ตอนที่ 381 ความโกรธแค้นของแคว้นและบ้านเมือง ฝูงชนรวมใจเป็นกำแพง (2)
ไม่เช่นนั้นวันนี้พวกเขาทำเรื่องเช่นนี้ก็ต้องชั่งน้ำหนักสักนิด
ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือ เสือโคร่งอยู่ในป่าสัตว์วิเศษค่อนข้างไกล นางส่งคนไปป่าสัตว์วิเศษหาเสือโคร่งแล้วแต่กลับมาก็ต้องใช้เวลา…
“ถังจือ” ชายชราชุดเทาคนหนึ่งมองไปยังถังจือ “ข้าชื่นชมเจ้ามาก หากเจ้ายอมจำนนโดยดีพวกเราแคว้นเทียนเสวียนจะให้เจ้าเป็นหนึ่งในตำแหน่งแม่ทัพ”
ถังจือยิ้มเยาะเอ่ยขึ้น “ข้าเกิดมาเพื่อเป็นคนขององค์หญิงตายก็เป็นวิญญาณขององค์หญิง ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ของข้าจะติดตามองค์หญิงแต่เพียงผู้เดียวไม่มีวันเลือกนายอื่น”
“เจ้าพูดดีๆ ไม่ยอมก็ต้องใช้กำลังบังคับ เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ดวงตาชายชราเย็นยะเยือกพลังเพิ่มขึ้นมหาศาลฉับพลัน จู่โจมไปทางถังจือ
เดิมถังจือก็สามารถรับมือหลิงอู่ได้เพียงหนึ่งคน ชายชราคนนี้เข้ามาเพิ่มอีกคนนางเริ่มเกินกำลัง
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นเท้าของนางก็ยังยืนมั่นไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
เพราะข้างหลังนางคือแคว้นหลิวอวิ๋นที่นางต้องการจะปกป้อง!
แม้จะต้องสู้จนตายที่นี่นางก็จะไม่ถอย!
แต่สุดท้ายถังจือก็ป้องกันเอาไว้ไม่ไหว ดาบยาวในมือชายชราแทงทะลุไหล่ซ้ายของนาง เลือดสดไหลออกมาย้อมเสื้อนางจนแดง
โห่ว!
ทันใดนั้นเสียงคำรามด้วยความโกรธก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
ถังจือหันไป
ก็เห็นเหล่าสัตว์วิเศษจวนองค์หญิงร้องคำรามกันมา ชิงหลิงกับหลิวลี่หญิงสาวทั้งสองก็ตามรั้งท้ายมาด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาขุนนางอำมาตย์ในเมืองหลวงที่ได้รับข่าวการรุกรานของศัตรูที่แข็งแกร่งขอเพียงเป็นผู้ที่มีพลังไม่ว่าคนหนุ่มหรือคนแก่ล้วนก็ติดตามกองทัพมาด้วย
ถังจือตกตะลึงก่อนจะขมวดคิ้ว “พวกเจ้ามาทำอะไรกัน? รีบกลับไป!”
หมาป่าสีขาวก็ช่างเถอะอย่างน้อยก็เป็นสัตว์วิเศษระดับสี่
คนอื่นๆ ไม่มีถึงระดับหลิงอู่ออกมาก็มีแต่ตายสถานเดียว!
“หัวหน้าถังจือ” หลิวลี่เม้มปากน้อยๆ “ช่วงนี้องค์หญิงให้พวกข้ากินอาหารบำรุงตลอด แล้วยังให้สัตว์วิเศษช่วยพวกข้าฝึกฝน แม้พลังของข้ากับชิงหลิงยังด้อยนัก แต่ว่า…”
นางชะงักไปแล้วเอ่ยต่อ “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงแคว้น พละกำลังข้าจะน้อยเพียงใดก็ไม่อาจยืนดูอยู่ข้างๆ ได้”
ความโกรธแค้นของแคว้นและบ้านเมือง ขอเพียงเป็นคนแคว้นหลิวอวิ๋นล้วนไม่อาจเห็นเป็นเรื่องนอกตัวได้
ต่อให้พละกำลังของพวกเขาจะอ่อนแอน้อยนิดก็ต้องมาร่วมรบ!
