บทที่ 6 จะเลือกสัตว์วิญญาณแบบไหนได้ ถ้าไม่มีเงิน
คุณสมบัติของสัตว์วิญญาณยังคงไม่ได้รับการแก้ไข
แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองให้เกินกว่าศักยภาพตามปกติ และก้าวเข้าสู่มิติที่สูงขึ้น
ทำไมผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณถึงเป็นอาชีพที่มีค่าที่สุดบนแผ่นดินใหญ่
นั่นเป็นเพราะพวกเขานั้นเชี่ยวชาญทุกกระบวนการ คอยอาศัยยาอายุวัฒนะ กระบวนการลับ และการปรับแต่งที่สามารถทำให้สัตว์วิญญาณก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง และก้าวเข้าสู่มิติที่สูงขึ้นไปอีก
ผู้ใช้พลังวิญญาณคนใดจะไม่มีความรู้สึกกับสัตว์วิญญาณของเขา?
ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น แต่สัตว์วิญญาณยังคงติดอยู่ในข้อจำกัดของเขา และไม่สามารถก้าวข้ามได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก
ผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งหมด ต้องการให้สัตว์วิญญาณของตนก้าวข้ามไปได้ และทำให้เกินขีดจำกัดทางเผ่าพันธุ์ของตนเอง พวกเขาทั้งหมดนั้นยินดีที่จะจ่ายเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อขอให้ช่วยทำการปรับแต่งมัน
แต่ไม่ใช่แค่ผู้ปรับแต่งวิญญาณที่สามารถทำสิ่งนี้ได้ จำเป็นต้องมีสัตว์วิญญาณ ผลพิเศษบางอย่าง และนอกจากโอกาสที่จะก้าวข้ามด้วยตนเองได้
แต่มันเป็นเรื่องที่ยากมาก… มันยากเกินไป…
เกรงว่า คนบางคนยังไม่เคยพบเจอสิ่งเหล่านี้ในช่วงชีวิตของพวกเขาเลย
ลั่วอู๋ไม่คาดหวังกับวันแรกของเขาในเมืองแห่งความพินาศ แต่เมื่อมาถึงวันแรกเขาก็พบกับงูทองคำตัวหนึ่งที่สามารถทำลายขีดจำกัดทางเผ่าพันธุ์ของมันได้
“วิวัฒนาการเอง” หลิวหูกระตือรือร้น และใบหน้าของเขาแดงขึ้น แล้วก็ถามขึ้นว่า “ทำไมมันยุ่งยากจัง”
ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น “ถ้าข้าพูดถูก งูทองคำของท่านน่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่สิบวันก่อนแล้ว”
“ใช่แล้วๆ” หลิวหูรีบพยักหน้า
“ถูกต้อง เมื่อสิบวันก่อน ความแข็งแกร่งของมันพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด บางทีมันคงเป็นโอกาส บางทีมันต้องการออกไปผจญภัย หรือว่าอาจจะเป็นเรื่องที่วุ่นวายเกินไป มันแค่ต้องการที่จะก้าวข้าม พลังงานในร่างกายของมันเริ่มสั่นคลอน ทำให้ความแข็งแกร่งของมันผันผวนมาก และเปลี่ยนจากสูงไปต่ำ ดังนั้น มันจะอ่อนแอ นี่เป็นอาการของการพัฒนาของสัตว์วิญญาณ”
หลิวหูดูเป็นกังวลอย่างมาก: “ถ้างั้นทำไมมันถึงยังไม่ก้าวข้ามพัฒนาการไปล่ะ”
“การก้าวข้ามต้องอาศัยเงื่อนไขที่ยากมาก และความแข็งแกร่งทางพลังวิญญาณของตัวเองจะต้องเพียงพอ สภาพแวดล้อมก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครปรับแต่งมันได้ และไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ความล่าช้า เป็นเวลานานทำให้เกิดปัญหานี้ หากโชคไม่ดีพลังต้นกำเนิดอาจจะพังทลาย … “
ลั่วอู๋จบคำพูดแบบห้วนๆ แต่อย่างที่ทุกคนรู้ ถ้าต้นกำเนิดถูกทำลาย นั่นหมายถึงความตาย
ใบหน้าของหลิวหูเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง งูทองคำตัวนี้เป็นสัตว์วิญญาณตัวแรกของเขา หลังจากผ่านมาเจ็ดปี เขาก็มีความรู้สึกผูกพันลึกซึ้งกับมัน เขามองไปที่ลั่วอู๋และพูดว่า “ท่านรู้มากแค่ไหน ท่านช่วยข้าได้ไหม”
