ตอนที่ 405 ยอมตายดีกว่าคุกเข่า (2)
เปรียบเทียบกันแล้วเขาชื่นชมฉินอี๋มากกว่า ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือฉินอี๋ไม่เพียงแต่เป็นลูกสะใภ้น่าหลานหู สามตระกูลใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นคนของน่าหลานหู…
เพียงชั่วอึดใจใบหน้าของเหล่าคนที่เดินออกมาคุกเข่ายอมจำนนล้วนซีดเซียว พวกเขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองคุกเข่าก็คุกเข่าแล้วกลับไม่ได้รับความปลอดภัยอย่างที่ควรได้รับ
พวกเขาเพียงแค่อยากมีชีวิตอยู่
อยากมีชีวิตอยู่มีความผิดหรือ? เหตุใดต้องทำกับพวกเขาเช่นนี้? เพราะพวกเขาเป็นคนตระกูลเว่ยหรือ?
มุมปากฮูหยินเฒ่ากระตุก ความสิ้นหวังอยู่บนใบหน้าแก่ชราของนาง
ตอนนั้นเว่ยฝ่างติดตามแม่ทัพเฒ่าโดยไม่สนใจอะไร นำพาเกียรติยศมาสู่ตระกูลไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าหากรู้แต่แรกว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้ นางยอมไม่เอาเกียรติยศเหล่านั้นและจะไม่ให้เว่ยฝ่างติดตามแม่ทัพเฒ่าไปสู้ในสนามรบ
“ฉินอี๋” หลิวเฝ่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น “เพื่อลูกสาวของเจ้าเจ้ายอมจำนนเถอะ ข้าชื่นชมในความไม่ยอมแพ้ของเจ้า ขอเพียงเจ้ายอมจำนนข้าจะให้ทางออกกับตระกูลฉินของพวกเจ้า”
ส่วนตระกูลน่าหลานนั่นเป็นไปไม่ได้…ตระกูลน่าหลานจะต้องพินาศ!
ฉินอี๋ก้มลงแววตาหนักแน่นจ้องมองไต้เอ๋อร์
“ไต้เอ๋อร์จำคำแม่เอาไว้ ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าแสดงความอ่อนแอต่อหน้าศัตรู อย่าทรยศแคว้นเพื่อมีชีวิตรอดและอย่าคุกเข่าให้ศัตรู”
ไต้เอ๋อร์คือลูกที่นางรักและโปรดปรานที่สุด แต่ความโปรดปรานของนางไม่ใช่โปรดปรานจนน่ากลัว
นางมีขอบเขตและจริยธรรม
ลูกตระกูลน่าหลานแม้เผชิญหน้ากับความตายก็ต้องยืนตายห้ามคุกเข่าเพื่ออยู่!
“ท่านแม่ ไต้เอ๋อร์จำได้แล้ว ยอมตายดีกว่าคุกเข่า” ใบหน้าเล็กของน่าหลานไต้เอ๋อร์ซีดขาวเล็กน้อย ทว่าแววตากลับหนักแน่นผิดปกติ “ท่านแม่ก็ไม่ต้องกลัว ท่านพี่จะล้างแค้นให้พวกเรา”
ฉินอี๋ยิ้ม ใช่ เฟิงหรูชิงในเมื่อก่อนมีแต่ทำร้ายพวกเขา หากเป็นนางในตอนนี้…
นางเชื่อว่าต้องมีสักวันที่เฟิงหรูชิงจะแก้แค้นให้พวกนาง
เช่นนี้การตายก็ไม่ได้น่ากลัว
“ในเมื่อนี่เป็นการตัดสินใจของพวกเจ้าข้าก็จะเคารพพวกเจ้า” หลิวเฝ่ยโบกมือแววตาดุร้าย “เข้ามา ฆ่าทุกคนที่อยู่ในจวนแม่ทัพ ไม่ต้องเหลือแม้แต่คนเดียว!”