คนอื่นก็คิดเช่นนี้ แม้จะสัมผัสถึงแรงกดดันจากหลิงอู่เหล่านั้นก็ยังคงไม่ถอย
เวลานี้ในใจถังจือมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก
คนที่มาประตูเมืองนอกจากขุนนางอำมาตย์แล้วยังมี…นักรบที่ไม่ใช่จากราชสำนัก
น้อยสุดเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีจนถึงคนแก่อายุหกสิบปีล้วนมากันหมด!
“เอ๋าว์วู”
หมาป่าสีขาวร้องคำรามเสียงเกรี้ยวกราดกระโจนใส่ชายชราที่โจมตีถังจือเมื่อครู่
มันแค่นอนหลับที่หลังเขาไปตื่นเดียว หลังจากตื่นขึ้นมาท้องฟ้าเมืองหลวงก็เปลี่ยนไปแล้ว!
พวกคนชั่วสมควรตายกล้าทำร้ายผู้หญิงของนายท่านของมัน มันหมาป่าสีขาวหากเพียงนี้ยังทนได้มันก็ไม่คู่ควรที่จะกินเทียนหลิงกั่วของนายท่าน!
สีหน้าชายชราเปลี่ยนไปถอยหลังไปหลายก้าวจึงจะสามารถยืนได้มั่น ใช้ดาบรับเขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าสีขาว
หมาป่าสีขาวกัดดาบยาวหักในทีเดียว กรุบกรอบ เสียดายที่ไม่มีรสชาติ
ในตอนนี้เองถังจือก็ละสายตากลับมา
นางเข้าใจต่อให้ตัวเองไล่คนเหล่านี้ไปพวกเขาก็จะไม่ไป ไม่สู้จัดการกับศัตรูตรงหน้าอย่างสุดกำลังดีกว่า
…
จวนเสนาบดี
หลิ่วฮูหยินร้องไห้กอดขาหลิ่วอวี้เฉินไว้ ตะโกนเสียงแหบแห้ง “อวี้เฉิน เจ้าจะไปไม่ได้ ไปไม่ได้!”
………………………..
ตอนที่ 382 ความโกรธแค้นของแคว้นและบ้านเมือง ฝูงชนรวมใจเป็นกำแพง (3)
หลิ่วอวี้เฉินตัวแข็งทื่อฝีเท้าหยุดลง เขาหันหลังให้หญิงด้านหลังนัยน์ตาแฝงด้วยความโศกเศร้า “ท่านแม่ แคว้นหลิวอวิ๋น…จะล่มสลายแล้ว”
ครั้งนี้กับสถานการณ์ในวังหลวงครั้งก่อนไม่เหมือนกัน
ครั้งนั้นแคว้นหลงอ้าวเพียงแค่มาท้าทาย เขาเจาะจงเฉพาะแค่ตระกูลน่าหลาน!
พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้เปลี่ยนราชวงศ์ก็ไม่ได้ก่อผลกระทบต่อแคว้นหลิวอวิ๋นนัก
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน!
สี่แคว้นร่วมมือกันก็เพื่อทำลายร้างแคว้นหลิวอวิ๋น!
หากรังคว่ำมีไข่ใบใดไม่แตก?
ได้ยินว่าคนของสี่แคว้นสังหารหมู่ชาวบ้าน แคว้นเช่นนี้หากจะกลืนกินแคว้นหลิวอวิ๋นจริงไม่มีผู้ใดสามารถมีชีวิตรอด!
ทุกคนไปหมดแล้ว!
แม้แต่มู่ชิงเอ๋อร์ตระกูลมู่หญิงสาวเพียงคนเดียวยังไปต่อสู้ที่ประตูเมือง หากเขายังอยู่ต่อจะเป็นชายชาตรีได้อย่างไร?