“ข้าบอกไปแล้วว่า ข้าแก้มันไม่ได้” ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น “ถ้าท่านพลาดช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ แม้ว่าผู้ปรับแต่งชั้นนำจะมาถึง เขาก็อาจไม่มั่นใจ และมันก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของงูทองคำด้วย”
“มันจะ… มันจะต้องแข็งแกร่งขึ้น ท่านช่วยมันได้ไหม” เมื่อได้ยินว่างูทองคำอาจกำลังจะตาย หลิวหูก็ตื่นตระหนกทันที
“ข้ามั่นใจเพียง 30 เปอเซ็นต์” ลั่วอู๋พูด “มันก็ขึ้นอยู่กับโชคแล้วล่ะ”
ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะมีไหปีศาจอยู่ แต่มิติของเขาก็ต่ำเกินกว่าที่จะใช้ไหปีศาจกับระดับของงูทองคำได้ และสำหรับการให้ระดับเงินก้าวเข้าสู่ระดับทอง ค่าใช้จ่ายของแต้มภูตสูงถึง 5,000 เขาไม่มีแต้มภูตมากมายขนาดนั้น
ความรู้นี้ของเขานั้นได้มาจากฐานะบุตรชายของตระกูลลั่ว เขาจำเป็นต้องเรียนรู้มัน และในท้ายที่สุดแล้วตระกูลลั่วก็เริ่มต้นสร้างชื่อเสียงขึ้นมาด้วยการปรับแต่งสัตว์วิญญาณ
แต่งูทองคำอยู่บนขอบของการก้าวข้าม ซึ่งเขารู้ข้อมูลนี้เพราะไหปีศาจ คนธรรมดาจะไม่มีวิธีพิเศษในการตัดสินสถานะปัจจุบันของงูทองคำเองได้
มีโอกาสเพียง 30 เปอเซ็นต์ หลิวหูรู้สึกลังเลถึงความน่าจะเป็นที่น้อยมากในความรู้สึกของเขา
อย่างไรก็ตาม โอกาสเพียง 30 เปอเซ็นต์ ของการวิวัฒนาการก็ดูเหมือนจะไม่ต่ำจนเกินไป หากไม่สู้ มันก็อาจตายได้
หลิวหูกัดฟันของเขา: “ตกลง ใช้ความสำเร็จ 30 เปอเซ็นต์ ท่านอยู่ที่นี่เพื่อช่วยงูทองคำของข้าและพัฒนาความสามารถของมัน”
มีผู้คนเข้ามามุงดูกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อได้ยินมาว่ามีงูทองคำอยู่ที่นี่ มีหลายคนที่ข้ามถนนเพื่อมาดูมัน
ศาลาไป๋หยู่มักจะมีการทำการค้าขายที่เงียบสงัด และไม่คึกคัก
“ช่วยท่านงั้นเหรอ ดูเหมือนว่าท่านจะเข้าใจผิดบางอย่างนะ ข้าไม่เคยบอกว่าข้าจะช่วยท่านเลย งูทองคำของท่านจะเป็นหรือตาย จะพัฒนาขึ้นหรือไม่มันเกี่ยวกับข้างั้นเหรอ”
หลิวหูตกตะลึงงันไปเมื่อได้ยินคำนั้น
คนงานในทั้งสามคนยื่นนิ่งเหมือนตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว
ผู้ชมรอบ ๆ ต่างตกตะลึง
เพราะชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ช่วยอะไรตามที่เขาพูดเอาไว้เกี่ยวกับงูตัวนี้เลย
มีเพียงแค่สาวใช้คนเดียวเท่านั้น หลี่หยินที่ดูเหมือนจะเข้าใจในตัวของลั่วอู๋
ลั่วอู๋มองไปที่หลี่หยิน ซึ่งเป็นสาวใช้ที่อยู่กับเขามานานกว่าสิบปี
หลิวหูพูดออกมาด้วยความโกรธ “ถ้าท่านไม่ช่วยข้า แล้วใครจะช่วยข้าล่ะ ศาลาไป่หยู่ของก็ท่านรับเงินของข้าไปแล้ว”
“ใช่แล้ว” ลั่วอู๋พูดด้วยสีหน้านิ่งสงบ “แต่ข้าจ่ายเงินชดเชยให้ท่านแล้วไม่ใช่หรือ จำนวนเงินเท่าไหร่ล่ะ สิบหินวิญญาณเหรอ หรือว่าหนึ่งร้อย แต่ข้าจ่ายคืนให้ท่านห้าพันหินวิญญาณครบถ้วน”
ผู้คนรอบๆ ต่างก็รู้ทันที
ใช่แล้ว แม้ว่าศาลาไป่หยู่จะเก็บเงินมัดจำของท่านไปแล้ว แต่เขาก็ได้เงินชดเชยคืนแล้ว
การค้าขายจบลงแล้ว