จบประโยคนี้หลิวเฝ่ยก็ตรงไปหาฉินอี๋เป็นคนแรก
ในที่นี้มีเพียงฉินอี๋ที่มีพลังอยู่หลายส่วน
คนอื่นๆ ล้วนเป็นเด็กและคนแก่อ่อนแอแค่ผลักก็ล้ม
ฉินอี๋ยกมือขึ้นกอดปกป้องไต้เอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน ดาบในมือนางเผชิญหน้ากับศัตรูที่เข้ามาอย่างกะทันหัน
…
ทหารอารักขาตระกูลหลิวล้อมคนอื่นๆ ไว้ เจี่ยงเยว่ไม่สนว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์หกเดือนชักดาบออกมาต่อสู้
ท้องของนางเจ็บเป็นระลอกเหงื่อเย็นซึมออกมาบนหน้าผากตลอด แต่นางรู้ดีว่าตอนนี้นางจะล้มลงไม่ได้ อดทนกับความเจ็บปวดเผชิญหน้ากับศัตรู
ตระกูลน่าหลานและตระกูลอื่นๆ แม้จะเหลือทหารอารักขาไว้แต่พลังของศัตรูแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งจนเหล่าทหารอารักขาไม่สามารถต้านทานได้ เพียงชั่วครู่ก็บาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าครึ่ง
และก็เพราะการคุ้มกันของทหารอารักขาทำให้เหล่าผู้หญิงในตระกูลขุนนางไม่ได้รับบาดเจ็บ
ไม่รู้ว่าเพราะทหารอารักขาของตระกูลขุนนางไม่ชอบวิธีของพวกเว่ยเมิ่งเจี๋ยหรือไม่จึงไม่มีใครไปปกป้องพวกนาง แม้จะเป็นเหล่าทหารอารักขาของตระกูลเว่ยก็ล้วนห้อมล้อมอยู่รอบกายเว่ยผิ่นเหยาและฮูหยินเฒ่า คนอื่นๆ ไม่มีผู้ใดสนใจ
แม้ฮูหยินเฒ่าจะยอมจำนนต่อศัตรูเช่นกันแต่อย่างไรฮูหยินเฒ่าก็เป็นฮูหยินเฒ่า ทหารอารักขาจะโกรธเคืองเพียงใดก็ไม่กล้าละเลยชีวิตของฮูหยินเฒ่า
“อ๊า!”
แขนของเว่ยเมิ่งเจี๋ยถูกฟันดาบหนึ่งเลือดไหลอาบเจ็บจนนางแทบจะเป็นลม
ฮูหยินเฒ่าโกรธจนเป็นบ้า “พวกเจ้ายังเฉยอยู่ทำไม รีบไปคุ้มกันเมิ่งเจี๋ยกับเสียงเอ๋อร์ไม่ต้องสนใจเว่ยผิ่นเหยาเกลือเป็นหนอนนั่น!”
……………………….
ตอนที่ 406 ยอมตายดีกว่าคุกเข่า (3)
ทหารอารักขาตระกูลเว่ยไม่มีใครสนใจคำพูดของฮูหยินเฒ่า
พวกเขาคุ้มกันฮูหยินเฒ่าก็เพราะฐานะของฮูหยินเฒ่าก็เท่านั้น แต่คนอื่น…ต่อให้พวกเขาถูกผู้นำตระกูลตำหนิลงโทษก็ยังอยากฟังเสียงหัวใจตัวเองสักครั้ง
ผู้นำตระกูลเป็นทหารมาทั้งชีวิต กล้าหาญจงรักภักดี
ตอนที่ไม่มีน่าหลานฮองเฮา แคว้นนี้ผู้นำตระกูลกับผู้เฒ่าตระกูลอื่นๆ ติดตามแม่ทัพเฒ่าปกป้องเอาไว้ด้วยความยากลำบาก
พวกเขาอาบเหงื่อต่างน้ำหลั่งเลือดท่วมกายปกป้องแผ่นดินแคว้นอย่างสุดชีวิต ไม่ควรให้คนมาเหยียบย่ำเช่นนี้!
ฮูหยินเฒ่าเห็นว่าคำพูดตนไม่มีผู้ใดฟังหน้าก็เขียวคล้ำ โกรธจนอกแทบแตกใบหน้าบิดเบี้ยว
“ฮูหยินเฒ่า” เว่ยผิ่นเหยายิ้มเสียดสี “ท่านอย่าพูดมากความดีกว่า เว่ยเมิ่งเจี๋ยกับเว่ยเสียงเกือบจะทรยศแคว้น และทหารอารักขาตระกูลเว่ยของข้าล้วนจริงใจ ท่านคิดว่าพวกเขาจะไปปกป้องคนเช่นนั้นหรือ? หากท่านยังพูดมากความเกรงว่าแม้แต่ท่านพวกเขาก็ไม่อยากปกป้องแล้ว”
สุดท้ายแล้วเมื่อครู่เจ้าก็ทรยศแคว้นเช่นกัน…
ใจฮูหยินเฒ่าหยุดเต้น ครั้งนี้ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรอีกแล้ว ทว่าสายตานางที่มองเว่ยผิ่นเหยาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หากครั้งนี้พวกเขาล้วนสามารถมีชีวิตรอดไปได้ กลับไปถึงตระกูลเว่ยเมื่อไรนางจะให้ฝ่างเอ๋อร์สั่งสอนนังคนน่ารังเกียจไม่รู้จักความเป็นความตายนี่อย่างหนัก!
