์อะไร (2)
ถังลั่วเอื้อมมือไปอีกครั้งดึงหรงเยียนเข้าสู่อ้อมกอดอย่างแรง
ครั้งนี้เขาใช้แรงมากไม่ยอมให้นางดิ้นหลุด
ร่างของหรงเยียนสั่นอย่างรุนแรง ความโกรธและความรังเกียจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเต็มหัวใจของนาง ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้จะระเบิด
“เยียนเอ๋อร์…” ถังลั่วมองหญิงสาวตรงหน้า แววตาแฝงด้วยความลุ่มหลง อาลัยอาวรณ์และบ้าคลั่ง
หมัดของหรงเยียนกำแน่นนางหลับตาทั้งสองข้างลง
วินาทีนี้ในหัวของนางปรากฏร่างร่างหนึ่งขึ้นมา…
ชายรูปงามหาใดเปรียบ เสื้อคลุมลายมังกรงามสง่าผ่าเผย
นั่นคือชายที่สลักอยู่ในความทรงจำส่วนลึกสุดของนาง
คือคนที่นางลืมไปสิบปีแต่กลับฝันเห็นในตอนกลางคืน
แม้เขาในฝันหน้าตาจะไม่ได้ชัดเช่นวันนี้และยังถูกบดบังด้วยหมอกอีกชั้น แต่ตราบใดที่เขาปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้หัวใจนางเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม
ความรักแน่นแฟ้นเช่นนี้จึงจะเป็นเหตุที่นางไม่เชื่อคำถังลั่ว
ชายที่นางความจำเสื่อมไปแล้วก็ยังจะรักเขาเพียงนี้จะทำร้ายนางได้อย่างไร?
เขาจะต้องเป็นสามีที่ดีที่สุดในโลก!
หรงเยียนลืมตาขึ้น
นางปรายตามอง ราวกับในตอนนั้น จักรพรรดิของโลก!
ไม่ได้โง่เขลานุ่มนวลเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว
“ไสหัวไป!”
ปึ้ง!
ร่างของนางจู่ๆ ก็ระเบิดพลังมหาศาลออกมา
พลังนี้เป็นที่น่าตื่นตกใจพลันทำให้ร่างถังลั่วถอยไปด้านหลัง ความตกตะลึงไม่ได้เลือนรางไปจากสายตา
“พู่!”
เลือดสดถูกพ่นออกมาจากปากหรงเยียน สีหน้านางขาวซีด
ก่อนหน้านี้ฝีเท้ายังพอยืนได้มั่นทว่าขาสองข้างของนางเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถยืนตรงได้ สองมือกดกับกำแพงแน่นจึงจะสามารถทำให้ตนเองไม่ล้มลงไปได้
“เยียนเอ๋อร์” ในที่สุดถังลั่วก็ได้สติกลับมา “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าถูกพิษ ทำให้พละกำลังของเจ้าไม่เท่าเมื่อก่อน แต่เจ้าเพื่อผลักข้าออกไม่สนใจร่างกายฝืนรวบรวมพลังทั้งหมด เช่นนี้แล้วย่อมทำร้ายร่างกายของเจ้า”
พิษที่เขาวางเพียงทำให้ความสามารถของนางถดถอยไม่ทำร้ายร่างกายของนาง
หากหรงเยียนยังมุทะลุอีกก็พูดยาก…
หรงเยียนเช็ดคราบเลือดที่มุมปากยิ้มเย็น “หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าเพียงนิดเดียว เช่นนั้นข้าขอพินาศไปกับเจ้าแต่จะไม่ยอมถูกเจ้าทำให้มีมลทิน!”
ตอนนั้นนางยอมตายไม่ยอมให้คนพรรคเภสัชเทพผู้นั้นแตะต้องนาง ตอนนี้ก็เช่นกัน!
“เยียนเอ๋อร์ เจ้าจำได้หมดแล้วใช่หรือไม่?” ถังลั่วขมวดคิ้วถาม
“อืม”
วันนี้เพิ่งจะตื่นจากฝันร้าย นางนึกออกได้ไม่มากนักจนกระทั่ง…ถังลั่วคิดจะบีบบังคับนาง
ใบหน้าที่มัวไม่ชัดในหัวนางจึงได้ชัดขึ้นมาในทันใด
และวินาทีนั้นเองนางก็นึกเรื่องราวที่นางลืมไปทั้งหมดออก
พรรคเภสัชเทพ!
