ตอนที่ 511 ใครอนุญาตให้เจ้าระเบิดพลีชีพวะ (5)
เฝิงชิงกำหมัดแน่น “ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด”
“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เจ้ารู้แค่ว่า กู้เจิ้นหยางถูกเชิญจากพรรคเภสัชเทพมาที่นี่ก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องรู้หรอก!” เฟิงหรูชิงหงายฝ่ามือขึ้น ทันใดนั้นกระบี่ก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง
นางเดินประชิดตัวเฝิงชิง
“คนอย่างข้ามีความแค้นต้องชำระ เจ้าทำร้ายท่านลุงกับพี่ชายข้า ข้าจะเอาชีวิตเจ้ามาชดใช้ หวังว่าชาติหน้า เจ้าจะไม่เป็นศัตรูกับแคว้นหลิวอวิ๋นของพวกข้าอีก”
นางฟันกระบี่ลงไป เลือดพุ่งออกจากคอของเฝิงชิง เขาตาเหลือกจ้องเฟิงหรูชิงตาเขม็ง
จนกระทั่งตอนนี้ เขายังคงคิดถึงคำพูดที่เฟิงหรูชิงพูด
คุณชายเจิ้นหยางถูกเชิญมาจากพรรคเภสัชเทพ!
คำว่าเชิญเป็นคำที่มีความหมาย ในเมื่อคุณชายเจิ้นหยางมีความแค้นกับแคว้นหลิวอวิ๋นมากขนาดนี้ คำว่า ‘เชิญ’ ต้องเป็นคำพูดแบบอ้อมๆ แน่นอน!
ก่อนตายเฝิงชิงรู้สึกเสียดายในสิ่งที่ทำลงไป
เสียดายที่เป็นศัตรูกับสกุลน่าหลาน
และยิ่งเสียดาย ที่เป็นฝ่ายรนหาที่ตายเอง!
เฝิงชิงหลับตาลงด้วยความคับแค้นใจ
เมื่อกองกำลังของข้าศึกไม่มีเขา ทั้งทัพสกุลน่าหลานก็มีกำลังคนจำนวนมาก บัดนี้ทัพของเขาแตกกระสานซ่านเซ็น กำลังพลขาดความฮึกเหิมและตัดสินใจยอมแพ้
ในการทำศึก ถือหลักไม่ฆ่าทหารที่ยอมสวามิภักดิ์
ศึกสงครามระหว่างแคว้นไม่เหมือนการต่อสู้ระหว่างตระกูลหรือพรรคที่ถ้าไม่ตายกันไปข้างก็ไม่ยอมเลิกรา!
ทหารเหล่านั้นไม่ว่าจะทำผิดแค่ไหน ก็ล้วนเป็นการสั่งการของเบื้องบน พวกเขาไม่มีสิทธิ์เลือก
ดั้งนั้น ความผิดทั้งหมดทั้งมวลจึงเป็นความผิดของฮ่องเต้และเหล่าขุนนาง! พวกผู้ใต้บังคับบัญชาถือเป็นผู้บริสุทธิ์!
ไม่มีใครไม่กลัวตาย และไม่มีใครชอบสงคราม กษัตริย์นั้นเสวยสุขอยู่บนกองเลือดของเหล่าทหาร ทหารเหล่านั้นเสี่ยงตายเพื่อยึดดินแดนของผู้อื่นมา
นี่คือเหตุผลที่แคว้นหลิวอวิ๋นไม่เคยคิดแย่งชิงดินแดนของใคร
พวกเขาทำแค่เพียงรักษาดินแดนของตน ไม่ยอมให้ผู้ใดมารุกราน และไม่ปล่อยให้ทหารผู้บริสุทธิ์ต้องสละชีพเพื่อผู้มีอำนาจ
แน่นอนว่า การไว้ชีวิตเหล่าทหารที่ยอมแพ้ ไม่ได้หมายความว่าสกุลน่าหลานจะรับคนเหล่านั้นมาเป็นทหารในทัพของตน!
ทหารพวกนี้ทำได้เพียงรับไว้ในกองทัพของแคว้นหลิวอวิ๋น แต่ไม่ถือเป็นทหารของสกุลน่าหลาน
ทหารของสกุลน่าหลาน ยอมตายไม่ยอมแพ้ ทหารที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อศัตรู สกุลน่าหลานไม่ต้องการ!