ดวงตาของลั่วอู๋เปล่งประกาย: “ท่านมาที่ศาลาไป่หยู่และส่งเสียงดังโวยวาย ข้ายังไม่พูดต่อว่าท่านสักคำ และท่านพูดออกจากปากท่านเองว่าจะต้องจ่าย 5,000 หินวิญญาณ แล้วก็พูดจาข่มขู่ว่าจะพังร้านของข้า และท่านก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินทองมากมายกับการซื้อของที่ร้านข้า ทำไมข้าต้องทำการค้าขายกับท่านด้วย ข้าจะได้อะไรเพื่อช่วยให้ท่านปรับปรุงงูของท่านให้ดีขึ้น หืม โปรดออกไปจากศาลาไป่หยู่ด้วย เราจะไม่ทำการค้าขายกับท่าน “
“และเจ้าทั้งสาม” ลั่วอู๋หันไปมองชายทั้งสามคน
คนงานในร้านทั้งสามดูเชื่อฟังขึ้นมาทันที
“ ตอนนี้ข้ากำลังตั้งกฎของร้านใหม่ ทุกคนที่มาโวยวายอาละวาดในร้านจะถูกจับโยนออกไป เพราะมันรบกวนความเงียบสงบ มันทำให้หูของข้าชาไปหมดแล้ว” ลั่วอู๋ลูบหูของเขาไปด้วยขณะบ่น
คนงานในร้านทั้งสามยังคงอยู่ที่เดิม พวกเขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ได้หวังว่าลั่วอู๋จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
ปกติแล้วหากลูกค้าจะเข้ามาพบเจ้าของคนเก่า พวกเขาจะต้องทักทายกันด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าพวกเขาจะถูกทุบตีและถูกดุด่า พวกเขาก็ต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ตอนนี้ผู้จัดการร้านคนใหม่กลับสร้างกฎให้คนที่เข้ามาทำเสียงดังโวยวาย พวกเขาก็สามารถไล่คนคนนั้นออกไปได้เลย
สักครู่หนึ่ง ความคิดได้จุดประกายในใจของพวกเขา ดูเหมือนว่าการทำงานภายใต้ผู้จัดการร้านคนใหม่จะไม่เลวเลย
“ขอรับ!” คนงานในร้านทั้งสามคนเงยหน้าขึ้น และพวกเขาทั้งหมดสัญญาด้วยความจริงใจ
ศาลาไป่หยู่ก็ยังคงเป็นศาลาไป่หยู่อยู่วันยังค่ำ
แต่ฝูงชนเริ่มจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร้านแห่งนี้
หลิวหูดูเหมือนจะเข้าใจความหมายของลั่วอู๋ และรีบส่งมอบห้าพันหินวิญญาณให้กับมือเขา พร้อมกับพยายามพูดด้วยเสียงสุภาพอย่างที่สุด “ผู้จัดการร้าน ข้าไม่ได้ต้องการเงินจำนวนนี้แล้ว”
“ไม่เหรอ” ลั่วอู๋ตะคอก
หลิวหูพยายามที่จะเก็บรอยยิ้ม: “ไม่ ข้าไม่ต้องการมัน”
“โอ้!” ลั่วอู๋ค่อย ๆ หยิบเหรียญ: “ใครก็ได้มาเอาเงินกลับคืนไปทีสิ”
หนึ่งในสามคนงานเดินมาข้างหน้าอย่างมีความสุข และรับเงินกลับมาคืนให้ลั่วอู๋
หลิวหูพูดอย่างระมัดระวัง “ผู้จัดการร้าน ท่านคิดว่าท่านสามารถทำการค้าขายกับข้าต่อตอนนี้เลยได้ไหม?”
“ได้! หนึ่งหมื่นหินวิญญาณ จ่ายมาก่อน” ลั่วอู๋พูด
“อะไรกัน!” “หนึ่งหมื่นหินวิญญาณ มันเยอะมากเลยนะ จะปล้นกันเหรอไงนี่” หลิวหูพูดอย่างตกใจ
ฝูงชนเริ่มสับสน
“หนึ่งหมื่นวิญญาณ คิดเป็นเงินที่เยอะมาก”
“ท่านสามารถซื้อสัตว์วิญญาณระดับเงิน ลำดับสิบได้นะ”
“สำหรับท่านหลิวหู คาดว่าน่าจะต้องทำงานอย่างหนักเป็นเวลาถึงหนึ่งปี เพื่อจะได้รับเงินหนึ่งหมื่นหินวิญญาณ”
“ผู้จัดการร้านคนใหม่นี้ช่างแล้งน้ำใจเหลือเกิน”
หลิวหูไม่สามารถหาหินวิญญาณมาได้ถึงหนึ่งหมื่นอันอย่างแน่นอน
เงินออมทั้งหมดของเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นมาแค่หินวิญญาณพันอัน
แม้ว่าผู้ใช้พลังวิญญาณจะทำเงินได้ง่าย แต่อาหารของสัตว์วิญญาณ ยาสำหรับการปรับแต่ง อาวุธและชุดเกราะ ล้วนแต่ต้องเสียเงินซื้อหามาทั้งนั้น
“ไม่มีเงินเหรอ? ถ้าท่านไม่มีเงิน ท่านก็ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์วิญญาณได้นะ” ลั่วอู๋เงยหน้าขึ้นมอง
Related