หลิ่วอวี้เฉินกลัวตายเช่นเดียวกับเสนาบดีหลิ่ว แต่หลักเหตุผลบางอย่างเขาก็เข้าใจดี
“ไปไม่ได้ อวี้เฉิน เจ้าจะไปไม่ได้!” หลิ่วฮูหยินร้องไห้ปานจะขาดใจกอดขาเขาไว้แน่น
“ให้พวกเขาไปสู้ ให้พวกเขาไปสู้ก็พอแล้ว หากพวกเขาตายกันหมดมีเจ้าเพิ่มไปอีกคนก็ไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์อะไรได้! แม่ไม่มีเจ้าไม่ได้ พวกเราเก็บข้าวของออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ตอนนี้เลย”
มุมปากหลิ่วอวี้เฉินยกยิ้มขมขื่น “เมืองหลวงถูกล้อมไว้ท่านคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่พวกเราจะหนีออกไปได้หรือไม่? รอคนพวกนั้นบุกเข้ามาในเมืองหลวงทุกคนก็จะตายกันหมด จากความโหดเหี้ยมอำมหิตของพวกมันแล้วไม่มีทางปล่อยใครไปแม้แต่คนเดียว!”
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปไม่ได้!” หลิ่วฮูหยินร้องเสียงแหลมสีหน้าตื่นตระหนก “มีคนพวกนั้นออกไปสู้ก็พอแล้ว พวกเราตระกูลหลิ่วเป็นตระกูลขุนนาง เดิมพวกเราก็หลบอยู่ข้างหลังให้คนพวกนั้นบุกโจมตีข้าศึกก็พอแล้ว เจ้าห้ามไป!”
ร่างของหลิ่วอวี้เฉินแข็งทื่อยิ่งกว่าเก่า “ท่านแม่…”
“ข้าบอกแล้วว่าห้ามไป!” หลิ่วฮูหยินปล่อยหลิ่วอวี้เฉิน ไม่รู้ไปหยิบมีดสั้นมาจากไหนนำมาจ่อที่คอ
“หากเจ้าก้าวเท้าออกนอกประตูนี้ข้าจะตายต่อหน้าเจ้า!”
หลิ่วอวี้เฉินตะลึงหันกลับไปมองหลิ่วฮูหยิน สักพักเขาจึงพูดขึ้น “ท่านแม่ ท่านกลัวตายมาก”
คนที่กลัวตายคนหนึ่งไม่มีทางฆ่าตัวตายได้
เขาเชื่อฟังแม่มากมาตลอด มีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่เขาจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
หลิ่วอวี้เฉินหันหลังเตรียมจากไป ทว่าใครจะรู้ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวข้ามธรณีประตูก็มีแรงหนึ่งกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างกะทันหัน
ร่างของเขาเซไปด้านหน้าล้มลงกับพื้น
ภายใตสายตาที่พร่ามัวใบหน้าเคร่งขรึมหนึ่งก็เข้ามาในสายตา
“อวี้เฉิน เจ้าอยากตายก็อย่าทำให้พวกเราตระกูลหลิ่วต้องพลอยเหนื่อยไปด้วย! เดิมหากเจ้าไม่ไปร่วมรบต่อให้สี่แคว้นทำลายแคว้นหลิวอวิ๋นพวกเราก็ยังยอมจำนนได้ ด้วยความสามารถของตระกูลหลิ่วของพวกเราแล้วไม่ต้องกลัวว่าสี่แคว้นจะไม่รับ หากเจ้าไปร่วมรบในตอนนี้สร้างความแค้นกับสี่แคว้นแล้วก็ไม่สามารถทำได้อีก!”
เจ้าจะทำตระกูลหลิ่วเสียเรื่องไม่ได้!
คนมีชีวิตอยู่ไม่ดีหรือ? จะไปรนหาที่ตายให้ได้!
เกิดในโลกที่วุ่นวายก็ควรปกป้องตัวเองเป็นหลัก ความโกรธแค้นของแคว้นและบ้านเมือง? น่าขัน!
แคว้นหลิวอวิ๋นล่มสลายแล้วบากหน้าไปขออาศัยแคว้นอื่นก็พอแล้ว!
วินาทีก่อนที่หลิ่วอวี้เฉินจะหมดสติ คำพูดของเสนาบดีหลิ่วดังเข้ามาในหูของเขา
นัยน์ตาเขาราวกับแฝงด้วยความตกตะลึง ไม่อยากเชื่อ…
“ฮูหยิน พาเขาไปพัก” เสนาบดีหลิ่วยิ้มเย็น “ในฐานะลูกชายของข้า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เขากลับไม่รู้ชัด วิ่งไปตายนั่นเป็นเรื่องที่คนโง่เท่านั้นที่ทำ!”
แต่คนโง่ในใต้หล้านี้มีเยอะเหลือเกิน…
………………………………