“ฝ่าบาท” น่าหลานฉางเฉียนเดินมาด้วยท่าทางโซเซ เขาทำท่าถวายบังคม “กระหม่อมทำตามหน้าที่ รักษาดินแดนของแคว้นหลิวอวิ๋นไว้ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิงเทียนอวี้ถอนหายใจ เอามือตบไหล่น่าหลานฉางเฉียน “ท่านพี่ ลำบากเลยสินะ”
คำว่าพี่นี้ ฟังดูจริงใจนัก
บัดนี้น่าหลานฉางเฉียนไม่ใช่ขุนนางใต้บังคับบัญชาของเขา และเขาก็ไม่ใช่ฮ่องเต้
พวกเขาเป็นเพียงคนในครอบครัวเดียวกันเท่านั้น
น่าหลานฉางเฉียนตะลึง น้ำตาคลอเบ้า
“กระหม่อม ไม่ลำบากพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่ๆๆ ท่านพี่ลำบากมาก”
แน่นอน ต่อไปยังมีเรื่องให้ท่านต้องลำบากกว่านี้อีก
แต่คำพูดนี้เฟิงเทียนอวี้ไม่กล้าพูดออกไป
เขากลัวว่าถ้าน่าหลานฉางเฉียนรู้ว่าเขาจะให้น่าหลานฉางเฉียนว่าราชการแทน เมื่อน่าหลานฉางเฉียนยกทัพมาคุ้มกันด่านชายแดนแล้วจะไม่กลับเข้าเมืองหลวงอีก!
น่าหลานฉางเฉียนตัวสั่น เขาค่อยๆ หันหน้าไปมองน่าหลานเยียน น้ำตานองหน้า
“น้องพี่ ข้าดีใจ…ที่เจ้ากลับมาบ้าน”
สิบหกปีที่จากกันไป สิบหกปีแห่งความทุกข์ทรมาน!
ในที่สุด นางก็กลับมา!
ดีจริงๆ !
น่าหลานฉางเฉียนเอามือปิดหน้า แต่น้ำตาก็ไหลออกมาตามร่องนิ้วมือของเขา เขาทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น
เฟิงหรูชิงยิ้มน้อยๆ นางสัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องอยู่จากที่ไม่ไกล นางจึงหันไปดู
ทันใดนั้น ใบหน้าอันซีดขาวของชิงหย่วนก็ปรากฏแก่สายตาของนาง มันกะทันหันเหลือเกิน…
……………………
ตอนที่ 512 ใครอนุญาตให้เจ้าระเบิดพลีชีพวะ (6)
“เสด็จแม่ ท่านรู้จักเขาหรือไม่”
เฟิงหรูชิงมองเห็นชายหนุ่มที่สายตาจับจ้องมาที่น่าหลานเยียน นางเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย น่าหลานเยียนอึ้ง นางมองตามเฟิงหรูชิงไปเห็นชายหนุ่ม แววตาของนางดูตกใจ “ชิงหย่วน?”
ชิงหย่วนเมื่อสิบปีที่แล้ว ยังเป็นเพียงวัยรุ่นไร้เดียงสา ไม่เจอกันสิบปี เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
“เสด็จแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าคนที่อยู่ข้างๆ เขาเป็นใคร” เฟิงหรูชิงยิ้มน้อยๆ
“จื่อเยียน องค์หญิงของแคว้นหลงอ้าว อดีตคู่หมั้นของท่านพี่ ปีก่อนแคว้นหลงอ้าวส่งคนมาขอถอนหมั้น ไม่ให้นางแต่งงานกับท่านพี่”
ผู้คนทั้งหลายต่างคิดว่าเสด็จแม่สิ้นพระชนม์ไปนานแล้ว แต่เดิมที่แคว้นหลงอ้าวไม่มีความคิดจะถอนหมั้น จู่ๆ ก็กลับมาขอถอนหมั้นแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
เมื่อก่อนเฟิงหรูชิงไม่เข้าใจ มาตอนนี้ได้เห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังหรงเยียนจึงกระจ่างขึ้นมาทันที
น่าหลานเยียนแววตาสลดเล็กน้อย “สมัยก่อน ข้ากับแม่ของจื่อเยียนต่างรู้จักกันมานาน นางกับข้าเคยพบกันที่แคว้นหลิวอวิ๋น ตอนนั้นจิ้งเอ๋อร์ก็อยู่ด้วย ข้าเห็นจิ้งเอ๋อร์ดูเป็นห่วงเป็นใยเด็กที่อยู่ในท้องของนาง ข้าเลยคิดจะหมั้นหมายพวกเขาไว้ด้วยกัน”