ตระกูลถัง!
หรงเยียนกำหมัดแน่น คนพวกนี้ที่ทำให้พวกนางทั้งครอบครัวไม่สามารถอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาล้วนแล้วแต่สมควรตาย!
“เช่นนั้นเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าดีต่อเจ้ามาตลอดสิบปี?”
“ดี?” หรงเยียนยิ้มเย็นเอ่ย เจ้าดีต่อข้าจงใจอาศัยตอนข้าเจ็บหนักวางยาข้าให้ข้าสูญเสียความทรงจำ? เจ้าดีต่อข้าจึงอาศัยตอนที่ข้าโง่เขลากักขังข้ามาสิบปี? เจ้าดีต่อข้าจึงขัดขวางข้าไม่ให้พบกับลูกสาวและยังบีบบังคับข้า?”
นางนึกเรื่องทั้งหมดออกแล้ว
และก็นึกออกว่าสิบปีมานี้ตระกูลถังทำกับนางอย่างไร…
เหตุใดนางจึงไม่ให้หญิงรับใช้ดูแล? เพราะว่าตอนนั้นสตินางยังไม่ดีนักไม่รู้เรื่องอะไร หญิงรับใช้ไม่ลังเลที่จะดูถูกนาง
นางเป็นคนหัวแข็ง แม้ว่าพละกำลังจะไม่เท่าเมื่อก่อนก็สามารถตีหญิงรับใช้จนมีแผลฟกช้ำทั้งตัวได้ ดังนั้นถังลั่วจึงคิดมาตลอดว่านางไม่ยินยอมให้ผู้ใดเข้ามาในหลังเขาจึงไม่ลังเลที่จะตีหญิงรับใช้ผู้ไม่รู้อะไร
……………………..
ตอนที่ 372 มีสิทธิ์อะไร? (3)
นางไม่ยอมให้หมอดูอาการให้นาง ก็เพราะหมอพวกนั้นจะใช้เข็มแทงนางทุกครั้ง แม้ในตอนที่นางแข็งแรงดีก็ไม่ละเว้นนาง
นางกลัว รังเกียจและเกลียดชังจนตีหมอด้วยความสุดที่จะทน
ดังนั้นถังลั่วจึงนึกว่านางยอมป่วยไม่อยากรักษา และถังอวี้ คนนี้อายุพอๆ กับลูกสาวแต่กลับเป็นคนชั่วร้าย
อาศัยความคิดถึงที่นางมีต่อลูกสาวมานาน และยังสมองเสื่อมโง่เขลา ใช้ความอ่อนโยนเป็นอาวุธหลอกเอายาวิเศษไปจากนางนับไม่ถ้วน ทุกครั้งหลังจากหลอกเอายาวิเศษไปแล้วก็จะพลิกหน้าแตกคอกัน
แต่ต่อให้นางโง่เพียงใจก็มีช่วงเวลาที่มีสติดี
ทุกครั้งตอนที่นางมีสติดีถังอวี้ไม่สามารถหลอกเอายาวิเศษไปได้ ก็จะใช้เรื่องลูกชายลูกสาวมากระตุ้นนาง ใช้วิธีนี้แก้แค้นนางที่ไม่ให้ยาวิเศษ
แต่ทว่า…
แม้ถูกถังอวี้หลอกเอายาวิเศษไปมากเพียงใด ระดับห้าขึ้นไปนางก็กำแน่นไว้ในมือตลอด
เพียงเพราะไม่ว่าเวลาใดนางก็รู้ดีว่าของที่เหลือไว้ให้ชิงเอ๋อร์จะให้ใครไม่ได้!
ใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น!
“เยียนเอ๋อร์ ข้ายอมรับตอนแรกข้าทำเรื่องผิดต่อเจ้าจริง แต่ข้าใช้เวลาสิบปีมาชดเชยให้ พวกเราทั้งตระกูลถังล้วนกำลังชดเชยให้เจ้านี่ยังไม่พอหรือ?” ถังลั่วมองหรงเยียนด้วยความปวดใจ
หรงเยียนยิ้มเย็น “ตระกูลถังชดเชยให้ข้า? การกลั่นแกล้งของหญิงรับใช้ การทำร้ายของหมอ การหลอกลวงของถังอวี้ ทั้งหมดนี่คือ…กำลังชดเชยให้ข้า!”