…
หลิวเฝ่ยฟาดดาบเข้าที่แขนของฉินอี๋เลือดสาดกระเด็นย้อมพื้นแดงเถือก
สีหน้านางสงบนิ่งเฉกเช่นเดิม นัยน์ตาดำสนิทไม่ไหวติงราวกับไม่มีอารมณ์อื่นใด
ทว่าแขนของนางยังกอดไต้เอ๋อร์ไว้แน่นแววตาแน่วแน่
“ท่านแม่ ท่านว่าท่านพี่จะกลับมาหรือไม่?” ไต้เอ๋อร์ที่ลืมตาโตเป็นประกายจู่ๆ ก็เอ่ยถามขึ้น
ใจฉินอี๋สั่น นางไม่ต้องการให้เฟิงหรูชิงกลับมาในเวลานี้ แต่ต่อหน้าแววตาประกายของไต้เอ๋อร์นางจำต้องพยักหน้าในที่สุด
“นางจะกลับมา”
ไม่ช้าก็เร็วก็กลับมา แต่ไม่มีทางเป็นตอนนี้
“ดีจริง” ไต้เอ๋อร์แย้มยิ้ม บนใบหน้านางเปรอะเปื้อนด้วยเลือดแต่กลับยังคงน่ารักน่าชัง “เช่นนั้นอีกเดี๋ยวท่านพี่ก็จะทำให้พวกเขาลงไปข้างล่างขอโทษพวกเรา ข้าจะรอพวกเขาอยู่ตรงนี้”
ในใจฉินอี๋เศร้าโศก ครั้งนี้สี่แคว้นร่วมมือกันกะทันหันบอกว่าไม่มีใครหนุนหลังนางไม่มีทางเชื่อ ดังนั้นเฟิงหรูชิงในตอนนี้ไม่แน่ว่าจะใช่คู่ปรับของพวกเขา
นอกเสียจากรอนางเติบโตจนสมบูรณ์พร้อม
ทว่าต่อหน้าดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของไต้เอ๋อร์ ฉินอี๋ยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ใช่แล้ว อีกเดี๋ยวพวกเขาก็จะต้องขอโทษ…”
ดาบจำนวนนับไม่ถ้วนมาจากทุกทิศทุกทางล้อมฉินอี๋และไต้เอ๋อร์ไว้ตรงกลาง
ได้รับการรับประกันจากฉินอี๋ไต้เอ๋อร์ก็แย้มยิ้มอย่างสบายใจหลับตาลงช้าๆ
ฉินอี๋หันหลังให้ดาบยาวเหล่านั้นกอดไต้เอ๋อร์ไว้ในอ้อมอกหลับตาลง
ขอโทษ ฉางเฉียน ข้าไม่สามารถรอท่านกลับมาแล้ว แต่ข้าภูมิใจในตระกูลน่าหลาน ชาติหน้าข้าจะยังเป็นสะใภ้ตระกูลน่าหลาน เป็นภรรยาของท่าน
เคล้ง!
ฉับพลันเสียงดังคมชัดก็ดังขึ้นมากลางอากาศ
เสียงราวกับหินกระทบดาบ
ฉินอี๋ชะงักนางค่อยๆ ลืมตาขึ้น
วินาทีนั้นก็ได้เห็นคนที่ห้อมล้อมพวกนางเอาไว้ล้มหงายหลังลงไปจมกองเลือด
นางตกตะลึงนิ่งค้าง ศีรษะค่อยๆ หันมองไปด้านข้างก็เห็นร่างเล็กสองร่างภายใต้แสงอาทิตย์ตกปรากฏสู่สายตานาง
“ท่านพี่เสี่ยวอิ่น” ไต้เอ๋อร์ลืมตาขึ้น
นางเห็นถังอิ่นกับเชียนหนิงทันทีที่ลืมตา หัวใจดวงเล็กเต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี
“ไต้เอ๋อร์ เจ้ารู้จัก?” ฉินอี๋งงงัน