นางถอนหายใจแล้วพูดต่อไปว่า
“แต่เรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ข้าเคยพูดไว้ ถ้าหากเขาทั้งสองไม่อาจผูกสมัครรักใคร่กันได้จริงๆ ก็บอกเลิกการหมั้นหมายนี้ได้ นี่เป็นเพียงการตกลงกันส่วนตัวระหว่างข้ากับแม่ของนาง ใครเลยจะรู้ว่าแคว้นหลงอ้าวจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลง เพื่อให้ข้าหายโกรธ ฮ่องเต้เสนอว่าจะให้พระธิดาของเขาแต่งงานผูกสัมพันธ์กับแคว้นเรา ข้าก็เลยเลือกจื่อเยียน”
แต่สุดท้ายแล้ว…พวกเขาก็ไม่ได้แต่งงานกัน
ช่างเถอะ ความรักไม่อาจบังคับใจได้ นางไม่ใช่คนที่ชอบทำให้ใครต้องลำบากใจ ขอเพียงสิ่งใดที่ดีกับจื่อเยียน นางก็สนับสนุนทั้งนั้น
ในขณะที่น่าหลานเยียนเงยหน้าขึ้น ได้เห็นชิงหย่วนเดินเข้ามาหา
จื่อเยียนลงมาจากหลังหมาป่าสีดำแล้วเดินตามชิงหย่วนอยู่ข้างๆ
“น่าหลานฮองเฮา ที่แท้ท่านยังมีชีวิตอยู่” จื่อเยียนไม่รอชิงหย่วนพูด นางยิ้มน้อยๆ แล้วขมวดคิ้ว นางพูดด้วยเสียงเบาและรู้สึกผิด
“ขออภัยด้วยเพคะ น่าหลานฮองเฮา เมื่อครู่คู่หมั้นของหม่อมฉันคิดจะเข้ามาช่วยแม่ทัพน่าหลาน แต่เพราะสุขภาพของหม่อมฉันไม่ดี เขาจึงต้องคอยดูแล และไม่ได้เข้ามาช่วย หากท่านไม่พอใจหม่อมฉันต้องขออภัยด้วย ขออภัยจริงๆ เพคะ”
นางก้มหน้า น้ำเสียงจริงใจ แต่นางไม่เห็นเลยสักนิดว่าคนทั้งหลายที่อยู่ตรงนั้นสีหน้าล้วนเปลี่ยนไป
จู่ๆ สีหน้าของน่าหลานเยียนก็ดูไม่สบอารมณ์นัก
เดิมนางไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรจื่อเยียน เพราะเชื่อว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่อาจฝืนใจ
แต่ว่า…คำพูดของจื่อเยียนทำให้นางรู้สึกเอือม แววตาแสดงท่าทีเย้ยหยัน
“เจ้าจะอวดอะไรข้าหรือ” น่าหลานเยียนเดินเข้าหา ยิ้มเยาะ
“อวดว่าคู่หมั้นเจ้า เพื่อเจ้าแล้วเลือกที่จะไม่สนใจคนอื่น? อวดว่าในใจของเขา เจ้าสำคัญแค่ไหน ข้าจำได้ว่าคู่หมั้นของเจ้า…คือหลานชายข้ามิใช่หรือ แล้วผู้ชายคนนี้มาจากไหนกัน”
หน้าผากของชิงหย่วนมีเหงื่อไหลซิก เขาดึงแขนจื่อเยียนเพื่อบอกเป็นนัยว่าอย่าพูดอะไรต่อเลย แววตาของจื่อเยียนดูโมโห ก็แค่ผู้หญิงที่แต่งงานไปแล้ว ทำไมชิงหย่วนถึงดูใส่ใจนางขนาดนี้
“น่าหลานฮองเฮา หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น หม่อมฉัน…”
“เสด็จแม่” เฟิงหรูชิงยิ้ม
“นางถอนหมั้นกับท่านพี่ไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่แคว้นหลิวอวิ๋นขาดเสด็จแม่ไป คนพวกนี้ก็ไม่เห็นแคว้นเราอยู่ในสายตา เขี่ยท่านพี่ของข้าทิ้งอย่างไม่หวั่นสายตาผู้คน แต่ถอนหมั้นเสียได้ก็ดี ถ้านางไม่ถอนหมั้น ข้านี่แหละจะเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นแทนท่านพี่เอง”
……………………….