ใจถังลั่วเต้นแรงขึ้นกะทันหันหรือว่าในสิบปีนี้ยังเกิดเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้?
สีหน้าของหรงเยียนแฝงด้วยความประชดประชัน
“ข้าบอกเจ้าได้ว่าเจ้าสู้เขาไม่ได้ตรงไหน! ตอนพวกเราแต่งงานกันล้วนแต่ไม่ได้แข็งแกร่งมากพอแต่กลับสัญญาว่าจะประคองกันไปทั้งชีวิต” เสียงของนางไม่ได้เย็นชาเหมือนในตอนแรกกลับเป็นความรักความเสน่หา
“แต่ผู้หญิงที่ต้องการจะแต่งงานกับเขามีมากเหลือเกิน และยังมีผู้คนนับไม่ถ้วนบีบให้เขารับอนุภรรยา ตอนแรกเขาต้องต้านทานความกดดันมากมายไม่ยอมรับเป็นข้าที่เกลี้ยกล่อมให้เขารับไว้ ขอเพียงเขาไม่ไปอุปถัมภ์ผู้หญิงเหล่านั้นก็พอ”
ก่อนที่ผู้หญิงเหล่านั้นจะเข้าวังมานางออกไปพบพวกนางก่อน และบอกการตัดสินใจของเฟิงเทียนอวี้กับพวกนาง
พวกนางสามารถเข้าวังได้แต่จะต้องเป็นหม้ายเฝ้าเรือนไปทั้งชีวิต หากพวกนางไม่ยินยอมนางก็สามารถปล่อยพวกนางไปได้ หากพวกนางยืนกรานจะอยู่ก็เป็นได้เพียงเท่านั้น!
หากมีคนกล้ายั่วยวนเฟิงเทียนอวี้ สายตานางไม่ยอมให้เม็ดทรายใดมาขวางตา ไม่ว่าผู้หญิงนั่นหรือตระกูลของผู้หญิงเหล่านั้นล้วนจะไม่มีวันสงบสุข!
นางโหดร้ายก็เพียงเพราะนางไม่ยอมให้สามีไปนอนหลับเคียงข้างหญิงอื่น และนางก็เคยให้โอกาสพวกนางแล้ว ให้พวกนางเลือกและบอกทุกอย่างไว้ตั้งแต่ต้น ก็ยังมีคนจะเข้าวังให้ได้ เช่นนั้นก็โทษว่านางใจร้ายไม่ได้
“เพราะเหตุนี้” หรงเยียนนึกถึงเมื่อก่อนสีหน้าก็ยิ่งอ่อนโยนขึ้น “ยั่วยุให้คนมากมายก่อเรื่องยุ่ง บีบให้สามีของข้าปลดข้า แต่เขาก็ยังต้านทานแรงกดดันทั้งหมดไว้ไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายข้า”
“แล้วเจ้าล่ะ? คนมากมายทำร้ายข้ามากเพียงนี้ใต้จมูกเจ้า เจ้ารู้บ้างหรือไม่? เพราะเจ้าหยิ่งผยองเกินไปหรืออาจไม่ได้รักข้าถึงเพียงนั้นจึงได้ปล่อยให้คนพวกนั้นมีโอกาสทำร้ายข้า”
แต่เฟิงเทียนอวี้ไม่เคย!
อยู่ข้างกายเขานางไม่เคยถูกทำร้ายแม้แต่น้อย
เขาปกป้องนางอย่างดีมากตลอด ดังนั้นนางก็ยินดีปกป้องแคว้นนี้เพื่อเขา
“ไม่ใช่เช่นนั้น!” ถังลั่วลนลานในที่สุด มือของเขาจับบ่าหรงเยียนแน่น “ข้ารักเจ้ามากจริงๆ ข้าเพียงแค่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ เยียนเอ๋อร์เจ้าต้องเชื่อข้า ข้าไม่มีทางปล่อยไม่ว่าใครที่ทำร้ายเจ้า ไม่มีทาง!”